ชนสยอง !! สาวท้องแก่ตายทั้งกลมพร้อมลูก ขณะที่ญาติคาใจบอกตร.อ้างประมาทร่วม พร้อมให้ญาติไปหาหลักฐานเอง ด้านพลเมืองดีไม่ทนส่งคลิปขณะเกิดเหตุยืนยันใครผิดใครถูก เผยขนหัวลุกเห็นรถเด็กเล่นแล่นบนฝาโลง
สืบเนื่อง มีผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อ Anuph0n Seekham ลงโพสต์ในเพจว่า “หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยทีครับ ตำรวจบอกให้หาหลักฐานเอง หาพยานไปแล้วแต่ไม่รับ หลักฐานกล้องวงจรปิดบอกไม่พอ กล้องหน้ารถลาวที่ขับชน ตำรวจบอกไม่มีกล้อง แต่มีร่องรอยแกะออก ตำรวจให้เอารถกลับไปซ่อมใครซ่อมมัน คดีคือไม่คืบหน้า ตำรวจไม่ทำไรสักอย่าง สภ.เมืองนครพนม คนตายไป 2 คน โคม่าอีก 1” พร้อมร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าวในพื้นที่ให้ช่วยอีกแรงหนึ่ง ปรากฏว่ามีการแชร์ข้อความดังกล่าวไปมากกว่า 300 ครั้ง
ล่าสุด วันที่ 5 สิงหาคม 2567 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 88 หมู่ 11 บ้านนาราชควายใหญ่ ต.นาราชควาย อ.เมือง จ.นครพนม ซึ่งเป็นบ้านพักของ น.ส.วิชุดา เทพคำราม หรือบี อายุ 23 ปี ทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาล ประจำห้อง ICU โรงพยาบาลนครพนม ซึ่งท้องแก่ 8 เดือนใกล้คลอด แต่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งชนเสียชีวิตพร้อมลูกในท้อง เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา เวลาประมาณ 18.00 น. บนถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 22 (นิตโย) สายนครพนม-สกลนคร ฝั่งขาเข้าเมืองบริเวณ 4 แยกไฟแดงบ้านดอนโมง ต.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม
โดยได้รับการเปิดเผยจากนางฉวีวรรณ สีคำ อายุ 54 ปี มีศักดิ์เป็นป้าของน้องบีผู้เสียชีวิต ว่า หลานสาวประสบอุบัติเหตุ ขณะนั่งรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า สีขาว วีออส สีขาว ทะเบียน 4 ขท 3023 กรุงเทพมหานคร ซึ่งนั่งมากับครอบครัวรวม 7 คน ประกอบด้วยนายณรงค์ฤทธิ์ โคตรสุวรรณ หรือเอ็ม อายุ 25 ปีสามีของน้องบีและเป็นคนขับ ตรงเบาะหน้านอกจากน้องบีแล้ว ก็มี ด.ช.พีรภัทร หรือน้องริว อายุ 5 ขวบนั่งตักผู้เป็นแม่ ส่วนเบาะหลังมีนางรินดา สีคำ อายุ 50 ปีแม่น้องบี ด.ญ.วิรดา เทพคำราม หรือน้องใบหม่อน อายุ 14 ปี น้องสาวของน้องบี น.ส.สุดาทิพย์ เทพคำราม หรือป้อม อายุ 20 ปี น้องสาวของน้องบี และหลานสาวชื่อ ด.ญ.วนิดา แสนแก้ว อายุ 3 ขวบ โดยถูกรถยนต์เก๋ง SUV ยี่ห้อฟอร์ด Territory ทะเบียนประเทศลาวป้ายเหลือง นฮ 5699 คำม่วน พุ่งชนข้างด้านซ้ายขณะนายเอ็มกำลังเลี้ยวรถจากทางแยกเพื่อเข้าบ้านที่ ต.นาราชควาย โดยทุกคนในรถต่างบาดเจ็บกันหมด โดยเฉพาะน้องบีถูกอัดก๊อปปี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างนาวาจุดเมือง ต้องใช้เครื่องตัดถ่างงัดร่างออกมา รีบนำส่งโรงพยาบาลนครพนม ในสภาพอาการสาหัสไม่รู้สึกตัว แพทย์ต้องเร่งร่างเข้าห้อง ICU ซึ่งเป็นที่ทำงานของน้องบีอีกด้วย เนื่องจากผู้บาดเจ็บตั้งคลอดท้องแก่ถึง 8 เดือน แพทย์จึงตรวจชีพจรของลูกในครรภ์ พบว่าเด็กได้เสียชีวิตแล้ว แต่จากการประเมินอาการของน้องบีก็สุดยื้อ และได้เสียชีวิต ในเวลาประมาณเที่ยงคืนเศษวันที่ 4 สิงหาคม แพทย์จึงได้ดำเนินการผ่าท้องเพื่อนำร่างเด็กออกเป็นเพศหญิง นำศพมานอนเคียงข้างกัน ก่อนจะนำศพแม่ลูกไปเก็บรักษาไว้ที่ห้องดับจิต
นางฉวีวรรณ เล่าต่อว่า นอกจากน้องบีจะตายทั้งกลมพร้อมลูกในครรภ์แล้ว หลานสาววัย 3 ขวบก็อาการโคม่า กะโหลกร้าวมีเลือดคั่งในสมอง ต้องส่งไปรักษาต่อที่ จ.สกลนคร ส่วนนางรินคำสะโพกร้าวแพทย์ห้ามขยับตัว ด้านน้องริววัย 5 ขวบขาหัก 3 ท่อน และ น.ส.ป้อมปอดฉีก ขณะเดียวกันน้องใบหม่อนถือว่าบาดเจ็บไม่มาก มีอาการเจ็บที่ต้นขาซ้ายร้าวไปถึงขา แพทย์อนุญาตให้กลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ ยอมรับว่าเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญ เพราะมีเสียชีวิตและบาดเจ็บทั้งครอบครัว
โดยน้องใบหม่อนถือว่าเป็นพยานคนเดียวที่อยู่ในรถ เล่าเหตุการณ์ว่านายเอ็มสามีของน้องบี ซึ่งทำงานเป็นพนักงานเปล รพ.นครพนม ได้ชักชวนคนในครอบครัวไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าแมคโคร ขากลับก็ขับรถมาตามปกติ ไม่ได้ใช้ความเร็วแต่อย่างใด พอมาถึง 4 แยกบ้านดอนโมงก็จอดติดไฟแดง รอสัญญาณไฟเขียวก็เลี้ยวเข้าถนน ปรากฏว่ามีรถคู่กรณีขับมาด้วยความเร็วสูงพุ่งเข้าชนอย่างจัง ตนก็สลบคารถไม่ได้สติ จนเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาเขย่าตัวจึงรู้สึกตัว และยืนยันว่ารถจอดรอสัญญาณไฟเขียว ไม่ได้ผ่าไฟแดงแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุญาติของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ได้เดินทางไปพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม เพื่อสอบถามความคืบหน้า จึงทราบว่าคู่กรณีเป็นชาวลาว คนขับชื่อนางบุญเฮง ไกโสพน อายุ 50 ปี มีคนนั่งคู่เบาะหน้าชื่อนางมาลัยทอง สิงทอง อายุ 47 ปี และคนที่นั่งมาเบาะหลังชื่อนางมาลัยพร จันมาลา อาย 52 ปี ซึ่งเป็นแพทย์อยู่ รพ.แขวงคำม่วน เดินทางกลับมาจากไปเยี่ยมญาติที่ป่วยอยู่ จ.สกลนคร โดยเฉพาะคุณหมอมาลัยพรบาดเจ็บขาหัก แพทย์ รพ.นครพนม ผ่าตัดด้ามเหล็กให้แล้ว ก็กลับไปรักษาต่อที่ รพ.แขวงคำม่วน สปป.ลาว
จากการบอกเล่าของญาติน้องบี เล่าว่า ได้ประจันหน้ากับสามีของนางบุญเฮงแบบจะๆ แต่ไม่มีการทักทายหรือพูดคุยกัน เดินสวนกันไปสวนกันมา ซึ่งพนักงานสอบสวนได้พูดคุยกับฝั่งคู่กรณีอย่างสุภาพ แต่ไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน แต่พอมาทางฝั่งคนตายก็บอกว่าให้เอารถกลับไปซ่อมใครซ่อมมัน เพราะเป็นการประมาทร่วม อีกอย่างรถของเขาราคาเป็นล้าน ทำให้ญาติของคนตายคลางแคลงใจในกรณีที่พนักงานสอบสวนบอกเป็นเหตุประมาทร่วม โดยไม่มีคำอธิบายใดๆ และยังบอกอีกว่าถ้าอยากจะแก้ข้อกล่าวหาก็ไปหาหลักฐานมา จึงมีการลงข้อความในเฟซบุ๊คขอหลักฐานจากผู้ประสบเหตุการณ์ดังกล่าว
ปรากฏว่ามีผู้เข้ามาอ่านพบข้อความดังกล่าว เป็นหลักฐานจากกล้องหน้ารถที่ขับตามหลังรถยนต์เก๋งสัญชาติลาว ได้เดินทางไปมอบคลิปหลักฐานให้กับผู้สูญเสีย เป็นภาพขณะที่สัญญาณไฟจราจรขึ้นเป็นสีแดง และเป็นไฟสีเขียวให้รถที่จะเลี้ยวขวาและซ้าย ซึ่งรถยนต์เก๋งของน้องบีปฏิบัติตามกฎจราจรทุกอย่าง เลี้ยวขวาเข้าเส้นทางกลับบ้านอย่างช้าๆ แต่รถคู่กรณีวิ่งฝ่าไฟแดงด้วยความเร็ว พุ่งชนโดยไม่มีรอยเบรกแม้แต่นิดเดียว แต่ไม่ทราบว่าพนักงานสอบสวนกินยาผิดซองหรือเปล่า จึงจะให้เป็นการประมาทร่วม ล่าสุดอาจจะเพิ่มข้อหาเมาแล้วขับให้กับผู้สูญเสียอีกด้วย ทั้งที่ตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดแล้วไม่พบ
ต่อมาช่วงบ่ายสองโมงของวันที่ 5 สิงหาคม 2567 นายสมิง เทพคำราม อายุ 56 ปี พ่อของน้องบี ทำงานเป็นเจ้าหน้าประจำห้องเอ็กซเรย์ รพ.นครพนม ได้ขับรถนำร่างของลูกสาวและหลานสาวจากห้องดับจิต มาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเลขที่ 88 หมู่ 11 ต.นาราชควาย อ.เมืองนครพนม ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของญาติ และเปิดฝาโลงนายสมิงถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ร้องไห้ก้มลงจูบหน้าผากลูกสาว และมาเปิดฝาโลงหลานสาวที่เสียชีวิตในท้อง มีอาการครบ 32 หน้าตาน่าเอ็นดูและสมบูรณ์มาก ทุกคนที่เห็นภาพต่างปิดหน้าร้องไห้ สงสารในชะตากรรมสองแม่ลูกคู่นี้ โดยโลงศพตั้งเคียงข้างกันเพื่อรอการฌาปนกิจ
นายสมิง เล่าว่า ในวันที่เกิดเหตุ ตนทำงานประจำห้องเอ็กซเรย์ตามปกติ ระหว่างนั้นได้ยินเสียงประกาศตามหาญาติขางนางรินดา เทพคำราม ซึ่งเป็นชื่อของเมียตนเอง ตอนนั้นไม่สามารถทำหน้าที่เอ็กซ์เรย์ได้ เพราะไม่รู้ว่าเกิดอุบัติเหตุกับครอบครัวตน และได้ไปสอบถามเห็นสภาพลูกเมียและหลาน ตอนนั้นไม่มีน้ำตาสักหยด เพราะมันตกอยู่ภายใน ภาวนาอย่างให้เลวร้ายไปกว่านี้แต่ปาฎิหาริย์ไม่มี ลูกสาวเสียชีวิตพร้อมหลานสาวที่อยู่ในท้อง ทั้งนี้ไม่เคยมีลางสังหรณ์มาก่อน ซึ่งวันพรุ่งนี้ (6 สค.) จะนำร่างหลานสาวไม่ทันลืมตาดูโลกไปเผาก่อน ส่วนวันที่ 8 สค.จึงจะนำศพแม่ไปเผาตามคติความเชื่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ระหว่างนั้นนายสันติ สีคำ อายุ 52 ปี มีศักดิ์เป็นลุงของน้องบี เดินมาหานายสมิงพร้อมถามว่า มีใครเอารถเบนซ์มาแล่นบนฝาโลง นายสมิงก็ตอบว่าไม่มีนะ นายสันติถึงกับขนลุกซู่ ยืนยันว่าเห็นรถของเล่นเด็กแล่นอยู่บนฝาโลงของน้องบี สงสัยหลานสาวอยากได้รถของเล่น นายสันติจึงรีบไปซื้อรถเด็กเล่นมาห่อใหญ่แกะวางวางไว้ พร้อมจุดธูปบอกกับน้องบีว่าซื้อของเล่นมาให้หลานแล้วนะ
ขณะเดียวกันมีตำรวจนายหนึ่ง โทรศัพท์มาเข้ามือถือญาติของผู้เสียหายว่า ถ้ามีใครเอาเอกสารอะไรมาให้เซ็นอย่างเซ็นเด็ดขาด และจะมีการเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน เนื่องจากเห็นความไม่ชอบมาพากลในคดีดังกล่าว และจะมีการสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี