บุกรวบ‘ไวท์ ตาคลี’มิจฉาชีพออนไลน์ตัวแสบ ปลอมเป็น‘สารวัตรแจ๊ะ’ เลียนแบบหนังดัง หมายจับติดตัวเพียบ ถูกจับยังไม่เข็ด แฉวีรกรรมเคยหลอกเจ้าหน้าที่ขณะโดนจับ
24 กรกฎาคม 2567 ที่ บก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า สืบนครบาลรวบไวท์ ตาคลี “ปลอมเป็นสารวัตรแจ๊ะ” ไอเดียสุดคลีเอทีฟของ “ไวท์ตาคลี” มิจออนไลน์ตัวแสบ ตุ๋นแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ที่เคยมาจับกุมตัวเองเลียนแบบภาพยนตร์ Catch me if you can ล่าสุดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบนครบาลเข้าจับกุม ที่เด็ดดวงคือเมื่อตรวจสอบโทรศัพท์พบว่า กำลัง “ปลอมเป็นสารวัตรแจ๊ะ” จะหลอกขายเสื้อให้กับเหยื่อ แต่ประชาชนแฟนเพจจ๋อแจ๊ะของแทร่เห็นความผิดปกติในโลกโซเชียลแจ้งเบาะแสให้จับกุมก่อนสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2567 กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนติดตามจับกุมนายณรงค์ฤทธิ์ หรือไวท์ ตาคลี อายุ 30 ปี พักอยู่ ต.ตาคลี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ผู้ต้องหาตามหมายจับ 2 หมายจับ ข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน” และพบประวัติเคยถูกดำเนินคดีอาญา 2 คดี คือ 1. สน.ทุ่งสองห้อง คดีอาญาข้อหา “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน, ใช้ตราสัญลักษณ์ปลอมของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เป็นภาพของผู้ใช้โดยผิดกฎหมาย” และ 2. สภ.เมืองระยอง คดีอาญาข้อหา “ฉ้อโกง”
พฤติการณ์คือ “ไวท์-ตาคลี” ได้ตระเวนก่อเหตุหลอกลวงในโลกออนไลน์มาเป็นเวลาหลายปี จนมีทักษะแพรวพราวพลิกแพลงการหลอกลวง “ตามเทรนด์” สังคมได้อย่างแนบเนียน จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สอท.1 จับกุมตัวไปเมื่อ 26 ก.พ.65 หลังก่อเหตุแอบอ้างปลอมตัวเป็น ฝ่ายไอทีของวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แล้วลวงโกงเงินค่าฉีดวัคซีนไปหลายราย หลังเจ้าตัวถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ประกันตัวออกมาและอยู่ระหว่างสู้คดี “ไร้สำนึก” ยังคงเดินสายหลอกลวงต่อมาเรื่อยๆพัฒนารูปแบบจนเรียกได้ว่า “ไร้รูปแบบ” เช่น ปลอมเป็นเภสัชเข้าไปในกลุ่มขายยาหลอกขายฟ้าทะลายโจร , หลอกขายหวยกองสลากพลัส จนในปัจจุบันเข้าตัวได้มีหมายจับเพิ่มมาอีก 2 หมายจับ
นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรม “ต้มตุ๋นเจ้าหน้าที่” เลียนแบบหนัง Catch me if you can คือ เคยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดหนึ่งเข้าไปที่บ้านเพื่อจับกุมตัวนายไวท์ แต่ได้มีการโวยวายอ้างว่าถูกจับกุมไปแล้ว สร้างความไขว้เขวกับเจ้าหน้าที่ ก่อนจะใช้จังหวะทีเผลอหลบหนีออกจากบ้านไป จนล่าสุด วันที่ 23 ก.ค.67 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่งชุดสืบนครบาลบุกไปถึงที่พักในโรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ตาคลี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ โดยขณะจับกุมเจ้าตัวยังคงใช้มุขเดิมโดยพยายามตุ๋นเจ้าหน้าที่ว่าตนถูกจับกุมไปแล้ว แต่ชุดสืบนครบาลไม่หลงกล ทำการจับกุมตัวทันที และที่เด็ดดวงคือเมื่อเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือก็พบว่ามีการ “ปลอมเป็นสารวัตรแจ๊ะ” แล้วกำลังจะหลอกขายเสื้อให้กับเหยื่อได้อย่างฉิวเฉียด
นายณรงค์ฤทธิ์ ให้การว่า เรื่องการขายโควตาวัคซีนนั้น เป็นรับว่าเป็นผู้สร้างบัญชีเฟซบุ๊กขึ้นมาใหม่และประกาศหาคนที่ต้องการฉีดวัคซีนให้มาลงเป็นกับตน แต่ภายหลังไม่ได้การรับวัคซีน จึงเป็นเหตุให้ผู้เสียหายไปฟ้องตน ในส่วนนี้ก็ถูกดำเนินคดีไปแล้ว ต่อมาการหลอกขายสมุนไพรฟ้าทลายโจร ได้สร้างเฟสบุ๊กขึ้นมาใหม่ ในช่วงเวลาเดียวกับเคสวัคซีน และก็ไม่ได้มีการจัดจัดส่งสมุนไพรให้ผู้สั่งซื้อแต่อย่างใด และกรณีล่าสุดตนเองแอบอ้างเป็นสารวัตรแจ๊ะ กำลังจะหลอกขายเสื้อให้กับเหล่าแฟนคลับแต่ว่ามาถูกจับได้เสียก่อน” หลังจับกุมขยายผลได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.มักกะสัน ดำเนินคดีต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีที่เกิดขึ้นในช่วงที่ประชาชนกำลังวิตกกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า (COVID-19) แต่คนร้ายอาศัยช่วงเวลาดังกล่าว หลอกจองโควตาการฉีดวัคซีน, หลอกจองสมุนไพรฟ้าทลายโจร ซึ่งสร้างความเสียหายเป็นจำนวนมาก ล่าสุดคนร้ายรายนี้วางแผนเตรียมการ หลอกขายสินค้าให้กับกลุ่มแฟนคลับสารวัตรแจ๊ะ โอกาสนี้จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนทุกคน โปรดระมัดระวังมิจฉาชีพให้ดีสารวัตรแจ๊ะตัวจริงไม่เล่นโซเชียลมีเดียใดๆทุกแพลตฟอร์ม หากท่านมีเบาะแสสามารถส่งข้อมูลมาได้ที่ เพจ สืบนครบาล IDMB ได้ตลอด 24 ชม.
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี