ปปง.เผยยุคดิจิทัล คนทุจริตอัพเลเวลเลี่ยงกฎหมาย “เปิดบัญชีม้า โยกเงิน-ซื้อบ้านต่างประเทศ” ไม่รอดมือ 4 ป. เผยจ่อดึงเงิน 2 คดีใหญ่อดีตผู้ว่าการท่องเที่ยว-หุ้นสตาร์ค กลับไทย พร้อมแก้กฎหมาย “ฮั้วประมูลภาครัฐ” เป็นความผิดมูลฐาน บังคับใช้เมื่อไหร่สนุกแน่!!
วันที่ 26 กรกฎาคม 2567 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) นายสุทธิศักดิ์ สุมน ผู้เชี่ยวชาญ เฉพาะด้านกฎหมาย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวตอนหนึ่งในการเสวนา เรื่อง "Anti-corruption in Digital Disruption Era การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันในยุคการเปลี่ยน แปลงของเทคโนโลยีดิจิทัล" ซึ่งจัดโดยนักศึกษาโครงการนักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง(นยปส.) รุ่น 15 ว่า หน้าที่ของปปง. มี 2 ด้าน 1. ทำหน้าที่กำกับผู้มีหน้าที่ต้องรายงาน และ2. ดำเนินการทางด้านทรัพย์สินกับผู้กระทำผิดมูลฐาน ซึ่งรวมถึงมูลฐานการทำผิดต่อหน้าที่ด้วย ในส่วนนี้มีหน่วยงานที่ดูแลอยู่เรียกว่า 4 ป. ประกอบด้วย ปปง. , กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.), สำนักงานคณะกรรม การป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ปปท.) และ ปปช. หากทั้ง 4 ป. ทำงานร่วมกันเชื่อว่าคนทำผิดไม่รอดแน่ เพราะกฎหมายของแต่ละหน่วยงานออกมาเพื่ออุดช่องโหว่ของกันและกัน แต่ปัญหาคือไม่มีข้อมูลกลาง ไม่มีการแชร์ข้อมูลกัน ซึ่งในส่วนของ
ปปง.ยอมรับว่ามีเจ้าหน้าที่น้อยการดำเนินงานจึงต้องใช้เวลานาน
นายสุทธิศักดิ์ กล่าวว่า เท่าที่ตนทำคดีจะพบวิวัฒนาการของคนกระทำความผิดมีการเปลี่ยนแปลงมาก ตั้งแต่ปปง.เมื่อปี 2542 ก่อนหน้านี้ยึดทรัพย์ได้เยอะมาก เพราะกฎหมายที่เพิ่งตั้งใหม่ คนกระทำความผิดยังไม่มีช่องทางหลบเลี่ยง แต่หลังปี 2560 เป็นต้นมา เขาเริ่มมีที่ปรึกษาทางกฎหมาย เริ่มมีคนรู้กฎหมายมากขึ้น หน่วยงานจำเป็นจะต้องไล่ตาม โดยเฉพาะปัจจุบันเป็นสังคมดิจิทัลยิ่งมีความยากในการไล่ตาม แต่ไม่ได้เกินความสามารถของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทั้ง 4 ป. จุดสำคัญ คือเรื่องข้อมูลเราจะต้องบูรณาการข้อมูลกัน
“เราไม่สงสัยหรือว่า เหตุใดจึงมีทนายความเอาหลักฐานมายื่นต่อหน่วยงานใดก็ตามว่าข้าราชการชั้นผู้ใหญ่มีบ้านพักอยู่ที่ประเทศอังกฤษ อยู่สหรัฐอเมริกา ที่จริงเวทีนี้ตนยังเสียดายเราน่าจะเชิญทนายความท่านนั้นเล่าให้ฟังว่าได้ข้อมูลมาอย่างไร ในเมื่อหน่วยงานราชการยังหาไม่ได้ เอามาไม่ได้ ล่าสุดมีเอ็นจีโอไปได้ข้อมูลมาอีก คนกลุ่มนี้เขาไปเอาข้อมูลมาได้อย่างไร นี่เป็นเรื่องสำคัญ แต่สิ่งสำคัญที่สุด การทุจริตปัจจุบันนี้ไม่ได้จ่ายเงินในประเทศ แต่มีการใช้บัญชีม้า ซึ่งปปง.พยายามปิดบัญชีนั้น เขาก็ไปจ่ายกันที่ต่างประเทศ ” นายสุทธิศักดิ์ กล่าว
ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ปปง. กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ปปง.ร่วมกับสำนักงานอัยการสูงสุด กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการคลัง สามารถติดตามทรัพย์สิน ติดตามเงินที่ได้จากการกระทำความผิดในประเทศไทยแล้วโยกเงินนั้นไปไว้ที่สหพันธ์รัฐสวิสกลับมาได้ ซึ่งเป็นคดีการกระทำผิดมูลฐานเรื่องการค้ายาเสพติด แต่ประเทศต้นทางหักไปครึ่งหนึ่ง เราได้กลับมา 70 ล้านบาท ก็ยังดีนี่นำเงินกลับมาได้ นับเป็นคดีแรกของไทยที่นำเงินกลับมาได้ และขณะนี้ยังมีอีก 2 คดี ที่ปปง.กำลังกำลังจะเอาเงินที่ได้จากการกระทำผิดภายในประเทศไปไว้ในต่างประเทศกลับมา คือคดีของอดีตผู้ว่าการท่องเที่ยว และคดีหุ้นบริษัทสตาร์ค (STARK)
“แต่การทำงานกับแต่ละประเทศก็จะมีความแตกต่างกัน เช่น สิงคโปร์ จะต้องการประสานงานผ่านกระทรวงการต่างประเทศ แต่ก็เป็นนิมิตหมายที่ดีว่า ใครก็ตามที่คิดจะทุจริตแล้วเอาเงินไปไว้ต่างประเทศ สักวันหนึ่งเราสามารถเอาเงินนั้นกลับเข้ามาในประเทศไทยได้ แล้วต่างประเทศเป็นข้อมูลเปิดด้วยซ้ำไป แค่กรอกข้อมูลเข้าไปก็จะรู้ได้ว่าบุคคลนั้นมีทรัพย์สินอะไรบ้าง ในต่างประเทศ แต่เรายังไม่สามารถจูนได้ ซึ่งเราก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนกันไปในยุคดิจิทัล ซึ่งขณะนี้ ปปง.มีกฎกระทรวงเกี่ยวกับทรัพย์สินดิจิทัลจะต้องมีการรายงานเข้ามาซึ่งจะทำคล้ายๆ โมเดลของธนาคาร” นายสุทธิศักดิ์ กล่าว
นายสุทธิศักดิ์ กล่าวอีกว่า คดีล่าสุดที่ต้องยกตัวอย่างคือ กรณีเจ้าหน้าที่กทม. ที่มีการทุจริตเมื่อปี 2561 แต่ปปง.สามารถสืบพยานหลักฐานจนออกหมายจับได้ในปี 2567 ได้ก็มาจากการบูรณาการ ของ 4 ป. แต่สิ่งสำคัญคือต้องได้เบาะแสจากผู้ให้ด้วย เรื่องนี้เกิดจากการที่เขาถูกหลอกเลยไปร้องทุกข์กล่าวโทษ ถ้าเขาไม่ร้องทุกข์กล่าวโทษก็ไม่มีใครรู้ จะเป็นการสมยอมกันเป็นเรื่องใหญ่ที่เราไม่สามารถรู้ได้
ทั้งนี้จากการวิเคราะห์ ข้อมูลสังเคราะห์ข้อมูลคดีที่พบมากที่สุดคือการฮั้วประมูล แต่การฮั้วประมูลยังไม่เป็นความผิดมูลฐาน เราจึงต้องไปอ้างเรื่องของ อั้งยี่ ซ่องโจร ดังนั้นขณะนี้จึงอยู่ระหว่างแก้กฎหมายเพิ่มมูลฐานว่า การฮั้วประมูลในหน่วยงานของรัฐเป็นความผิดมูลฐาน ซึ่งผ่านกฤษฎีกา แล้วปัจจุบันอยู่ระหว่างรอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณานำเข้าสภาต่อไป หากกฎหมายนี้ออกมาบังคับใช้คิดว่าสนุกแน่ เพราะเราเห็นอยู่ว่าหน่วยงานต่างๆ มีการฮั้วประมูล เป็นเรื่องใหญ่ ถนนหนทางทำไมซ่อมแล้วซ่อมอีก ก็เป็นเรื่องที่น่าคิดคนไทยรู้กันหมด ดังนั้นจึงฝากไว้ แม้ว่าอาชญากรจะเป็นอย่างไรก็สุด แล้วแต่ สิ่งสำคัญที่สุดคือไม่เหนือกว่าเรา เพียงแต่เราต้องมาบูรณาการกัน อย่างน้อย 4 ป. ร่วมมือกันเมื่อไหร่ไม่รอดหรอก ขอฝากเอาไว้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี