เจ้าหน้าที่เริ่มถอนกำลังจุดปะทะ คุมเข้มทุกพื้นที่ ป้องกันคนร้ายตอบโต้หลังสูญเสียแกนนำ 3 ราย
วันที่ 2 สิงหาคม 2567 จากเหตุการณ์ที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมประจำจังหวัดปัตตานี ได้สนธิกำลัง 3 ฝ่าย เข้าบังคับใช้กฎหมายเพื่อตรวจสอบบุคคลต้องสงสัยในพื้นที่ ป่ายาง บ.คลองช้าง ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นแหล่งพักพิงและหลบซ่อนตัวของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่ทางเจ้าหน้าที่ต้องการตัว เจ้าหน้าที่จึงเข้าปิดล้อมและเกิดการปะทะขึ้นโดยคนร้ายได้ขว้างระเบิดชนิดขว้างเข้าใส่ชุดเจ้าหน้าที่จนเสียชีวิต 1 ราย และ บาดเจ็บ 2 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังเกิดเจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดล้อมกลุ่มคนร้าย พร้อมทั้งการเจรจาเพื่อให้กลุ่มคนร้ายให้ออกมามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ โดยการปฏิบัติการปิดล้อมดังกล่าวใช้เวลา กว่า 5 วัน จนกระทั้งกลางดึกของวันที่ 31 ก.ค. – เช้าของวันที่ 1 ส.ค. เจ้าหน้าที่ได้เกิดการปะทะขึ้นกับกลุ่มคนร้ายที่หลบซ่อนตัวอยู่ในป่ายาง โดยมีการปะทะกันหลายชั่วโมง จนถึงช่วงเช้า สถานการณ์จึงคลี่คลายลง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบจุดปะทะ พบร่างของคนร้ายเสียชีวิต 3 ราย ทราบชื่อ 1. นายรอบี แวสะมะแอ อายุ 30 ปี มีหมายจับคดีความมั่นคง 2 หมาย 2. นายอิสมาแอ จาและ อายุ 30 ปี มีหมายจับคดีความมั่นคง 4 หมาย และ 3. นายต่วนอาเดล มานิ๊ อายุ 26 ปี เป็นแนวร่วมผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ได้เคลี่ยร์พื้นที่ พร้อมทั้งยังคงปิดล้อมพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อตรวจสอบว่ายังมีคนร้ายที่ยังหลบซ่อนตัวอีกหรือไม่
สถานการณ์ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังจุดปะทะ ที่ บ.คลองช้าง ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เพื่อติดตามความคืบหน้าเหตุปะทะ ปรากฏว่า ในวันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ยังคงปิดกั้นเส้นทางเข้าออก เพื่อไม่ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าไปในที่เกิดเหตุ โดยในวันนี้พบว่า ทางเจ้าหน้าที่ ได้มีการถอนยุทโธปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็น เต็นท์ศูนย์บัญชาการ อุปกรณ์สื่อสาร รถแม็คโคร ที่ใช้สำหรับเคลี่ยร์พื้นที่ รวมถึงกองกำลังเจ้าหน้าที่ ทยอยออกจากพื้นที่แล้ว หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้เสร็จภาระกิจการตรวจอย่างละเอียดในที่เกิดเหตุและบริเวณโดยรอบแล้ว
ด้าน พันเอก เอกวริทธิ์ ชอบชูผล โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า ในวันนี้ ทางเจาหน้าที่ได้มีการถอนกำลัง พร้อมทั้งยุทโธปกรณ์ ทยอยออกจากพื้นที่ปะทะแล้ว หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจในการปิดล้อม และค้นหากลุ่มคนร้าย ว่ามีหลงเหลืออยู่ในป่าอีกหรือไม่ ซึ่งหลังการตรวจสอบไม่พบร่องรอยของคนร้าย จึงได้มีการถอนกำลังในวันนี้ เพื่อเปิดเส้นทางเข้าออกให้ประชาชนสามารถใช้เส้นทางเข้าออกได้อีกครั้ง ในส่วนหลังจากการปะทะกลุ่มคนร้ายเสียชีวิต 3 รายนั้น ล่าสุด ทางด้านแม่ทัพภาค 4 ได้มีคำสั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ด้านฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ได้เพิ่มความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นการลาดตระเวนเส้นทาง การดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ รวมถึง การเข้าในที่เกิดเหตุ ให้เพิ่มความระมัดระวังอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายฉวยโอกาสในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่ เข้าก่อเหตุกับเจ้าหน้าที่ได้ ซึ่งคาดว่ากลุ่มคนร้ายอาจตอบโต้กับเจ้าหน้าที่หลังกลุ่มขบวนการต้องสูญเสียแกนนำคนสำคัญ 3 ราย
ในขณะที่ ทางด้าน พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 ได้ให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องสร้างความเข้าใจกับญาติของผู้เสียชีวิต ในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ซึ่งกระทำตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตที่ต้องสูญเสียบุคคลในครอบครัวในครั้งนี้ นอกจากนี้ ยังได้กำชับให้เจ้าหน้าทีที่หน่วยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพิ่มมาตรการในการตั้งจุดตรวจจุดสกัด ในการตรวจสอบค้นหาบุคคล รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ต้องสงสัย โดยเฉพาะ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ที่ถูกขโมย อย่างละเอียด เพื่อป้องกันการตอบโต้ของกลุ่มคนร้ายที่อาจจะตอบโต้เจ้าหน้าที่ และในวันพรุ่งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เพิ่มมาตรการในการรักษาความปลอดภัยให้กับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีประเทศไทย และนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย ที่มีกำหนดการจะเดินทางมาเยียนพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก ติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างสะพานคู่ขนานข้ามแม่น้ำโก-ลก แห่งที่ 2 และการดำเนินงานตามนโยบายเมืองคู่แฝด ในวันที่ 3 ส.ค. 67 ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ด่วน!! วิสามัญฯ 3 ศพหลังปะทะเดือด'คลองช้าง' สั่งยกระดับ รปภ.ป้องกันถูกตอบโต้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี