ตามนโยบายของสํานักงานตํารวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สํานักงานตํารวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ สตม.สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบ ธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดําเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ในขณะที่พํานักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทําผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ทําให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทําความผิด
วันนี้ (5 ส.ค.67) เวลา 11.00 น.ภายใต้การอํานวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รอง ผบก.ตม.5, พ.ต.อ.ศุภโชค หยงสตาร์ รอง ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.เฉลิมชนม์ แหลมทอง รอง ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ชินวุฒิ ตั้งวงษ์เลิศ ผกก.ตม.จว.สงขลา, พ.ต.อ.ชูวงษ์ อุทัยสาง ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.อภิเษก ปิศโน ผกก.ตม.จว.น่าน, พ.ต.ท.พิระวัตร์ วงศ์ศิริเมธีกุล สวญ.ตม.จว.ชุมพร ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสําคัญ ดังนี้
1.สตม.รวบแล้ว!! ขบวนการขนคนต่างด้าวขึ้นเหนือล่องใต้ อ้างโปรไฟล์รับขนส่งทั่วไทย
ตม.จว.น่าน ร่วมกับ ตม.จว.สุรินทร์ จับกุม นายหนูเรียง (สงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี สัญชาติไทย ตามหมายจับของศาลจังหวัดน่าน ที่ จ.34/2567 ลงวันท่ี 15 มี.ค.2567 ในความผิดฐาน ร่วมกันกระทําความผิดฐาน (ผู้ใช้) รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม นําตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เวียงสา จว.น่าน ดําเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุมบริเวณถนนสาธารณะคุ้มวัดกลาง หมู่ 9 ต.รัตนบุรี อ.รัตนบุรี จว.สุรินทร์
จากกรณีเมื่อวันที่ 4 ก.พ.2567 เวลาประมาณ 20.00 น. ตม.จว.น่าน ร่วมกับ นปพ.กก.สส.ภ.จว.น่าน ประจําจุดตรวจห้วยน้ำอุ่น จับกุม นายจิระวัฒน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี พร้อมคนต่างด้าว สัญชาติกัมพูชา จํานวน 6 คน ในความผิดฐาน รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วย ประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม นําตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เวียงสา จว.น่าน ดําเนินคดีตามกฎหมายนั้น
จากการสอบถาม นายจิระวัฒน์ ให้การรับสารภาพว่า ได้รับงานรับ - ส่ง คนต่างด้าวจากนายหนูเรียง ตกลงค่าจ้างไว้เป็นจํานวน 18,000 บาท ให้ไปส่งคนต่างด้าวจํานวน 6 คน จากต้นทาง อ.เชียงม่วน จว.พะเยา ปลายทางบริเวณ ชายแดนบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จว.จันทบุรี และจะได้รับค่าจ้างหลังจากส่งตัวคนต่างด้าวที่ปลายทางแล้ว โดยใช้แอพพลิเคชั่น Zello และ Line พูดคุยติดต่อกับนายหนูเรียง เพื่อนัดแนะถึงรายละเอียดในการรับ - ส่งคนต่างด้าว รวมถึงค่าตอบแทนจากนายหนูเรียง จึงได้ทําการสืบสวนขยายผลพบว่านายหนูเรียง มีพฤติกรรมในการลักลอบรับ - ส่งคนต่างด้าว ไปทั่วราชอาณาจักร และได้ลักลอบขนส่งคนต่างด้าวไปยังพื้นที่ภาคใต้ นอกจากนี้ยังพบว่านายหนูเรียงเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดทุ่งสง ในข้อหา “ให้ที่พัก ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ แก่คนต่างด้าวที่เข้าเมืองมา โดยผิดกฎหมาย เพื่อให้พ้นจากการจับกุม” จํานวน 1 หมาย
ตม.จว.น่าน จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานส่งพนักงาน สอบสวน สภ.เวียงสา จว.น่าน เพื่อขออนุมัติศาลจังหวัดน่าน ออกหมายจับ นายหนูเรียงฯ ในข้อหา “ร่วมกันกระทํา ความผิด (ผู้ใช้) รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ช่อนเร้น หรือช่วย ด้วย ประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม" ต่อมาจากการสืบสวนทราบว่านายหนูเรียง ได้หลบหนีคดีไปพัก อาศัยอยู่ในพื้นที่ หมู่ 9 ต.รัตนบุรี อ.รัตนบุรี จว.สุรินทร์ จึงได้ไปประสานงานกับ ตม.จว.สุรินทร์ เข้าตรวจสอบและจับกุม นําตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เวียงสา จว.น่าน ดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
2.สตม.ตามรวบบังหยัน หัวโจกขนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองข้ามชาติ
ตม.จว.สงขลา ร่วมกับ ตม.จว.ปัตตานี จับกุม นายซัฟยัน หรือบังหยัน (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี สัญชาติไทย ตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลา ที่ จ.455/2567 ลงวันที่ 5 ก.ค.2567 ต้องหาว่ากระทําความผิดฐาน "ช่วยเหลือซ่อนเร้น
หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ พ้นจากการจับกุม" นําตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.รัตภูมิ จว.สงขลา ดําเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม บริเวณหมู่บ้านปาแดลางา ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จว.ปัตตานี
สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 21 พ.ย.2566 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.สงขลา จับกุมแรงงานต่างด้าวสัญชาติ บังกลาเทศหลบหนีเข้าเมือง 19 คน พร้อมผู้ให้การช่วยเหลือ 2 คน เหตุเกิดที่ถนนสายเอเชียหมายเลข 2 ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จว.สงขลา หลังจากนั้นได้ขยายผลการจับกุมพบว่านายซัฟยัน หรือบังหยัน ผู้อยู่เบื้องหลังในการกระทําความผิด คร้ังนี้ จึงรวบรวมพยานหลักฐานจนกระทั่งศาลจังหวัดสงขลาออกหมายจับในความผิดฐาน ร่วมกันให้ที่พักพิง ให้การช่วยเหลือคนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาผิดกฎหมายเพื่อให้พ้นจากการจับกุมของพนักงานเจ้าหน้าที่ ต่อมาสืบทราบว่า นายซัฟยันฯ มาหลบอยู่ที่บ้านพักในเขต อ.หนองจิก จว.ปัตตานี จึงประสาน ตม.จว.ปัตตานี บูรณาการกําลังร่วมกับ ชุดสืบสวน บก.สส.จชต.และ สภ.หนองจิก ไปร่วมตรวจสอบและจับกุมได้ที่บ้านหลังดังกล่าว
สําหรับ นายซัฟยันฯ หรือ บังหยัน ถือเป็นกลไกสําคัญระดับสั่งการในการลําเลียงแรงงานต่างด้าวสัญชาติบังกลาเทศ จากประเทศกัมพูชาผิดกฎหมายผ่านประเทศไทยไปยังประเทศมาเลเซียทางช่องทางธรรมชาติ มีหมายจับ จากการกระทําความผิดข้างต้นติดตัวจํานวน 2 หมายจับ จะทําหน้าที่สั่งการประสานงานกับนายหน้าประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อจัดหารถขนแรงงานต่างด้าวครั้งละ 15 - 20 คน จากพื้นที่ตอนบนมายังภาคใต้ตลอดเส้นทางจนถึงมือนายจ้าง ที่ต้องการใช้แรงงานผิดกฎหมายในประเทศมาเลเซีย เจ้าหน้าที่จึงใช้เวลารวบรวมพยานหลักฐานหลายเดือนถึงจะพิสูจน์ ทราบตัวบุคคลได้ นอกจากนี้ ยังพบว่าเครือข่ายนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนําพาคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเคยจับกุมมาแล้ว 3 คดี ในการทลายเครือข่ายคร้ังนี้ถือเป็นการตัดวงจรสําคัญในการขนแรงงานผ่านประเทศไทย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตํารวจสามารถดําเนินคดีกับผู้กระทําความผิดตั้งแต่ต้นทางยันปลายทาง ได้ถึง 62 คน เป็นคนไทย 10 คน คนต่างด้าว 52 คน ตรวจยึดยานพาหนะที่ใช้ในการกระทําความผิดได้ 8 คัน หลังจากนี้จะควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตํารวจภูธรรัตภูมิ เพื่อดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
3.สตม.จับกุมนายหน้าผู้ประสานงานขบวนการขนคนต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
ตม.จว.ชุมพร ร่วมกับ กก.ปอพ.บก.สส.สตม.จับกุม นายฮาวาย (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี สัญชาติไทย ตามหมายจับศาลจังหวัดชุมพร ที่ จ.247/2567 ลงวันที่ 11 กรกฎาคม 2567 ต้องหาว่ากระทําความผิดฐาน "ร่วมกัน ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ แก่คนต่างด้าวซึ่งรู้ว่าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย เพื่อให้พ้นจากการจับกุม" นําตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.สลุย จว.ชุมพร ดําเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม ริมถนน เทศบาล 4 ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว จว.ปทุมธานี
ตามที่เมื่อวันที่ 1 พ.ย.2566 เวลาประมาณ 06.30 น.ได้เกิดอุบัติเหตุรถกระบะ (ตู้ทึบ) ขนคนต่างด้าว ชาวเมียนมาพลิกคว่ำบริเวณ ต.สลุย อ.ท่าแซะ จว.ชุมพร ที่เกิดเหตุพบคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จํานวน 18 คน (ได้รับบาดเจ็บ) ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 คน คือ นายสิทธิศักดิ์ หรือบาส (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี ส่ง สภ.สลุย จ.ชุมพร ดําเนินคดีตามกฎหมาย นั้น
ต่อมา ตม.จว.ชุมพร ร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.6 และ บก.สส.สตม.ได้ทําการสืบสวนขยายผลพบว่า ผู้ต้องหา ได้รับการว่าจ้างให้ไปรับคนต่างด้าวชาวเมียนมา ที่ ต.ปากแพรก อ.เมือง จว.กาญจนบุรี เพื่อไปส่งยัง อ.หาดใหญ่ จว.สงขลา โดยในครั้งนี้มีรถที่ไปรับคนต่างด้าวด้วยกันอีก 1 คัน คือ นายธีรพงษ์ (ได้ออกหมายจับดําเนินคดีไปแล้ว) จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า นายธีรพงษ์ ได้รับโอนเงินค่าน้ํามันมาจากนายฮาวาย จึงได้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับนายฮาวาย และจับกุมตัวนายฮาวาย ได้ในพื้นที่ จว.ปทุมธานี จากการขยายผล พบว่า นายฮาวายได้รับการประสานจากนายหน้าในพื้นที่ จว.กาญจนบุรี โดยนายฮาวาย ทําหน้าที่เป็นนายหน้าจัดหา รถขนคนต่างด้าว จากพื้นที่ภาคกลางไปยังพื้นที่ภาคใต้ ร่วมกับนายอนุรักษ์ หรือ บอย โดยจะได้ส่วนต่างจากการติดต่อ จัดหารถหัวละ 1,000 บาท ซึ่งมีคดีที่พบความเชื่อมโยงเกี่ยวพันกับนายฮาวาย และนายอนุรักษ์ อีก 3 คดี ดังนี้
1.เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2566 เจ้าหน้าที่ตํารวจทางหลวง, ตม.จว.พัทลุง และ สภ.นาขยาด ร่วมกันจับกุม นายอนุรักษ์ และ น.ส.เพ็ญ (ภรรยา) พร้อมพวกรวม 6 คน พร้อมชาวเมียนมาหลบหนีเข้าเมือง 58 คน ตรวจยึดรถกระบะ (รั้วคอก 3 คัน) จากการขยายผลพบว่านายอนุรักษ์ได้รับการติดต่อว่าจ้างมาจากนายหน้า ในพื้นที่ จว.สมุทรสาคร ให้รับ คนต่างด้าวในพื้นที่ จว.สมุทรสาคร ไปยัง จว.สงขลา โดยนายอนุรักษ์ได้รับงานขนคนต่างด้าว จากนายหน้ารายนี้มาแล้ว หลายครั้ง (ซึ่งยังอยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบตัวบุคคล)
2.เมื่อวันที่ 13 มี.ค.2567 เจ้าหน้าที่ตํารวจทางหลวง, ตม.จว.สุราษฎร์ธานี, สภ.ท่าฉาง ร่วมกันจับกุม นายวีระพล พร้อมชาวเมียนมาหลบหนีเข้าเมือง 15 คน และรถกระบะรั้วคอก 1 คัน เมื่อสืบสวนขยายผลพบว่านายวีระพล/ ผู้ต้องหา ได้รับการติดต่อว่าจ้างมาจากนายอนุรักษ์ ให้รับคนต่างด้าวในพื้นที่ จว.สมุทรสาคร ไปยัง จว.สงขลา ในราคา 15,000 บาท ซึ่งผู้ต้องหาเคยติดต่อรับงานเช่นนี้มาแล้วหลายครั้ง เมื่องานสําเร็จจะได้รับเงินโอนค่าจ้างจากนายอนุรักษ์ โดยพบพยานหลักฐานต่างๆ ระหว่างผู้ต้องหากับนายอนุรักษ์ และนายหน้าในพื้นที่ จว.สมุทรสาคร ต่อมาศาลจังหวัด ไชยา อนุมัติหมายจับนายอนุรักษ์ เจ้าหน้าที่สืบสวนติดตามจับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 10 พ.ค.2567 ในความผิดฐาน “ช่วยเหลือซ่อนเร้นฯ คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายให้พ้นการจับกุม”
3.เมื่อวันที่ 13 มี.ค.2567 (วันเดียวกับคดีที่ สภ.ท่าฉาง) เจ้าหน้าที่ตํารวจทางหลวง, ตม.จว.นครศรีธรรมราช, สภ.ทุ่งสง ร่วมกันจับกุมนายอัสดา และภรรยา พร้อมชาวเมียนมาหลบหนีเข้าเมือง 11 คน ตรวจยึดระกระบะตู้ทึบ 1 คัน เมื่อสืบสวนขยายผลพบว่านายอัสดา/ผู้ต้องหา ได้รับการติดต่อว่าจ้างมาจากนายอนุรักษ์ ให้รับคนต่างด้าวในพื้นที่ จว.สมุทรสาคร ไปยัง จว.สงขลา ในราคา 15,000 บาท ซึ่งผู้ต้องหาเคยติดต่อรับงานเช่นนี้มาแล้วหลายครั้ง เมื่องานสําเร็จจะได้รับเงินค่าจ้าง
นอกจากนี้ ยังพบพยานหลักฐานต่างๆ ระหว่างผู้ต้องหากับนายอนุรักษ์ และนายวีระพล ผู้ต้องหาในคดีที่ 3 ขณะนี้อยู่ในระหว่างพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดําเนินคดีกับผู้ร่วมกระทําความผิด เพิ่มเติมในคดีนี้
จากการวิเคราะห์แผนประทุษกรรมในกลุ่มเครือข่ายนายอนุรักษ์ พบว่า กลุ่มเครือข่ายดังกล่าวมีความเคลื่อนไหวมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2565 จนถึงปัจจุบัน โดยนายอนุรักษ์ และนางเพ็ญ (ภรรยา) เป็นผู้ประสานงานกับนายหน้า ชาวเมียนในพื้นที่ จว.สมุทรสาคร และนายฮาวาย ผู้ทําหน้าที่ประสานงานในพื้นที่ภาคกลาง โดยจะเป็นตัวกลางในการ ประสานงานทีมขนจาก จว.กาญจนบุรี หรือ จว.สมุทรสาคร มายังพื้นที่ จว.สงขลา ซึ่งนายอนุรักษ์จะทําหน้าที่เป็น หัวหน้าทีมขน และจะได้รับค่าตอบแทนหัวละ 3,500 บาท ซึ่งจะประสานงานกับกลุ่มรถขนจาก จว.สงขลา ไปยัง จว.นราธิวาส เพื่อลักลอบข้ามไปยังประเทศมาเลเซีย โดยพบความเชื่อมโยงกับเครือข่ายของนายซัฟยัน และกลุ่มผู้ต้องหา ที่ถูกจับกุมดําเนินคดีในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
สรุปผลการปฏิบัติ พบการกระทําความผิดในเครือข่ายของนายอนุรักษ์ทั้งสิ้น 4 คดี จับกุมผู้ต้องหา 12 คน ขยายผลออกหมายจับ 3 คน (จับกุมทั้งหมด) จํานวนคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง 102 คน ยึดยานพาหนะ 6 คัน
จากการสืบสวนขยายผลยังพบว่าเครือข่ายนายอนุรักษ์ มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายที่ สตม.ร่วมกับ บก.ทล., บก.ปคม. ภ.7, 8, 9 และหน่วยงานความมั่นคง ร่วมกันสืบสวนขยายผลการลักลอบขนคนต่างด้าวที่ใช้เส้นทาง ด้าน อ.สังขละบุรี จว.กาญจนบุรี ได้แก่ เครือข่ายนายวิทยา จับกุมเมื่อวันที่ 5 เม.ย.2566 พื้นที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี, เครือข่ายซูก้า-นิตาเว จับกุมเมื่อวันที่ 4 เม.ย.2566 พื้นที่ สภ.ทุ่งตะโก จว.ชุมพร และเมื่อวันที่ 30 เม.ย.2566 พื้นที่ สภ.ทองผาภูมิ จว.กาญจนบุรี, เครือข่ายวุธ แม่กลอง จับกุมเมื่อวันที่ 7, 25 มิ.ย.2566 พื้นที่ สภ.รัตภูมิ จ.สงขลา และ เครือข่ายลักลอบขนคนต่างด้าวที่ใช้เส้นทางผ่าน จว.ตาก ได้แก่ เครือข่ายซูซูมา จับกุมเมื่อวันที่ 15 มี.ค.2566 พื้นที่ สภ.บางกล่ํา จ.สงขลา โดยความเชื่อมโยงกับกลุ่มเครือข่ายต่างๆ มีการกระทําความผิดในลักษณะขบวนการ ที่มีการแบ่งหน้าที่ กันทํา (นายหน้าประสานงานแนวชายแดน/นายหน้าประสานงานพื้นที่ชั้นใน จว.กาญจนบุรี-ปทุมธานี-สมุทรสาคร- สงขลา-จชต. (จัดหารถ)/ผู้ดูแลจุดพักคอย/หัวหน้าทีมขน-ทีมขน (ตอนบน/ตอนล่าง) ซึ่ง สตม.ได้ร่วมกับ ภ.7 , 8 , 9 , บช.ก.เฝ้าระวังกลุ่มขบวนการดังกล่าวเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน จนนํามาสู่การจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาของในเครือข่ายนายอนุรักษ์ ซึ่งชุดสืบสวน สตม.จะได้ดําเนินการขยายผลเพื่อนําผู้กระทําความผิดที่เกี่ยวข้องมาดําเนินคดีต่อไป
สตม.ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม.มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทําความผิด ในด้านต่างๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่นๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า - ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทําความผิด กรุณาแจ้งมายังสํานักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี