ฆ่ายกครัว 4 ศพ!อดีตสามีบุกยิงอดีตภรรยา‘ผอ.โรงเรียน’-ญาติ ซิ่งรถหนีก่อนปลิดชีพหนีผิด
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ศรีสะเกษ ว่า เมื่อเวลา 21.30 น.วันที่ 22 ก.ค.67 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีคนได้ยินเสียงคล้ายการยินปืนดังอยู่หลายนัด ที่บ้านพัฒนา ตำบลหนองไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ จึงรีบออกตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย เพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น
เมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุ เป็นบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ 8 ตำบลหนองไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ หน้าบ้านพบร่างผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ นายปรมัตถ์ หรือทนายป้อม อายุ 39 ปี เป็นทนายความ และนางหยกมณี อายุ 64 ปี และยังมีผู้เสียชีวิตอีก 2 รายอยู่ภายในบ้าน คือ นายบุญเลื่อน อายุ 62 ปี และนางดวงเดือน อายุ 39 ปี เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในตำบลหนองแก้ว นอกจากนี้ยังมี ด.ช. วัย 10 ขวบ ซึ่งเป็นลูกของนางดวงเดือน รอดชีวิตปาฏิหาริย์ เนื่องจากหลบอยู่ในห้องน้ำภายในบ้านหลังเกิดเหตุ
นางดัชฎาภรณ์ อายุ 63 ปี ภรรยาของนายบุญเลื่อน เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุคาดว่าน่าจะเป็นอดีตสามีของนางดวงเดือน ที่เป็นอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนอีกแห่งหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์ ทั้งสองเคยอยู่กินด้วยกันมาและสร้างบ้านหลังที่เกิดเหตุ หวังว่าจะได้อยู่กินด้วยกัน แต่พอช่วงหลังๆอดีตสามีมีอารมณ์รุนแรงถึงขนาดทุบตี นางดวงเดือน ทำให้มีเรื่องทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่งได้เลิกรากันไป และนางดวงเดือน ได้แต่งงานใหม่อยู่กินด้วยกันกับสามีใหม่ คือ นายปรมัตถ์ ซึ่งเป็นทนายความในสังกัดอำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ ได้เพียง 2 เดือน แต่สามีเก่ายังตามมารังควานและข่มขู่ครอบครัวอยู่ตลอด บางครั้งถึงขนาดแจกใบปลิวรอบๆหมู่บ้าน ข้อความที่เขียนในกระดาษใบปลิวด้วย
ทั้งนี้จากการสืบสวนสอบสวน ทราบว่า ผู้ต้องสงสัยเป็นคนร้าย คือ นายปฐพี อายุ 52 ปี อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงนางดวงเดือน และใช้ปืนกระบอกเดียวกันยิงนายปรมัตถ์ หลังจากนั้นได้ยิงนางหยกมณี แม่ของนางดวงเดือน และนายบุญเลื่อน น้องเขยของนางหยกมณี เสียชีวิตรวม 4 ราย
เบื้องต้น พล.ต.ต.พิษณุ วัตถุ ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ลงพื้นที่ตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน โดยเก็บหลังฐานพยานวัตถุในที่เกิดเหตุอย่างละเอียดแล้ว ก่อนจะได้ดำเนินการเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ต่อมาตำรวจ สภ.ประโคนชัย ได้กระจายกำลังดักตามเส้นทางต่างๆ เพราะคิดว่านายปฐพี น่าจะขับรถหลบหนีมาทางอำเภอประโคนชัย ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนายปฐพี
จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 23.30 น.วันที่ 22 ก.ค.67 ชุดสืบสวน สภ.ประโคนชัย พบรถต้องสงสัยเป็นรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซิตี้ สีดำ ทะเบียนสุรินทร์ วิ่งอยู่บนถนนสายรองเขต ต.ไพศาล อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ตำรวจได้ขับรถกระกบ พร้อมประกาศให้หยุดรถ แต่รถคันดังกล่าวกลับขับหนีไปอีก จนกระทั่งรถไปถึงบริเวณ 4 แยกพิณทอง หมู่ 13 ต.ไพศาล ตัดกับถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม
ตำรวจตู้ยามพิณทอง ได้สกัดรถให้จอดสุดท้ายยอมจอดรถนิ่งติดเครื่อง ตำรวจได้เรียกให้คนที่อยู่ในรถลงจากรถ แต่ไม่ได้รับคำตอบประมาณ 1 นาที ตำรวจได้ยินเสียงปืนดังมาจากภายในรถเก๋ง 1 นัด จึงเข้าไปตรวจสอบพบเป็นนายปฐพี สวมเสื้อเชิ้ต ใส่กางเกงขาสั้น นั่งอยู่เบาะคนขับ ถูกยิงบริเวณด้วยอาวุธปืนลูกซองยาวเข้าบริเวณหน้าอกซ้าย กระสุนทะลุกระจกประตูด้านหลังขวา ส่วนสภาพศพมีเข็มขัดนิรภัยคล้องหน้าอกลักษณะพยุงตัวเอาไว้
ต่อมาได้มีนายคำมี อายุ 78 ปี บิดาของนายปฐพี เดินทางมาดูศพลูกชายตัวเองด้วยอาการเครียด ไม่ขอพูดอะไรกับใคร
เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่า นายปฐพี ผู้เสียชีวิตน่าจะเป็นคนก่อเหตุยิง 4 ศพที่ จ.ศรีสะเกษ แล้วขับรถหนีมาบุรีรัมย์ เมื่อมาเจอตำรวจจึงตัดสินใจยิงตัวเองตายตามเพื่อหนีความผิด
สำหรับนายปฐพี เป็นอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่ง อยู่กินกับนางดวงเดือน ต่อมาได้แยกทางกันแล้วมีคดีฟ้องร้องแบ่งทรัพย์สิน คดีหมิ่นประมาท ร้องวินัยข้าราชการ ศาลได้นัดสืบพยานในวันที่ 22-23 ส.ค.67
ส่วนนางดวงเดือน เคยมีสามีคนแรกเป็นตำรวจ , สามีคนที่ 2 เป็นตำรวจ มีลูกด้วยกัน 1 คน โดยนายปฐพี เป็นสามีคนที่ 3 จากนั้นนางดวงเดือน และได้สามีคนที่ 4 คือ นายปรมัตถ์ เพิ่งแต่งงานกันได้ประมาณ 2 เดือน โดยนายปรมัตถ์ เป็นทนายที่ว่าความให้กับนางดวงเดือน
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี