วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 จากกรณี นักท่องเที่ยวชาวจีน ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างตัวเป็นตำรวจขับรถปาดหน้า ที่บริเวณด่านเก็บเงินบนถนนมอเตอร์เวย์ (ทางหลวงหมายเลข 7) ฝั่งขาเข้าพัทยา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี แล้วอุ้มไปรีดเงินจำนวน 700,000 บาท จนเป็นข่าวโด่งดัง ตามที่มีข่าวเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พร้อมชุดสืบสวนภาค 2 และชุดสืบสวน สภ.เมืองพัทยา ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามหาตัวผู้เสียหายชาวจีน หลังไม่ยอมปรากฏตัว และไม่เข้าให้ข้อมูลกับตำรวจ กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น จนกระทั่งล่าสุด เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ตำรวจไปพบ 2 ชาวจีน ทราบชื่อคือ นายจิน ฉุย อายุ 43 ปี และนายเฉิน เหว่ย อายุ 44 ปี หลังหนีไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านจอมเทียน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยอ้างเบื้องต้นว่า ไม่กล้าเข้าให้ข้อมูลกับตำรวจ เพราะกลัวความผิดในเรื่อง หลบหนีเข้าเมือง
นายจิน ฉุย อายุ 43 ปี (ไม่เคยมาเมืองไทย) และ นายเฉิน เหว่ย อายุ 44 ปี (เคยมาเมืองไทยเมื่อ 7 ปีก่อน) ให้การว่า ได้หลบหนีมาจากประเทศจีนเนื่องจากถูกออกหมายจับ ในประเทศจีน ฐานความผิดที่เกี่ยวข้องกับการพนัน จึงได้ลักลอบหลบหนีออกมาจากประเทศจีน เมื่อต้นเดือนธันวาคม ปี 2566 เข้าสู่ประเทศลาว หลังจากนั้น วันที่เกิดเหตุ ได้ลักลอบหลบหนีจากประเทศลาวเข้าสู่ประเทศไทย โดยข้ามแม่น้ำโขงเข้ามาประเทศไทย ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยมีคนไปรับที่บริเวณริมแม่น้ำโขง ไปส่งที่สนามบินเชียงราย และต่อมามีคนมารับที่สนามบินเชียงรายมุ่งหน้าสู่เมืองพัทยา ก่อนจะถูกตำรวจตามจับกุมได้ดังกล่าว เบื้องต้นตำรวจชุดสืบสวน ได้ควบคุมตัว ชาวจีนทั้ง 2 คน ส่งให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี ดำเนินคดีในข้อกล่าวหา หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
ต่อมา ตำรวจมีการอายัดตัว นายจิน ฉุย อายุ 43 ปี และนายเฉิน เหว่ย อายุ 44 ปี สองชาวจีน มาทำการสอบปากคำที่ สภ.หนองปรือ ในกรณีที่ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างตัวเป็นตำรวจ พาไปเรียกเงิน 700,000 บาท เพื่อแลกกับอิสรภาพ ตำรวจมีการสอบปากคำนานหลายชั่วโมง แต่ก็ยังไม่มีมีการออกมาเปิดเผยข้อมูลความจริง แถมยังมีกระแสข่าวว่ามีการออกหมายจับ ตำรวจจริง และ กลุ่มพลเรือน รวมทั้งหมด 5 คน
ต่อมา ศาลจังหวัดพัทยา ได้อนุมัติหมายจับ ผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีทั้งหมด รายที่ 1 คือ ส.ต.อ. ประจำสังกัด กก.ปพ.บก.สส.ภ.2 (ปัจจุบันไปช่วยราชการที่อื่น ) ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยาที่ 378/2567 ลงวันที่ 22 กรกฎาคม 2567 ในข้อหา “เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ,เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยทุจริต ,ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ,ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย”
ต่อมาวันนี้ 23 ก.ค.67 เวลาประมาณ 10.45 น. ตำรวจสืบสวน ภาค 2 ได้นำหมายจับเข้าทำการจับกุม ส.ต.อ. ขณะที่ยืนอยู่หน้า กก.ปพ.บก.สส.ภ.2 ต.บางปลาสร้อย อ.เมือง จ.ชลบุรี เบื้องต้นเจ้าตัวให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา จากนั้น นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองปรือ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
นอกจากนี้ ในคดีดังกล่าว ศาลจังหวัดพัทยา มีการออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 4 ราย เป็นตำรวจจริง 1 นาย ( สังกัด บช.ก.) และพลเรือนอีก 3 ราย แต่ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูล
ต่อมาเวลา 14.00 น. ที่ สภ.หนองปรือ พ.ต.อ.ทวี กุดแถลง ผกก.สภ.หนองปรือ ได้รับมอบตัว ร.ต.ต. ตำแหน่ง รอง สวป.(อก.) กก.5 บก.ป. อายุ 54 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ตามเลขที่ 379 / 2567 ในข้อหา “เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ,เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฎิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยทุจริต ,ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ,ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย” โดยเบื้องต้นเจ้าตัวให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ร.ต.ต. เป็นตำรวจรายที่ 2 เข้ามอบตัวสู้คดี รีดทรัพย์ชาวจีน 7 แสนบาท ต่อจาก ส.ต.อ. ประจำสังกัด กก.ปพ.บก.สส.ภ.2 อายุ 30 ปี ซึ่งถูกจับกุม ได้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันพบว่า ร.ต.ต.ยังเป็นนักร้องเสียงดี ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เจ้าของบทเพลง “ตำรวจจะมา” ขณะที่ทำการสอบสวน เบื้องต้นเจ้าตัวให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ในระหว่างคุมตัวเข้าห้องขัง ผู้สื่อข่าวพยามยามสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เจ้าตัวไม่ได้ตอบคำถามใดๆ
นอกจากนี้ พบว่าศาลจังหวัดพัทยา ยังอนุมัติออกหมายจับ พลเรือนที่เกี่ยวข้องเพิ่มอีก 3 คน ร่วมขบวนการรีดทรัพย์ชาวจีนรายนี้ ประกอบด้วย 1.นายวรพนธ์ แก่นสวาท อายุ 40 ปี 2.นายวชิระ บาลนคร อายุ 48 ปี และ 3. นายกมล วังสี อายุ 33 ปี ฐานกระทำความผิดฐาน ร่วมกันเป็นผู้สนับสนุนให้เจ้าพนักงานกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์ , ร่วมกันเป็นผู้สนับสนุนให้เจ้าพนักงานกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการ มิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, ร่วมกันข่มข่มขืนทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย โดยตำรวจอยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ ยังได้ตรวจยึดรถยนต์ ต้องสงสัย 2 คัน เป็นรถยนต์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานเขตสองจังหวัดชลบุรี ตรวจเก็บลายนิ้วมือแฝงของผู้ก่อเหตุไว้ประกอบหลักฐานอีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี