'สส.กอล์ฟ'เดินหน้าผลักดันแก้ปัญหาช้างป่าเขตสลักพระ กาญจนบุรี เตรียมนำถกในที่ประชุมรัฐสภา
วันนี้ (22 ก.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จ.กาญจนบุรี ได้รับการประกาศเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งแรกของไทย เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.2508 มีพื้นที่ประมาณ 858.55 ตารางกิโลเมตร หรือ 536,594 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ อ.เมืองกาญจนบุรี อ.ศรีสวัสดิ์ อ.บ่อพลอย และ อ.หนองปรือ ปัจจุบันช้างป่าที่อาศัยอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ นับวันยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกปี ปัจจุบันบวกลบแล้วไม่ต่ำกว่า 200 ตัว และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกันพื้นที่อาศัยของช้างป่ามีขนาดเท่าเดิม และมีโอกาสที่จะลดลงเรื่อยๆในทุกๆปี เช่นกัน เพราะมีการขยายถิ่นฐานที่อยู่อาศัยของชุมชนที่อยู่รอยต่อกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ โดยเฉพาะทิศทางด้านตะวันตก เช่นอำเภอเมืองกาญจนบุรีและอำเภอศรีสวัสดิ์ ได้เปลี่ยนสภาพจากผืนป่ากลายเป็นพื้นที่เกษตรกรรมพืชเชิงเดี่ยว เช่น อ้อย มันสำปะหลัง มะละกอ อีกทั้งยังมี โรงแรม และรีสอร์ต เพิ่มขึ้น ซึ่งในอดีตพื้นที่เหล่านี้เป็นด่านทางเดินของช้างป่าที่ลงไปแม่น้ำแควใหญ่เพื่อข้ามไปหากินอีกฟากฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ ซึ่งคนในพื้นที่เองต่างก็รู้ดี
ในอดีตผืนป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแหล่งน้ำแหล่งอาหาร ปัจจุบันต้องมาประสบกับปัญหาภัยแล้ง ทำให้ขาดแคลนแหล่งน้ำแหล่งอาหารของช้างป่า กอปรกับการที่เกษตรกรที่อยู่รอยต่อมีการปลูกพืชเชิงเดี่ยวเพิ่มขึ้น จึงเป็นที่ดึงดูดให้ช้างป่าออกมาหากินนอกพื้นที่ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนมานานหลาย 10 ปี
ที่ผ่านมากรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้หาแนวทางในการแก้ไขปัญหาผลกระทบระหว่างคนกับช้างป่ามาอย่างต่อเนื่อง มีการว่าจ้างบริษัทเอกชนให้เข้ามาดำเนินการแก้ไขด้วยการทำรั้วกันช้างกึ่งถาวร แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะช้างป่ายังสามารถพังรั้วข้ามออกมาหากินนอกพื้นที่ได้อย่างง่ายดาย กระแสไฟฟ้าที่ปล่อยออกมาไม่ได้ส่งผลกระตบต่อช้างป่าเลยแม้แต่น้อย อาจจะรู้สึกก็เพียงแค่เหมือนกับถูกยุงกัดเท่านั้น หลายรัฐบาลที่ผ่านมาได้พยายามหาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่อย่างไรก็ตามการแก้ไขปัญหาช้างป่าออกมาหากินนอกพื้นที่ก็ยังพอเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อยู่บ้าง
นายอัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ หรือกอล์ฟ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย เขต 1 กล่าวว่า ตนได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาดังกล่าวเป็นอย่างมาก ที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่ไปพบปะกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ต.ช่องสะเดา ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เพื่อรับทราบปัญหาและอุปสรรคในการนำไปแก้ไขปัญหา ด้วยการนำเข้าประชุมในระดับสภาให้ได้โดยเร็ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อค่ำวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา นายอัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ พร้อมด้วยนายนิติกร แสงทอง หรือ สจ.เบนซ์ สมาชิกสภา อบจ.กาญจนบุรี ได้มีการนัดหมายกับนายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ นายวสันต์ สุนจิรัตน์ กำนันตำบลช่องสะเดา ทีมปกครองตำบลช่องสะเดา เครือข่ายเฝ้าระวัง ผลักดันช้างป่าออกนอกพื้นที่ (อส.อส.) บ้านแก่งปลากด (อส.อส.) บ้านโป่งปัด ทีมอาสาสมัครเฝ้าระวังผลักดันช้างป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ร่วมลงพื้นที่เพื่อสำรวจพื้นที่ที่ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากช้างป่าลงมารบกวนกินและทำลายพืชไร่ในพื้นที่ตำบลวังดง และตำบลช่องสะเดา
โดยนายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนประชากรช้างป่า ว่าปัจจุบันในพื้นที่ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ มีช้างป่าอาศัยอยู่กว่า 270 ตัว ตัวเลขของช้างป่านั้นเป็นข้อมูลจากงานวิจัยพฤติกรรมของช้างป่า ซึ่งนายอัครนันท์ ได้ให้ความสนใจและสอบถามเรื่องแนวทางการแก้ปัญหา โดยนายไพฑูรย์ ได้ชี้แจงในเรื่องการแก้ปัญหาไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการทำสถานที่กักกันช้างป่า ซึ่งทางเขตได้นำเสนอแนวทางในการสร้างสถานที่กักกันช้างป่าบริเวณซอกเขาหนองแจง หมู่ 4 ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ที่มีเนื้อที่ประมาณ 4,000 ไร่
พื้นที่ดังกล่าวสามารถรองรับจำนวนช้างกลุ่มย่อยที่ออกมารบกวนชาวบ้านได้ โดยให้มีการบริหารจัดการแหล่งน้ำแหล่งอาหารอันจะก่อให้เกิดความยั่งยืนในการ บริหารจัดการ ซึ่งนายอัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ ได้ให้ความสนใจแนวทางการแก้ไขปัญหาตามที่นายไพฑูรย์ อินทรบุตร นำเสนอเป็นอย่างมาก จึงมีความตั้งใจที่จะนำข้อเสนอแนะดังกล่าวเข้าไปประชุมที่สภาผู้แทนราษฎรให้เร็วที่สุด เพราะหากไม่รีบแก้ไขปัญหาดังกล่าวอาจจะทำให้เกิดปัญหาบานปลายได้เพราะช้างป่ามีปริมาณเพิ่มขึ้นทุกปี แต่ผืนป่ายังคงมีเท่าเดิมและมีแนวโน้มลดลงเพราะเกิดจากความเจริญของชุมชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี