จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งว่า อิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ โดย จ.กาญจนบุรี เป็นจังหวัดที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป้าไหลหลาก และดินถล่ม ระหว่างวันที่ 24 - 31 กรกฎาคม 2567 โดยเฉพาะ อ.เมืองกาญจนบุรี อ.สังขละบุรี อ.ทองผาภูมิ อ.ศรีสวัสดิ์ อ.ไทรโยค และ อ.ด่านมะขามเตี้ย
จากคำเตือนดังกล่าวปรากฏว่าฝนได้ตกลงมาอย่างหนักตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นเหตุทำให้พื้นที่ อ.ทองผาภูมิ อ.ไทรโยค ได้รับผลกระทบอย่างหนักโดยเฉพาะผู้ประกอบการโรงแรม รีสอร์ท รวมทั้งประชาชนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแควน้อยตลอดสาย จากความรุนของน้ำท่วม เขื่อนวชิราลงกรณ อ.ทองผาภูมิ ได้ลดระดับการระบายน้ำลง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่อยู่หน้าเขื่อน ปัจจุบันพื้นที่อำเภอทองผาภูมิ และอำเภอไทรโยค กระแสน้ำเริ่มลดลงตามลำดับ
โดยเมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ 28 ก.ค.67 ร้อยโททศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี และนายฑรัท เหลืองสอาด ปลัดจังหวัดกาญจนบุรี ได้รับรายงานจากนายเนรมิต เหลืองอร่ามฟ้า นายอำเภอไทรโยค ว่าวันนี้ ตนพร้อมด้วยนายกิรติ จิณแพทย์ ปลัดอาวุโสอำเภอไทรโยค นายโชคชัย อู่โภคิน ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง นางสาวอณัฎญ์ชา ทับพรหม ปลัดป้องกันอำเภอไทรโยค สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอไทรโยคที่7 และนายกเทศมนตรีน้ำตกไทรโยคน้อย รวมทั้ง ปภ.จังหวัดกาญจนบุรี จิตอาสาพระราชทาน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยกาญจนบุรี ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือ
โดยได้นำรถครัวพระราชทานเคลื่อนที่เร็วไปประกอบอาหารช่วยเหลือที่บริเวณวัดน้ำตก ต.ท่าเสา และจัดศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมบริเวณท่าเรือปากแซง ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค อีกทั้งยังนำอาหารและน้ำดื่มไปแจกจ่ายให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม น้ำป่าไหลหลากในบริเวณหมู่ที่ 3 ตำบลท่าเสา อำเภอไทรโยค และและพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบ
สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่เบื้องต้น พบว่า เวลา 11.00 น.ระดับน้ำบริเวณชุมชนท่าเรือปากแซง หมู่ 3 ต.ท่าเสา มีระดับน้ำลดลงประมาณ 1 เมตร เวลา 12.00 น.ได้เข้าตรวจระดับน้ำของสะพานลุ่มสุ่ม รอยต่อของบ้านลุ่มผึ้งกับบ้านหนองขอน จากการลงพื้นที่มีระดับน้ำสูงเสมอระดับขอบสะพาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกันคืนที่ผ่านมามวลน้ำมหาศาลที่ไหลหลากมาตามแม่น้ำแควน้อย จากทางด้าน อ.ทองผาภูมิ และ อ.ไทรโยค ทำให้มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นในพื้นที่ ต.บ้านเก่า และ ต.หนองหญ้า อ.เมืองกาญจนบุรี โรงแรมและรีสอร์ท รวมทั้งบ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วมเสียหาย และนอกจากนี้กระชังปลาทับทิม ที่ผู้ประกอบการเลี้ยงเอาไว้ริมแม่น้ำแควน้อยยังถูกกระแสพัดลอยไปชนกับตอม่อสะพานหนองหญ้า จนกระชังพังเสียหายไปหลายกระชัง ทำให้ปลาทับทิมที่มีอยู่หลุดไปกับสายน้ำ แต่บางส่วนยังติดอยู่ในกระชังโดยผู้ประกอบต้องนำเรือลงไปจับเท่าที่จะทำได้แล้วนำมาขายให้กับชาวบ้านในราคา 4 กิโลกรัม/100 บาท เท่านั้น
ส่วนกรณีที่สำนักงานชลประทานที่ 13 แจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ท้ายเขื่อนแม่กลอง เนื่องจากมีปริมาณน้ำไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อยและแม่น้ำแม่กลองเป็นจำนวนมาก เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำของเขื่อนแม่กลองเป็นไปตามเกณฑ์ควบคุม สำนักงานชลประทานที่ 13 มีความจำเป็นที่จะปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนแม่กลอง ในปริมาณมากกว่า 800 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำแม่กลองท้ายเขื่อนแม่กลอง มีระดับสูงขึ้นจากเดิมประมาณ 1.2 เมตร
โดย นางอรทัย วงศ์วัชรมงคล นายอำเภอท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ได้สั่งการให้นายกเทศมนตรีตำบล และนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ทุกแห่งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยประชาชนชาวอำเภอท่ามะกาที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำแม่กองมีทั้งหมด7 ตำบล ประกอบด้วย ตำบลแสนตอ ตำบลหวายเหนียว ตำบลพงตึก ตำบลท่าเสา ตำบลท่ามะกา ตำบลท่าไม้ ตำบลดอนขมิ้น เฉลี่ยตำบลละ 35 หมู่บ้าน ประชากรประมาณ 250 หลังคาเรือน
ล่าสุด นายยศวัฒน์ มาไพศาลสิน ส.ส.กาญจนบุรี พรรคภูมิใจไทย เขต 3 ได้ประสานไปยัง นายเฉลิมพนธ์ หงษ์ยนต์ ประธานชมรมกู้ภัยทางน้ำภาค 7 ขอให้นำเรือออกสำรวจตรวจสอบสภาพน้ำในแม่น้ำแม่กลอง ว่ามีระดับเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใด โดยนายเฉลิมพนธ์ ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ด้วยการนำเรือออกสำรวจตั้งแต่บริเวณหาดทรายเทศบาลตำบลลูกแกที่ถูกน้ำท่วมหมดแล้ว ไปจนถึงเขตอำเภอท่ามะการะยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร จากการสำรวจพบว่าระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก อีกไม่กี่เมตรก็จะถึงคานสะพานข้ามแม่น้ำ และนอกจากนี้ยังพบว่าเกาะที่อยู่กลางแม่น้ำถูกน้ำท่วมทั้งหมด สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแม่กลองบริเวณหาดทรายลูกแก เขตติดต่อระหว่างหมู่ 6 กับหมู่ 7 ประมาณ 10 ครัวเรือน ทางเทศบาลตำบลลูกแก ได้นำเต้นท์มาติดตั้งเพื่อให้ประชาชนได้เข้าไปอาศัยอยู่ชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาปกติ
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี