"บิ๊กเต่า"เปิดปฏิบัติการทวงคืน สปก.โคราชเฟสสอง ยกคณะลงพื้นที่ตรวจสอบคดีโรงงานแป้งมันลักลอบปล่อยน้ำเสียลงพื้นที่กว่า 600 ไร่ เผยคดีล่าสุดออกหมายจับผู้บริหารของโรงงานอีก 1 รายในข้อหา 157 สนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐในการกระทำความผิด หลังจากก่อนหน้านี้แจ้งข้อหากรรมการฯไปแล้ว 2 ราย ด้าน'ธนดล'ระบุหลังเพิกถอนสิทธิ์ส.ป.ก.ไป 13 ราย จนป่านนี้ยังไม่มีใครยื่นอุทธรณ์ ถ้าพ้นกำหนดแล้วถือว่าที่ดินกลับไปเป็นของแผ่นดินตามเดิม ขณะที่ชาวบ้านแห่ให้กำลังใจ
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2567 ที่ สภ.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วยนายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษา รมว.เกษตรฯและประธานคณะทำงานการขับเคลื่อนการตรวจสอบและพิจารณาความผิดเกี่ยวกับผู้ได้รับการจัดที่ดินและผู้ถือครองที่ดินโดยมิชอบในเขตปฏิรูปที่ดิน และนายกฤษฎา อินทามระ ฉายาทนายปราบโกง ได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าคดีการถือครองที่ดิน สปก.โดยมิชอบของโรงงานแป้งมันขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ในเขตพื้นที่เชื่อมต่อระหว่าง ต.หนองบัวศาลา และ ต.โพธิ์กลาง
การลงพื้นที่ครั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป., บช.ก., ปปท., และ สปก. ร่วมด้วย ภายหลังจากที่เกิดกรณีโรงงานให้ชาวบ้าน 13 ราย เป็นนอมินี ถือครองที่ดิน สปก.กว่า 600 ไร่ เพื่อทำเป็นบ่อทิ้งน้ำเสีย ซึ่งเป็นการใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์ของ สปก. จึงได้มีการแจ้งความดำเนินคดีและออกหมายจับ เจ้าหน้าที่ สปก. 4 ราย ประธานกรรมการโรงงานฯ 1 ราย ไปก่อนหน้านั้น และวันนี้ได้มีการนัดมอบตัวผู้ต้องหา 2 ราย ที่เป็นกรรมการบริหารโรงงานแป้งมันขนาดใหญ่ เพื่อให้พนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์กลาง สอบปากคำเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
หลังจากนั้นคณะทั้งหมด ได้เดินทางไปดูพื้นที่ สปก.กว่า 600 ไร่ ข้างโรงงานแป้งมัน ซึ่งทำเป็นบ่อพักน้ำเสียอยู่ในพื้นที่ ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยมีชาวบ้านในพื้นที่ข้างเคียง เดินทางมาชูป้ายให้กำลังใจกว่า 30 คน โดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ พร้อมคณะ ได้เดินทางมาพบปะพูดคุยกับชาวบ้าน พร้อมกันนี้ชาวบ้านก็ได้นำกระเช้าดอกไม้มาให้กำลังใจ และขอบคุณที่ช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้านในครั้งนี้ด้วย
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ภายหลังจากที่ก่อนหน้านั้นได้มีการออกหมายจับเจ้าหน้าที่รัฐไปแล้ว 4 ราย ล่าสุดศาลจังหวัดนครราชสีมา ได้อนุมัติออกหมายจับผู้บริหารของโรงงานแป้งมันแห่งนี้อีก 1 ราย โดยเป็นประธานกรรมการของบริษัทโรงงานแห่งนี้ ในข้อหา 157 สนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐในการกระทำความผิด โดยเจ้าตัวให้การภาคเสธ และใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 200,000 บาท ในการประกันตัวไปสู้คดี และในวันนี้ก็ได้มีการเรียกตัวกรรมการของโรงงานดังกล่าว 2 คน มาสอบปากคำเพื่อดำเนินคดีในข้อหาเดียวกัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจ้าพนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์กลาง กำลังทำการสอบสวนอยู่
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ปฏิบัติการครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อที่จะทำให้โรงงานและชุมชนอยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุข แต่จากสภาพบ่อน้ำเน่าที่เห็นนี้ จะพบว่าส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านหลายพันครัวเรือน ดังนั้นระหว่างที่คดีอยู่ในชั้นศาล ทางโรงงานก็จะต้องหาทางที่จะแก้ปัญหาน้ำเน่าเสียให้ได้โดยเร็ว เพื่อให้ศาลพิจารณาลดโทษลง หากไม่ทำการแก้ปัญหา ก็จะทำให้ศาลพิจารณาโทษหนักขึ้นไปอีก ส่วนคดีที่เกี่ยวกับ สปก.ก็ต้องดำเนินไปตามข้อกฎหมาย ซึ่งยังมีอีกหลายโรงงานที่มีลักษณะนี้ ที่อาจจะไม่เกี่ยวกับที่ดิน สปก. แต่เกี่ยวข้องกับเรื่องสิ่งแวดล้อมที่มีมวลภาวะ ทางตำรวจสอบสวนกลางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็จะต้องเข้าไปดำเนินการเช่นกัน เพื่อให้โรงงานและชาวบ้านอยู่ด้วยกันได้
ด้านนายธนดล กล่าวว่า พื้นที่ สปก.ที่เกิดปัญหา มีทั้งหมด 613 ไร่ ซึ่งได้รับการจัดสรรให้กับชาวบ้านทั้งหมด 13 ราย ขณะนี้ สปก.ได้ทำการเพิกถอนสิทธิ์ที่ดิน สปก.ทั้ง 13 รายไปแล้วตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.67 แต่ตามกฎหมายการเพิกถอนสิทธิ์ ก็จะเปิดโอกาสให้ผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิ์ได้ยื่นอุทธรณ์ภายใน 15 วัน ซึ่งขณะนี้เหลือเวลาอีก 6-7 วันก็จะหมดเขตยื่นอุทธรณ์แล้ว ปรากฏว่ายังไม่มีใครยื่นอุทธรณ์แม้แต่รายเดียว ถ้าหากไม่มีใครยื่นอุทธรณ์ที่ดินทั้งหมดก็จะกลับเข้ามาที่ สปก.เหมือนเดิม
ส่วนการดำเนินคดีกับโรงงาน มีทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง ซึ่งคดีอาญานั้นขณะนี้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อมาตรวจสอบว่าที่ดินบริเวณนี้มีความเสียหายอะไรบ้าง แต่ในเครื่องคดีทางแพ่งได้มีการออกหมายจับผู้บริหารโรงงานไปแล้ว 1 ราย ตอนนี้เหลือเพียงคดีอาญาเท่านั้น ที่กำลังตรวจสอบความเสียหายอยู่ ก่อนที่จะนำผลการตรวจสอบไปเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ดังนั้นขอให้ประชาชนสบายใจได้ว่า จะได้รับการช่วยเหลือแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ได้อย่างแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้ก็ได้มีการออกหมายจับเจ้าหน้าที่รัฐไปแล้ว 4 ราย และวันนี้ก็ออกหมายจับเจ้าของโรงงานไปอีก 1 ราย รวมทั้งกำลังเรียกสอบปากคำกรรมการบริหารโรงงานอีกหลายคน
"ถ้าหากโรงงานแห่งนี้ยังไม่มีการดำเนินการแก้ปัญหาอีก ก็จะมีมาตรการดำเนินการที่แรงกว่านี้อีกแน่นอน ส่วนพื้นที่ สปก.ที่ยึดกลับคืนมานี้ ก็จะต้องมาดูว่าสามารถพัฒนาพื้นที่อย่างไรได้บ้าง เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนในพื้นที่ได้มากที่สุดต่อไป"นายธนดล กล่าว
ด้านนายกฤษฎา อินทามระ หรือ ทนายปราบโกง กล่าวว่า ตนรู้สึกหายเหนื่อยจากการทำหน้าที่ช่วยเหลือต่อสู้ให้กับพี่น้องประชาชนชาวบ้านในพื้นที่มาเป็นระยะเวลาร่วมหนึ่งปีเต็ม ในวันนี้ได้เห็นผลของการทำงานร่วมกับนายธนดลและตำรวจกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางรวมทั้ง เจ้าหน้าที่ ปปท. จึงเชื่อว่าจะต้องประสบความสำเร็จถึงแม้ว่าวันนี้ทางผู้บริหารของโรงงานแห่งนี้จะมอบตัวสู้คดีโดยให้การปฏิเสธก็ตามแต่ตนมั่นใจว่าพยานหลักฐานที่ได้รวบรวมมาตลอดการทำหน้าที่หนึ่งปีสามารถที่จะเอาผิดได้อย่างแน่นอน
ขณะที่นายเดือน สาลีวงษ์ ชาวบ้านตำบลโพธิ์กลาง ที่อาศัยอยู่บริเวณติดกับบ่อน้ำเสียแห่งนี้ กล่าวว่า ตนเองรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ที่หน่วยงานรัฐสามารถยึดคืนพื้นที่ สปก.กลับมาได้ เพราะก่อนหน้านั้นตนเองต้องอาศัยอยู่ท่ามกลางกลิ่นเหม็นของน้ำเสียที่คละคลุ้งไปทั่วบริเวณ เวลาหายใจเข้าก็จะวิงเวียนศีรษะไปหมด ชาวบ้านหลายคนเป็นโรคทางเดินหายใจ จนต้องประกาศขายบ้านย้ายหนีไปที่อื่น เพราะทนอยู่กับสภาพอากาศอันย่ำแย่แบบนี้ไม่ไหว
นอกจากส่งกลิ่นเหม็นแล้ว น้ำเสียยังซึมลงดินอีก ทำให้ได้รับผลกระทบทางการเกษตร ปลูกพืชอะไรก็ไม่ได้ผลผลิตที่ดีอีกด้วย ซึ่งปัญหานี้สะสมมานานหลายสิบปี จนกระทั่งมีวันนี้ที่หน่วยงานรัฐสามารถเข้ามายึดคืนพื้นที่คืนได้ ตนเองจึงรู้สึกดีใจมาก และมีความหวังว่าจะได้รับการแก้ปัญหามลภาวะน้ำเสียให้กลับมาดีขึ้นได้ในเร็วๆ นี้ จึงขอขอบคุณ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่เข้ามาช่วยเหลือความเดือดร้อนของชาวบ้านในครั้งนี้
"ผมอยากให้โรงงานต่างๆ ยึดหลัก โรงงานกับชุมชน ต้องอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข อย่าก่อปัญหาให้กับชุมชน ถ้ามีปัญหาโรงงานก็ต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาเร่งด่วน เช่นถ้าสามารถทำให้น้ำใสสะอาด สิ่งแวดล้อมดี มีปลาอยู่ในสระน้ำ ประชาชนก็จะได้มาหาปลาไปประกอบอาหาร ประหยัดค่าใช้จ่าย เมื่อประชาชนมีความสุข โรงงานก็จะมีความสุขด้วยเช่นกัน"นายเดือน กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี