ครูสาวในอุทัยธานี เล่านาทีถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจเมืองนครสวรรค์ วีดีโอคลอคุยกันหน้าโรงพัก แจ้งข้อหาพัวพันคดียาบ้า 2 แสนเม็ด ก่อนหลอกให้โอนเงินเพื่อประกันตัว 1 แสนบาท เจ้าตัวเผยทั้งบัญชีมีแค่ 7 บาทสุดท้ายยืมเพื่อนมาได้ 1 หมื่นโอนให้เกลี้ยงบัญชี มาที่หลังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก
วันที่ 9 ส.ค.67 ที่จังหวัดอุทัยธานี ผู้สื่อข่าวได้รับทราบเรื่องราวจากครูสาวรายหนึ่งออกมาเล่าอุทธาหรณ์เตือนภัย คุยกับใครให้มีสติ หลังถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาว่าพัวพันคดียา 2 แสนเม็ด โดยอ้างว่าสืบทราบมาจากซิมโทรศัพท์มือถือค่ายหนึ่งก่อนวีดีโอคลอคุยกันสดๆ ที่หน้า สภ.นครสวรรค์ ทำให้เจ้าตัวหลงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ก่อนหลอกให้โอนเงินประกันตัวหลักหมื่นบาทซ้ำยังให้กู้เงินสหกรณ์ขอทั้งโฉนดที่ดิน ทองคำ ก่อนเพื่อนครูช่วยดึงสติ ทำให้สูญเงินไปแค่หลักหมื่นบาท ซ้ำยังเป็นเงินที่ยืมเพื่อนครูด้วยกันมาอีกด้วย เนื่องจากวันนั้นตนเองมีเงินในบัญชีแค่ 7 บาท
โดยนางสาวพรนภา อายุ 29 ปี ข้าราชการครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดอุทัยธานี เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม เวลาประมาณ 09.40 น.มีสายโทรเข้ามาจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายประสานงานกฎหมายของเอไอเอส แจ้งว่ามีการแอบอ้างชื่อไปเปิดเบอร์โทรศัพท์ที่เซ็นทรัล นครสวรรค์ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายนเวลา 13.45 น. จึงแนะนำให้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ พร้อมทำหนังสือแจ้งความบริสุทธิ์จากนั้นมีตำรวจโทรมาแจ้งว่ามีคดีพัวพันยาเสพติดมูลค่า 8.5 ล้านบาทเป็นยาเสพติด จำนวน 200,000 เม็ด
ตอนนั้นตนได้มีการปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมดยืนยันว่าไม่ได้ไปจังหวัดนครสวรรค์ในวันเวลาดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอไลน์และวิดีโอคอลเพื่อยืนยันตัวตน จากนั้นได้ส่งข้อมูลทะเบียนราษฎร์และเล่มบัญชีม้ามาให้ จากนั้นได้มีการแสดงเอกสารเพิ่มเติม อย่างบัญชีของกลางคดีอาญา คำสั่งศาล และอ้างว่าอยู่หน้า สภ.นครสวรรค์ ซึ่งตอนที่วีดีโอคลอคุยกันนั้นก็เป็นภาพวีดีโอที่อยู่หน้า สภ.เมืองนครสวรรค์ จริงๆ มีการเดินเข้าไปเคาะประตู มีการวอวิทยุพูดคุยกันเป็นระบบขั้นตอนเหมือนกับเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงๆ
หลังจากที่มิจฉาชีพได้ส่งไม้ต่อให้กับมิจฉาชีพที่อ้างตัวว่าเป็นผู้กำกับ ก็ได้บอกตนว่า ตอนนี้ตนตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฟอกเงินและคดียาเสพติด โดยหมายศาลจะมาถึงบ้านในอีกไม่กี่วันนี้ต้องส่งข้อมูลเลขบัญชีและหลักทรัพย์ทั้งหมดให้กับตำรวจเพื่อใช้ในการประกันตัว ตอนนั้นก็รู้สึกตกใจมากและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ตำรวจบอกว่าต้องมีหลักทรัพย์ 100,000 บาทเพื่อประกันตัว ซึ่งตนก็ได้บอกไปว่า ไม่มีเงินมากขนาดนั้น หลังจากนั้นก็บอกว่าต้องมีเงินในบัญชีอย่างน้อย 10,000 บาทเพื่อแสดงว่าไม่ได้ฟอกเงิน ก่อนสอบถามถึงทรัพย์สินอื่นๆ เช่น ทองรูปพรรณและโฉนดที่ดิน หากมีจะถูกยึดเป็นของกลางทั้งหมด ขณะที่คุยกันทางมิจฉาชีพจะไม่วางสายและย้ำว่าไม่ให้บอกใครเพราะเป็นคดีใหญ่ที่สุดในนครสวรรค์ ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ และยังมีคนร้ายหลบหนีมาในจังหวัดอุทัยธานี ด้วยความตกใจกลัวจึงไปขอยืมเงินเพื่อนครูด้วยกันมา 10,000 บาท แล้วโอนเงินตามที่คนร้ายบอกไป ซึ่งตอนนั้นทั้งบัญชีตนเองมีเพียงแค่ 7 บาทเท่านั้น
หลังจากโอนเงินไปให้แล้วทางมิจฉาชีพได้บอกว่า หลักทรัพย์ไม่เพียงพอทาง สภ.จึงต้องไปตรวจรอยสักที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ หากไม่มีรอยสักตามที่กล่าวอ้าง ทางสภ.จะคืนเงินทั้งหมดพร้อมหนังสือแสดงความบริสุทธิ์ให้ และส่งไปให้ทางเอไอเอสเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมา ซึ่งตอนนั้นตนก็ได้เพื่อนครูที่มาเจอกันพูดเตือนจนได้สติ โดยพอหลังจากตั้งสติแล้วก็ได้จึงโทรหาตำรวจที่รู้จักเพื่อสอบถามเกี่ยวกับเอกสารที่ได้รับมา ทางตำรวจแจ้งว่าไม่มีเอกสารลักษณะดังกล่าวและให้รีบไปที่สถานีตำรวจใกล้ที่สุดเพื่อแจ้งความอายัดบัญชีธนาคาร จากนั้นมิจฉาชีพได้ยกเลิกข้อความเอกสารที่ส่งมาทั้งหมด จึงทำให้มั่นใจว่า ถูกหลอกแล้ว
จากนั้นจึงได้เดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ ซึ่งทางผู้กำกับได้แจ้งว่าขณะนี้มีผู้เสียหายหลายรายที่ถูกมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นตำรวจเช่นเดียวกัน โดยส่วนใหญ่เป็นชาวจังหวัดนครสวรรค์ หลังจากกลับมาจากสถานีตำรวจ จึงได้ตัดสินใจนำหลักฐานทั้งหมดมาโพสต์ลงในโซเชียลเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้อื่น เนื่องจากไม่สามารถแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นได้แล้ว ก็หวังว่าจะไม่มีใครตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพเหล่านี้อีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวจังหวัดอุทัยธานีและผู้ที่ทำงานอย่างสุจริตทุกคน
ที่สำคัญคือมิจฉาชีพมาในรูปแบบใหม่คือ วีดีโอกันที่หน้า สภ.ซึ่งต่างจากที่เคยเจอกันมา ประกอบกับจังหวะตอนที่ถูกกล่าวหาว่าเปิดบัญชีม้า ด้วยความกลัวว่าจะกระทบกับอาชีพ หากถูกให้ออกจากราชกาาจะทำอย่างไร เพราะตนเองนั้นใช้ความพยายามและรักในอาชีพนี้มาก จึงทำให้หวั่นไหวไปกับมิจฉาชีพไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี