สอบอีก153ป้าย
จีนเทาติดทั่วห้วยขวาง
ตำรวจคุมตัวหญิงชาวจีน หลังพบว่าจ้างให้ขึ้นป้ายโฆษณาขายพาสปอร์ต ชวนย้ายประเทศ กลางสี่แยกห้วยขวาง สารภาพอ้างเป็นเพียงผู้ประสานงาน ด้านกทม.ชี้ยังมีอีก 153 ป้ายในเขตห้วยขวางต้องเร่งสอบต่อไปเผยป้ายภาษาจีนอาละวาดหนัก เด่นหรากลางนิคมอุตสาหกรรม พอแปลภาษาไทย รู้ความหมายแล้วอึ้ง ทั้งประเทศ
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม นายไพฑูรย์ งามมุข ผอ.สำนักงานเขตห้วยขวาง กทม. เดินทางมาตรวจสอบบริเวณที่มีการติดตั้งป้ายซื้อขายพาสปอร์ต และสัญชาติที่บริ เวณแยกห้วยขวาง ซึ่งขณะนี้มีการนำป้ายดังกล่าวออกแล้ว เป็นสีขาว จากการตรวจสอบ พบว่าป้ายเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคารฉบับที่ 55 พ.ศ.2553 มาตรา 66 พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 มาตรา 10 11 และ 12 ต้องแสดงข้อความ และภาพที่ไม่ขัดความเรียบร้อยของบ้านเมืองและวัฒนธรรม
นายไพฑูรย์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการเสียภาษีป้าย ทางเขตสามารถดำเนินการเรียกเก็บภาษี โดยจะคำนวณภาษีจากขนาดของป้าย 50 บาท ต่อตร.ซม.เป็นเงิน 160,000 ต่อปี แต่กรณีเรียกเก็บภาษีได้ครึ่งหนึ่ง คือ 84,000 บาท เนื่องจากตรวจสอบพบว่าเพิ่งมีการดำเนินการติดตั้งเพียง 2วัน หลังจากนี้ จะมีการตรวจสอบสภาพอาคาร รวมถึงโครงสร้างของป้ายดังกล่าวว่ามีความสมบูรณ์แข็งแรงมากน้อยเพียงใด หากไม่สมบูรณ์ ก็ไม่สามารถที่จะติดตั้งโฆษณาได้ เบื้องต้นพบว่าอาคารแห่งนี้เป็นการลักลอบติดตั้งป้าย เพราะหลังจากได้รับแจ้งข้อมูลทางเขตก็เร่งดำเนินการทันทีหลังจากนี้จะเข้มงวด ตรวจสอบป้ายลักษณะนี้ในพื้นที่ ซึ่งมีอยู่ 153 ป้ายว่าเข้าข่ายกระทำความผิดหรือไม่ ยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่สังกัดของสำนักงานเขตห้วยขวางเข้าไปเกี่ยวข้อง หรือมีการทุจริตอย่างแน่นอน
สำหรับประเด็นการโฆษณาซื้อขายสัญชาติ หรือพาสปอร์ตนั้น ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจในการพิสูจน์ทราบว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดใดบ้าง เบื้องต้นพบข้อมูลในป้ายไม่ได้มีการประกาศซื้อขายสัญชาติไทย วันเดียวกัน ตำรวจนครบาล คุมตัว น.ส.นาซู หญิงชาวจีน จากคอนโดฯ ย่านห้วยขวาง มาสอบปากคำที่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หลังพบว่าเป็นผู้ว่าจ้างร้านทำป้าย และให้ติดตั้งขึ้นป้ายโฆษณาชวนซื้อพาสปอร์ตย้ายประเทศ
มีรายงานว่า น.ส.นาซู ให้ข้อมูลกับชุดสืบสวนว่า รับงานมาจากบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยติดต่อรู้จักกันผ่านทางแอปพลิเคชันของจีน ติดต่อดำเนินการทางไลน์ เพื่อจ้างเช่าติดป้ายรายเดือนราคา 150,000 บาท ค่าทำป้าย 60,000 บาท ซึ่งตนได้ค่าจ้างเป็นตัวประสานประมาณ 17,000 บาท ส่วนบริษัทที่ว่าจ้าง ตนเองไม่ทราบชื่อ มีเพียงไลน์ที่ใช้ในการติดต่อ ซึ่งเป็นไลน์ของคนที่มีรูปปรากฏบนป้าย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าว ทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังจากนี้ตำรวจอยู่ระหว่างขยายผลเร่งรัดหาตัวผู้ว่าจ้างต่อไป
หลังจากมีป้ายโฆษณาภาษาจีนโผล่กลางแยกรัชดา มีเนื้อหาเกี่ยวกับการขายหนังสือเดินทาง (Passport) และสัญชาติ เช่น อินโดนีเซีย ราคา 30,000 วานูอาตู ราคา 70,000 กัมพูชา ราคา 1 แสน และตุรกี ราคา 1.5 แสน ตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
ล่าสุด ชาวเน็ตได้ออกมาแชร์ให้เห็นอีก กับป้ายภาษาจีนในโรงงานนิคมโรจนะ จ.ปราจีนบุรี ที่เป็นภาษาจีนทั้งหมด และมีภาพผู้หญิงถือพาสปอร์ตต่างประเทศ เมื่อเอาGoogle Lens ไปส่อง ก็พบว่า ป้ายดังกล่าวนั้น คือ ป้ายประกาศจัดหาแรงงานต่างด้าว ให้ไปทำงานในโรงงาน โดยจะเป็นการจ้างงานแรงงานต่างด้าวจาก 4 ชาติ คือ เมียนมา , กัมพูชา , ลาว และเวียดนาม เป็นการอำนวยความสะดวกให้อย่างรวดเร็ว ถูกต้องตามกฎหมาย มีความหมายว่า “แนะนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศไทย กลุ่มทรัพยากรบุคคลอันดับ 1 ของประเทศไทย แนะนำแรงงานต่างชาติจาก 4ประเทศ ได้แก่ เมียนมา กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ทั้งสะดวกสบาย รวดเร็ว และถูกต้องตามกฎหมาย ส่งโดยไทยผ่านการรับรองมาตรฐานการจัดการคุณภาพ ISO xxxx xxxxx xxxxx มีประสบการณ์การทำงานมากว่า 18 ปี”
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย กล่าวถึง กรณีการปิดประกาศป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ขายพาสปอร์ต และรับทำสัญชาติบางประเทศ บริเวณสี่แยกห้วยขวาง ว่า ตนสั่งกรมการปกครอง ให้ทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ให้ดำเนินการติดตาม ไม่ใช่เฉพาะเรื่องป้ายดังกล่าว การประกาศขายพาสปอร์ต ไม่ว่าประเทศอะไรก็ผิดกฎหมายทั้งนั้น จากนี้จะขยายผลว่ามีเกี่ยวข้องกับกลุ่มธุรกิจสีเทาหรือไม่ หรือเข้าข่ายกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานการทำผิดกฎหมายหรือไม่เราต้องเร่งปราบปรามโดยใช้ความเป็นเจ้าพนักงาน เรื่องนี้เป็นการทำเกินไป จึงสั่งปลดป้ายทันที ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมทั้งนั้น ตนตื่นขึ้นมาพอทราบข่าวก็สั่งอธิบดีกรมการปกครองให้ไปดำเนินการทันที ซึ่งเขาทำไปก่อนแล้ว และทางเจ้าของป้ายก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เมื่อถามว่า กรณีดังกล่าวจะกลายเป็นไฟไหม้ฟาง พอกระแสหายเรื่องก็จะเงียบใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มันอยู่ที่ว่าเราเข้มงวดกวดขันแค่ไหน การกวดขันผับบาร์ต่างๆ ก็ไม่ใช่ไฟไหม้ฟาง รวมถึงการกวดขันปราบปรามยาเสพติด ยืนยันเราไม่ได้รังเกียจคนต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทย แต่เรารังเกียจคนต่างชาติที่เข้ามาแล้วทำผิดกฎหมายในประเทศเรา สำหรับตนมองว่าเป็นการย่ำยี ฉะนั้นก็ไปจัดการคนผิด และไล่มันออกไปจากประเทศนี้เท่านั้นเอง ส่วนคนที่เป็นนักธุรกิจทำถูกต้องเราก็อำนวยความสะดวก ให้เขาได้มั่นใจว่าประเทศไทยเรานั้นปลอดภัย และขยายตัวทางเศรษฐกิจได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี