คลังเร่งโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
คาดธ.ค.ได้ใช้เงิน
ตั้งเป้าร้านค้าเข้าร่วม3ล.ราย
จ่อแจงเงื่อนไขกลุ่มเปราะบาง
คุยช่วยจีดีพีไทยโตเพิ่ม1.2-1.8
“ภูมิธรรม” ย้ำ กระทรวงพาณิชย์ ดูแลร้านค้า 2 ล้านราย เตรียมดึงเข้าระบบภายใน 2 เดือน จัดแถลงความชัดเจนในสัปดาห์หน้า ด้าน “จุลพันธ์”แจงชัด คนเกษียณ-สูงวัย เข้าร่วมดิจิทัล วอลเล็ต ได้ แย้มภายใน ธันวาคมคนไทยได้ใช้ ดิจิทัล วอลเล็ต คาดมีร้านค้ามาลงทะเบียนราว 3 ล้านราย “เผ่าภูมิ”แนะลงทะเบียนดิจิทัล วอลเล็ต ผ่านมือถือ ง่าย ใช้จ่ายสะดวก เตรียมประกาศเงื่อนไข ใช้จ่ายกลุ่มเปราะบางเร็วๆ นี้คลังปรับคาดการณ์จีดีพีไทยปี’67 ขยายตัวร้อยละ 2.7 คาดเงินดิจิทัลส่งผลต่อเศรษฐกิจร้อยละ 1.2-1.8 ลุ้นยอดใช้จ่ายของประชาชน
เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงการลงทะเบียนร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ช่วงปลายสัปดาห์นี้หรือต้นสัปดาห์หน้า กระทรวงพาณิชย์ จะแถลงให้ทราบความชัดเจนเกี่ยวกับการลงทะเบียนร้านค้าเข้าสู่ระบบ ซึ่งตอนนี้มีร้านค้าเป้าหมายกว่า 2 ล้านราย อาทิ ของสมาคมค้าปลีก 40,000-50,000 ร้าน ร้านธงฟ้า 150,000 ร้าน และร้านอาหาร 5,000 ร้าน กรมการปกครอง 400,000 ร้าน และนิติบุคคล 900,000 ร้าน โดยจะเริ่มจัดการในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. ซึ่งตั้งเป้าหมายภายใน 2 เดือนนี้ จะดึงร้านเข้าระบบทั้งหมด และขณะนี้ก็เริ่มทยอยเข้าระบบแล้ว
“ร้านค้าเวลานี้ได้มีการตรวจสอบทั้งหมด และประสานทุกส่วนโดยให้ดีจีเอ เป็นผู้รับรวบรวมเข้าระบบทั้งหมด จากนั้นจะเปิดให้ยืนยันตัวตนว่าใครเข้าระบบ ซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลา 2 เดือน ในการขับเคลื่อนเดินหน้าต่างๆ ให้ชัดเจน เชื่อว่าเดือน ต.ค. น่าจะจบทั้งหมดและสามารถดำเนินการได้” นายภูมิธรรม กล่าว
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวถึงณีมีข้อกังวลว่า กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้เกษียณอายุราชการ หรือมีอายุเกิน 60 ปี จะมีโอกาสเข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ได้หรือไม่ว่า ขอยืนยันว่ากลุ่มผู้สูงอายุ ผู้เกษียณอายุราชการ หรือมีอายุเกิน 60 ปี จะมีโอกาสเข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทแน่นอน หากมีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไข คือ หากมีสัญชาติไทย มีรายได้ไม่เกินปีละ 840,000 บาท หรือมีเงินฝากทุกบัญชีรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท นับถึงวันที่ 31 มี.ค. 2567 ส่วนเงินบำเหน็จ บำนาญ ก็จะนับเป็นรายได้ประเภทหนึ่ง หากมีเดือนละ 20,000 บาท ก็ไม่เกินก็สามาถเข้าได้ แต่ถ้ามีรายได้อื่นรวมอยู่ด้วยจนเกินเงื่อนไขที่โครงการกำหนด ก็จะเข้าร่วมไม่ได้
นายจุลพันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยว เร่งดำเนินจัดทำระบบการใช้จ่ายเงินในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถใช้งานได้ภายในเดือน ธ.ค. ทั้งนี้ รัฐบาลไม่สามารถกำหนดวันเวลาที่จะใช้จ่ายได้ เนื่องจากต้องดูความพร้อมของระบบก่อน แต่หากเร่งระบบได้จะพยายาม ซึ่งอาจก่อนเดือน ธ.ค.ก็ได้ ดังนั้นขณะนี้ยังตอบเป็นวันเวลาชัดเจนไม่ได้ ต้องเป็นไปตามขั้นตอนก่อน โดยรัฐบาลจะแถลงข่าวให้ทราบเป็นระยะ เนื่องจากไม่ต้องการให้ประชาชนสับสนเกี่ยวกับการใช้งาน” นายจุลพันธ์กล่าว
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ในช่วงวันที่ 10-15 ก.ย. จะมีการแถลงข่าวเกี่ยวกับการลงทะเบียนของประชาชนกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ผู้ป่วยติดเตียงอีกครั้ง เพื่อให้เข้าใจวิธีการลงทะเบียนและวิธีการใช้จ่าย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยติดเตียง ที่ต้องเปิดช่องทางพิเศษเป็นการเฉพาะทั้งผู้ป่วยติดเตียง เพราะไม่สามารถบังคับให้ยืนยันตัวตนแบบพบหน้าได้ (Face to Face) โดยกลุ่มนี้จะเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.-15 ต.ค.2567 หลังจากลงทะเบียนครบถ้วนแล้ว จะแถลงวิธีขั้นตอนการใช้จ่ายทั้งหมด
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ส่วนลงทะเบียนร้านค้า จะเปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 1 ต.ค.2567 โดยคาดหวังว่าจะมีร้านค้ามาลงทะเบียนราว 3 ล้านราย จากเดิมที่มีการลงทะเบียน 2 ล้านราย หากร้านค้าที่ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการรัฐ กับกระทรวงพาณิชย์แล้ว ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ เพียงกดปุ่มอัปเดตข้อมูลใหม่ หากมีข้อมูลใดที่ยังไม่มีสามารถกรอกข้อมูลเพิ่มได้ และกดปุ่มเข้าร่วมโครงการเท่านั้น
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวว่า อยากแนะนำให้ประชาชนทั่วไปลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ต ผ่าน แอปทางรัฐ ด้วยสมาร์ทโฟน เพราะใช้จ่ายง่าย สะดวกรวดเร็ว ส่วนการใช้จ่ายของกลุ่มเปราะบาง ผู้ป่วยติดเตียง คนไม่มีมือถือ เตรียมประกาศหลักเกณฑ์ในเร็วๆ นี้ ยอมรับว่าหากผ่อนปรนเงื่อนไขมากเกินไปจะมีปัญหาการมอบ หรือโอนสิทธิ์ให้คนอื่นใช้เงินดิจิทัลไปซื้อสินค้าแทนจำนวนมาก จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
สำหรับการใช้จ่ายของประชาชนในชุมชนต้องซื้อสินค้าในร้านค้ารายย่อย ร้านสะดวกซื้อขนาดเล็กในชุมชนตามทะเบียนบ้าน ภายในรัศมีอำเภอ รวมถึงร้านเซเว่น โลตัส มินิบิ๊กซี ตามชุมชน แต่ไม่ใช่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ส่วนนักบวช ภิกษุสงฆ์ ยอมรับว่าเป็นผู้มีสิทธิ์ในการใช้เงินดิจิทัล ไม่มีข้อห้ามแต่อย่าง
นายเผ่าภูมิ เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้ปรับคาดการณ์จีดีพีไทยในปี 67 ขยายตัวร้อยละ 2.7 จากคาดการณ์เดิมจีพีดีเติบโตร้อยละ 2.4 เพิ่มจากปี 66 ขยายตัวร้อยละ 1.9 สาเหตุมาจากรายได้ท่องเที่ยว คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศ 36 ล้านคน สร้างรายได้ 1.7 ล้านล้านบาท ใช้จ่ายต่อหัวต่อทริป 47,000 บาท มาจากมาตรการยกเว้นวีซ่าให้กับหลายประเทศทั่วโลก การส่งออกขยายตัวร้อยละ 2.7 เพิ่มจากเดิมร้อยละ 2.3 เพราะเศรษฐกิจสหรัฐ จีน ยุโรป ยังฟื้นตัวรองรับการส่งออกของไทยได้มากขึ้น รวมถึงการบริโภคภาคเอกชน คาดว่าขยายตัวร้อยละ 4.5 จากเดิมขยายตัวร้อยละ 3.5 เนื่องจากภาคเกษตรรายได้เพิ่มร้อยละ 8 และภาษีมูลค่าเพิ่มจากการบริโภคเพิ่มขึ้น บวกกับมาตรการของรัฐบาลออกมาในช่วงนี้ เช่น สินเชื่อซอฟต์โลน 1 แสนล้านบาท เพื่อเติมเงินให้กับเอสเอ็มอีและรายย่อย กระทรวงคลังยังคาดว่าเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ทั้งโครงการส่งผลให้จีดีพีดีขึ้นในปีนี้ร้อยละ 1.2-1.8 ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการใช้จ่าย พฤติกรรมการใช้เงินซื้อสินค้า แหล่งที่มาของเงินรองรับทั้งโครงการ โดยยังไม่ได้นับรวมผลต่อเศรษฐกิจดิจิทัล การกระจายเงินไปสู่อำเภอ การลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ
“แม้กระทรวงการคลังปรับเป้าหมายจีดีพีเพิ่มร้อยละ 2.7 รัฐบาลอยากทำให้ดีกว่านี้ เพราะมีเป้าหมายทำงานถึงร้อยละ 3 ด้วยการให้มาตรการทางการคลัง สอดคล้องกับมาตรการทางการเงินของ ธปท. หลังจากได้ออกมาตรการสินเชื่อซอฟต์โลน 1 แสนล้าน อัดฉีดสู่ระบบ เพื่อให้เอสเอ็มอีมีสภาพคล่อง และสินเชื่ออื่นๆ ภาษีดึงดูดการลงทุน ขณะที่ไอเอ็มเอฟคาดการณ์จีดีพีไทยขยายตัวร้อยละ 2.9 และอีกหลายค่ายหน่วยงานด้านเศรษฐกิจประเมินจีดีพีไทยเพิ่มขึ้นจากเดิม เนื่องจากการท่องเที่ยวและต้องสร้างแรงซื้อในประเทศเพิ่มขึ้น” รมช.คลัง กล่าว
ขณะที่ นายพรชัย ฐีระเวช โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การปรับสมติฐานดังกล่าวมาจากสาเหตุ คาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวร้อยละ 2.4 จีนขยายตัวร้อยละ 5 ญี่ปุ่นขยายตัวร้อยละ 0.7 โดยยังต้องติดตามปัจจัยภายนอก ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ตะวันออกกลาง ความผันผวนตลาดการเงินโลก เศรษฐกิจยุโรปและญี่ปุ่นเติบโตช้า รวมทั้งจีนเผชิญปัญหาอสังหาริมทรัพย์และปัญหาเชิงโครงสร้าง ภัยพิบัติรุนแรงหลายพื้นที่ทั่วโลก รวมถึงการติดตามผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าของไทย คาดว่าค่าเงินบาทเฉลี่ย 36.18 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ น้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 86 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลล์ ปัจจัยเสี่ยงต่อน้ำมันดิบ จากแนวโน้มสงครามการค้าสหรัฐ-จีน คาดอัตราเงินเฟ้อทั่วไปร้อยละ 0.6 ต่อปี ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 2.4 ของจีดีพี และมองว่านโยบาย Ignite Thailand มาตรการทางภาษีจะดึงดูดการลงทุนเข้าประเทศได้มากขึ้น เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี