‘นายกฯ’ปาฐกถาในสัมมนาวิชาการ‘ทศวรรษที่ก้าวผ่าน ธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน’ ย้ำพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่กับสิ่งแวดล้อม สร้างความร่วมมือ รัฐ-เอกชน-ประชาชน
25 กรกฎาคม 2567 ณ สโมสรทหารบก วิภาวดี กรุงเทพฯ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมจัดสัมมนาวิชาการทศวรรษที่ก้าวผ่าน ธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Shaping our future: A Symposium on Environment Governance for Sustainability)” ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ “ความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน: ตัวเร่งปฏิกิริยาเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำในประเทศไทย” พร้อมด้วย ร้อยเอก รชฏ พิสิษฐบรรณกร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวต้อนรับและแนะนำหลักสูตรฯ เน้นย้ำพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่สิ่งแวดล้อม สร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากปัญหาสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้นในหลายด้านส่งผลให้เกิดกระแสการเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญและร่วมกันแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลกระทบจากการการปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) โดยมีความท้าทายจากทั้งการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่าง ๆ และการเตรียมปรับตัวเข้ากับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป “ความร่วมมือของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน” จึงเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สอดคล้องกับนโยบาย Ignite Thailand ของรัฐบาล ที่เน้นสร้างความยั่งยืนและการเติบโตทางเศรษฐกิจ มีการร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน (Public-Private-People Partnership หรือ PPPP)” มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจแบบ "Decoupling" หรือการลดการใช้ทรัพยากรและการลดของเสียในกระบวนการผลิตควบคู่ไปกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ เป็นหลักการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการลดผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถสร้างสังคมและเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีภูมิคุ้มกัน และอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนและมีความสุข
ร้อยเอก รชฏ พิสิษฐบรรณกร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินการจัดการศึกษาอบรม หลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมสำหรับนักบริหารระดับสูง (ปธส.) มาอย่างต่อเนื่อง เป็นประจำทุกปี เพื่อเสริมสร้างศักยภาพนักบริหารระดับสูงในการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนแบบองค์รวมและบูรณาการตามหลักธรรมาภิบาล เสริมสร้างประสบการณ์และกระบวนทัศน์ของนักบริหารสิ่งแวดล้อมยุคใหม่ และที่ผ่านมา หลักสูตร ปธส. ได้รับความสนใจจากหน่วยงานของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน โดยในแต่ละปี มีผู้สมัครเพื่อเข้ารับการศึกษาอบรมในหลักสูตรเป็นจำนวนมาก และมีผู้สำเร็จการศึกษาแล้วจำนวน 10 รุ่น รวมทั้งสิ้น 647 คน ขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาอบรมหลักสูตร ปธส. รุ่นที่ 11 โดยผู้ผ่านการศึกษาอบรมในหลักสูตรนี้ เป็นบุคลากรจากทุกภาคส่วน ทั้งจากภาคเอกชน ข้าราชการจากส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น ข้าราชการตุลาการ ข้าราชการทหารและตำรวจ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษา ตลอดจนองค์กรอิสระ สมาคมและมูลนิธิ ส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และการสร้างเครือข่ายที่มีศักยภาพในการสนับสนุนการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมของประเทศ
สำหรับงานสัมมนาวิชาการในวันนี้จัดขึ้นภายใต้หลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมสำหรับนักบริหารระดับสูง (ปธส.) ซึ่งนอกจากการปาฐกถาพิเศษ “ความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน: ตัวเร่งปฏิกิริยาเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำในประเทศไทย” ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แล้ว ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจ ประกอบด้วย การนำเสนอ Sustainable Growth Model : ขับเคลื่อนการดำเนินงานการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย พร้อมมอบข้อเสนอเชิงนโยบาย Sustainable Growth Model ให้แก่นายกรัฐมนตรี รวมทั้งการเสวนา “ประชาคม ปธส. : การจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนให้กับสังคมไทย” ซึ่งการจัดงานครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ตั้งใจ ที่จะนำองค์ความรู้ที่ได้รับจากการศึกษาอบรม มาสร้างประโยชน์ในวงกว้าง และแสดงให้เห็นถึงการดำเนินงานของเครือข่ายความร่วมมือของผู้บริหารระดับสูงระหว่างภาครัฐและเอกชน ที่มุ่งสู่การพัฒนาและผลักดันนโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมภาครัฐไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรมทั้งในระดับองค์กรและระดับประเทศ ผ่านการดำเนินงานแบบบูรณาการเพื่อให้ภาคส่วนต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ซึ่งการจัดกิจกรรมในครั้งนี้เป็นการจัดงานแบบปลอดคาร์บอน (Carbon Neutral Event) โดยมีการชดเชยการปลดปล่อยคาร์บอนของงานจากโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ ทำให้การจัดงานครั้งนี้มีการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี