เตือนชาวกาญจนบุรีอีกครั้ง! หลังสำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 7 ตรวจพบปริมาณฝนสะสม 16 ชั่วโมงเท่ากับ 127.0 มิลลิเมตรอยู่ในเกณฑ์เตือนภัยสัญญาณไฟแดงที่สถานีบ้านวังขยาย อำเภอสังขละบุรี สั่งพื้นที่ 5 อำเภอติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด รับมือน้ำท่วม น้ำป่า ดินถล่ม ด้านสำนักงานชลประทานที่ 13 เริ่งเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนแม่กลอง พร้อมแจ้งผู้ว่าฯกาญจน์เตือนประชาชนริมน้ำท้ายเขื่อนแม่กลองเฝ้าระวัง
วันนี้ 26 ก.ค.67 นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ผู้อำนวยการจังหวัด กล่าวว่า ด้วยสำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 7 แจ้งว่าได้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ข้อมูลปริมาณน้ำฝนหรือระดับน้ำ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 เวลา 08.05 น.พบว่าสถานีบ้านวังขยาย ตำบลปรังเผล อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี มีปริมาณฝนสะสม 16 ชั่วโมงเท่ากับ 127.0 มิลลิเมตร ซึ่งอยู่ในเกณฑ์เตือนภัยสัญญาณไฟแดง หมายถึงเตือนภัยวิกฤต โดยสำนักทรัพยากรน้ำที่ 7 ได้ประสานงานกับอาสาสมัคร (ผู้รู้) ประจำสถานีดังกล่าวเพื่อทราบและเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิดแล้ว
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี พิจารณาแล้วเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยช่วงฤดูฝน จึงให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอำเภอ กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาล กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยองค์การบริหารส่วนตำบล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการกรณีฝนตกหนักต่อเนื่องหลายวัน ซึ่งอาจส่งผลให้มีปริมาณน้ำเกินความจุของเขื่อน อ่างเก็บน้ำ ฝ่าย และพนังกั้นน้ำ ทำให้อาจล้นทะลักเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและที่อยู่อาศัยของประชาชน ให้ดำเนินการตรวจสอบอ่างเก็บน้ำ ฝ่าย และพนังกั้นน้ำในความรับผิดชอบโดยละเอียด หากพบการชำรุดให้เร่งดำเนินการปรับปรุงให้มีความมั่นคงแข็งแรงโดยด่วน พร้อมทั้งแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงให้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยมีพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม ได้แก่ อำเภอสังขละบุรี อำเภอทองผาภูมิ อำเภอไทรโยค อำเภอด่านมะขามเตี้ย และอำเภอเมืองกาญจนบุรี
ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นเหตุการณ์สามารถแจ้งเหตุผ่านทางโทรศัพท์สายด่วน 1784 หรือแจ้งผ่านไลน์ ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784 โดยดำเนินการเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDDPM ตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนภาครัฐให้รายงานการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี ทราบทันทีที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-3451-5998 โทรสาร 0-3451-6795 เพื่อรายงานผู้บังคับบัญชาทราบต่อไป
ด้านนายวุฒิชัย บุญผ่อง รองผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 13 รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 13 ได้แจ้งการปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนแม่กลอง ถึงร้อยโททศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีว่า จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่าอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้
โดยจังหวัดกาญจนบุรี เป็นจังหวัดที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มระหว่างวันที่ 24-31 กรกฎาคม 2567 (โดยเฉพาะอำนายเมืองกาญจนบุรี อำเภอสังขละบุรี อำเภอทองผาภูมิ อำเภอศรีสวัสดิ์ อำเภอไทรโยค และอำเภอด่านมะขามเตี้ย)
ทั้งนี้ ในช่วงวันที่ 21-25 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา พื้นที่ตอนบนของจังหวัดกาญจนบุรี มีฝนตกอย่างต่อเนื่องส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อยและแม่น้ำแม่กลองเป็นจำจำนวนมาก เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำของเขื่อนแม่กลองเป็นไปตามเกณฑ์ควบคุม สำนักงานชลประทานที่ 13 มีความจำเป็นที่จะปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนแม่กลอง ในปริมาณมากกว่า 800 ลบ.ม./วินาที จะส่งให้ระดับน้ำในแม่น้ำแม่กลองท้ายเขื่อนแม่กลอง มีระดับสูงขึ้นจากปัจจุบัน 1-2 เมตร
สำนักงานชลประทานที่ 13 จึงขอประชาสัมพันธ์เพื่อแจ้งเตือนให้จังหวัดได้รับทราบและแจ้งให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้ององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ประกอบการ ตลอดจนประชาชนที่อยู่อาศัยริมแม่น้ำ ที่ลุ่มต่ำ ที่อาจได้รับผลกระทบจากระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว ได้เตรียมการฝ้าระวังและติดตามข่าวสารสถานการณ์น้ำ จากหน่วยราชการอย่างใกล้ชิด - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี