ตำรวจตามรวบหนุ่มประจวบหื่นข่มขืนแหม่มยูเครน ขณะที่เจ้าตัวอ้างผู้เสียหายยินยอม

เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2567 ที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.เด่นดวง ทองศรีสุข ผกก.สภ.บ่อผุด เปิดเผยว่า เวลาประมาณ 12.30 น. วันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา พ.ต.ต.เศกศักดิ์ ศรีสมอ สารวัตร(สอบสวน) สภ.บ่อผุด ได้รับแจ้งความร้องทุกข์จากแหม่มสาว อายุ 32 ปี สัญชาติยูเครน ได้เข้าแจ้งความว่าตนเองถูกชายไทยข่มขืนกระทำเรา โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 ก.ค. 67 เวลาประมาณ 09.00 น. บริเวณชายหาดท้องสน หมู่ 5 ต.บ่อผุด หลังรับแจ้งจึงได้รายงานให้ พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.ไพศาล สังข์เทพ รอง ผบก. ให้รับทราบถึงเหตุที่เกิดขึ้นเพราะเป็นเหตุที่กระทบกับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของเกาะสมุย

จากนั้น พ.ต.อ.เด่นดวง ทองศรีสุข ผกก.สภ.บ่อผุด จึงได้สั่งการให้ชุดสืบสวน และชุดป้องกันปราบปราม สภ.บ่อผุด ประสานร่วมกับ พ.ต.ท.วิชิต บุญชิต สารวัตรตำรวจท่องเที่ยวเกาะสมุย นำกำลังออกสืบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทําผิด ผลปรากฏพบภาพบุคคลต้องสงสัยว่าน่าจะเป็นผู้ก่อเหตุจากกล้องวงจรปิด จึงนําภาพบุคคลดังกล่าวให้ผู้เสียหายดู และผู้เสียหายได้ยืนยันตัวผู้ก่อเหตุ

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตํารวจจึงติดตามหาตัวบุคคลดังกล่าว จนพบตัวผู้ต้องสงสัยที่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ม.5 ต.บ่อผุด พร้อมรถจักรยานยนต์คันที่ขับขี่ในวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวพร้อมกับแสดงหมายจับศาลจังหวัดเกาะสมุย ที่ จ.86/2567 ลงวันที่ 14 กรกฎาคม 2567 สอบถามทราบชื่อว่านายนัฐพงษ์ อายุ 27 ปี ภูมิลำเนา ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมกับรับว่าหมายจับถูกต้องและเป็นบุคคลเดียวกันกับหมายจับนี้ และยินยอมนําเจ้าหน้าที่ตํารวจไปยังห้องพักเพื่อตรวจยึดเสื้อผ้าตัวที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ และนําตัวมาทำการซักถามปากคําที่สภ.บ่อผุด จากการซักถามนายนัฐพงษ์ ได้ให้การยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง และก่อเหตุเพียงคนเดียว โดยยืนยันว่าขณะเข้าไปก่อเหตุผู้เสียหายยินยอมโดยที่ตนเองไม่ได้บังคับขู่เข็ญแต่อย่างใด

เจ้าหน้าที่ตํารวจชุดสืบสวนได้ทําบันทึกการจับกุม นายนัฐพงษ์ อายุ 27 ปี ผู้ต้องหา ในความผิดฐาน “ข่มขืนกระทําชําเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กําลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือ โดยทําให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น” ส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด เพื่อดําเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยคดีนี้ได้รับคำชื่นชมจากชาวบ้านว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของเกาะสมุยไม่เสียหาย