ป.ป.ส.จับเครือข่ายนักค้ารายใหญ่ภาคเหนือตอนล่าง ซุกยาบ้าในยางอะไหล่รถยนต์ 1ล้านเม็ด พบเงินหมุนเวียนกว่า 30 ล้านบาท
วันที่ 19 กรกฎาคม 2567 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) ถนนดินแดง กรุงเทพฯ พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ (เลขาธิการ ป.ป.ส.) พร้อมด้วย นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. และ พล.อ.ต.นิวัติ พูนสิน ผู้บังคับทหารอากาศดอนเมือง ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพอากาศ (ศอ.ปส.ทอ) แถลงผล การจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายใหญ่พื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง จับกุมผู้ต้องหา 4 คน พร้อมยาบ้า 1,000,000 เม็ด ซุกซ่อนในยางอะไหล่รถยนต์ 4 เส้น (เส้นละ 125 มัด/ 250,000 เม็ด) เหตุเกิดที่ จ.สุพรรณบุรี ต่อเนื่อง จ.สุโขทัย ขยายผลตรวจค้นในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี จำนวน 5 จุด ผลการตรวจค้น ไม่พบยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย ตรวจยึดทรัพย์สินรวมมูลค่าประมาณ 1.5 ล้านบาท ตรวจสอบข้อมูลการเงินของกลุ่มเครือข่ายดังกล่าว พบว่าในห้วง 4 เดือนทีผ่านมา มียอดเงินหมุนเวียนกว่า 30 ล้านบาท
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพอากาศ (ศอ.ปส.ทอ), หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (นบ.ยส.35.), ตำรวจภูธรภาค 5, ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (ศปก.ทบ.), หน่วยข่าวกรอง ทางทหาร ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3 (ขกท.ศปก.ทภ.3), กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 3 (ตชด.ภ.3) กรมการปกครอง และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) สืบสวนกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งใช้รถยนต์เป็นพาหนะในการลำเลียงยาเสพติด
โดยเจ้าหน้าที่สืบสวนพบรถยนต์ต้องสงสัยลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือ เข้าพื้นที่ตอนในของประเทศ ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูล พบว่าขบวนการดังกล่าวมีการใช้ยาพาหนะเดินทางเข้าไปในพื้นที่ภาคเหนือ เฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้ง (ตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 - ปัจจุบัน) และเดินทางกลับเข้าพื้นที่ตอนในทันทีของวันถัดมา ซึ่งเป็นลักษณะการเดินทางที่ไม่ปกติ เป็นสิ่งบ่งชี้ต้องสงสัยว่าจะเป็นการเดินทางไปกระทำสิ่งผิดฎหมาย รวมทั้งขบวนการดังกล่าวยังใช้เส้นทางหลบเลี่ยงด่านตรวจ และเลี่ยงเส้นทางหลัก จึงได้สั่งการ นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด มอบหมาย ชุดปฏิบัติการ ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด ที่ใช้รถยนต์เป็นพาหนะในการลำเลียงยาเสพติดอย่างใกล้ชิด เพื่อสืบสวนจับกุมกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนใน
โดยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการได้สืบสวนและติดตามความเคลื่อน ไหวของกลุ่มผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดที่ใช้รถยนต์ในการลำเลียงยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง กระทั่งวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 พบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน เดินทางจากพื้นที่ ภาคกลาง เข้าพื้นที่ จ.เชียงราย จึงเฝ้าติดตามพฤติการณ์อย่างใกล้ชิด และในวันที่ 17 กรกฎาคม 2567 พบรถยนต์ต้องสงสัยทั้ง 2 คัน ขับขี่ในลักษณะติดตามกัน โดยใช้เส้นทาง จ.พะเยา - จ.ลำปาง - จ.แพร่ - จ.สุโขทัย (เป็นทางรอง) มุ่งหน้า จ.สุพรรณบุรี เชื่อว่ามีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ จึงติดตามรถยนต์ต้องสงสัยดังกล่าว จนกระทั่งสามารถสกัดจับรถยนต์ฮอนด้าซีวิคซึ่งนำทาง พร้อมควบคุมผู้ต้องหา 1 คน ได้ที่บริเวณหน้า สภ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ภายในรถยนต์คันดังกล่าวพบยางอะไหล่รถยนต์ลักษณะถูกกรีด และต่อมาสามารถสกัดจับรถยนต์มาสด้าพร้อมควบคุมผู้ต้องหา 2 คน ได้ที่บริเวณถนนหมายเลข 1 มุ่งหน้า จ.สุพรรณบุรี
จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การว่าไปรับยาเสพติดมาจากพื้นที่ จ.เชียงราย โดยนำไปส่งในบุคคลในเครือข่าย ที่ อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงขยายผลพร้อมจับกุมผู้ที่รับยาเสพติด ที่บ้านพักในพื้นที่ จ.สุโขทัย ผลการตรวจค้น พบ ยาบ้า 1,000,000 เม็ด ซุกซ่อนในยางอะไหล่รถยนต์ 4 เส้น โดยเส้นละ 125 มัด รวม 250,000 เม็ด
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวชื่นชมการทำงานของชุดปฏิบัติการในการสืบสวนและติดตามความเคลื่อน ไหวของกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดที่ใช้ยานพาหนะในการลำเลียงยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง จนนำไปสู่การจับกุมดังกล่าว และ สำนักงาน ป.ป.ส.จะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสืบสวนขยายผล รวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องให้ถึงระดับนายทุนผู้สั่งการ เพื่อขยายผลยึดทรัพย์สินเครือข่ายนี้ และ ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี