กรมอุตุฯแจ้งเตือนภาคเหนือ-อีสาน-ใต้ ฝนตกร้อยละ 60 ส่วน กทม.ตกช่วงบ่าย-ค่ำ ขณะที่ จ.ยโสธร สั่งเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำในลำน้ำชีคาดอาจส่งผลกระทบพื้นที่การเกษตร ได้รับความเสียหาย
เมื่อวันที่ 11สิงหาคมกรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศว่า ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและภาคใต้ตอนล่าง โดยยังคงมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ทั้งนี้เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้นเป็นปานกลาง ขณะที่ร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณตอนบนของประเทศเมียนมาและประเทศลาวเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนตั้งแต่ จ.ภูเก็ตขึ้นมามีกำลังปานกลาง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณ จ.เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน ตาก พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ จ.หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม และมุกดาหารภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณ จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี และสระบุรีภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณ จ.นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ จ.สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาสภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ จ.พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูลตั้งแต่ จ.ภูเก็ตขึ้นมา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตรตั้งแต่ จ.กระบี่ลงไป ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 1 เมตร ส่วน กทม.และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากช่วงระหว่างบ่ายถึงค่ำ
ด้านนายสุวัฒน์ เข็มเพชร รอง ผวจ.ยโสธรเปิดเผยว่ากองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ยโสธรได้ออกประกาศเรื่องแจ้งเตือนและเฝ้าระวังสถานการณ์ในลำน้ำชีด้วยโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชีกลาง ได้ออกประกาศฉบับที่ 6 ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2567แจ้งว่า ตามที่ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้มีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักมากบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ประกอบกับเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอบแก่น ได้เพิ่มการระบายน้ำมากขึ้นเป็นวันละกว่า 19.00 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) และมีแนวโน้มที่จะระบายน้ำเพิ่มขึ้นอีก รวมทั้งเขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ ได้ระบายน้ำเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 5.50 ล้าน ลบม.เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและลดผลกระทบ
ในการนี้โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชีกลางจะปรับเพิ่มการระบายน้ำที่เขื่อนในแม่น้ำชีทั้ง 4 เขื่อน ได้แก่ เขื่อนชนบท เขื่อนมหาสารคาม เขื่อนวังยาง และเขื่อนร้อยเอ็ด
ทั้งนี้ จะมีการเปิดบานระบายน้ำในอัตราที่เพิ่มขึ้นอีกเป็นแบบขั้นบันใด เพื่อเพิ่มการระบายน้ำ ซึ่งอาจจะทำให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนมีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นจึงขอให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งเตือนประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ให้กับประชาชน ที่อาศัยอยู่สองฝั่งลำนำนำชี ให้เฝ้าระวังอันตรายจากฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มต่ำ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของลำน้ำน้ำชีจากการระบายน้ำของทั้ง 4 เขื่อนในครั้งนี้ โดยขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารทางราชการ สำหรับเกษตรกรควรป้องกันผลิตผลทางการเกษตรที่อาจได้รับความเสียหายหากเกิดสถานการณ์ขึ้นหรือหากต้องการความช่วยเหลือให้แจ้งกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ยโสธร ที่หมายเลขโทรศัพท์ 09571269
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี