‘โฆษก สนง.อัยการสูงสุด เเจงยิบเหตุอัยการสั่งไม่ฟ้อง ‘พิชิต ชื่นบาน’ กับพวกคดีถุงขนม 2 ล้านที่ศาลฎีกา เหตุขาดองค์ประกอบความผิด ย้ำชัด แคนดิเดตว่าที่นายกฯคนที่ 31 ‘ชัยเกษม’อดีต อสส.ไม่เอี่ยวด้วย คดีจบในชั้นอธิบดีอัยการคดีอาญา เผยตร.ชนะสงครามชงสั่งไม่ฟ้องพิชิต กับพวกมาตั้งเเต่แรกแล้ว
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.แจ้งวัฒนะ นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และนายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกฯร่วมกันเเถลงข่าวชี้แจงกรณีพนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องนายพิชิต ชื่นบาน ทนายความกับพวก รวม 3 คน เมื่อ วันที่ 23 ธันวาคม 2551 สรุปว่า ตามที่มีบางสำนักข่าวนำเสนอข้อเท็จจริงว่านายชัยเกษม นิติสิริ อดีตอัยการสูงสุด เป็นผู้สั่งไม่ฟ้องนายพิชิต ชื่นบาน กับพวกรวม 3 คน นั้น งานโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ตรวจสอบสำนวนคดีดังกล่าวแล้วยืนยันว่าข่าวดังกล่าวคลาดเคลื่อน ไม่ถูกต้อง และไม่เป็นความจริง โดยนายชัยเกษม นิติสิริ อดีตอัยการสูงสุด ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ในการสั่งคดี ดังกล่าว
นายประยุทธ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุชี้แจงลำดับขั้นตอนและการสั่งคดีดังคดีดังนี้
1. สำนวนคดีดังกล่าว เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2551 สำนักงานคดีอาญา โดยสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 ได้รับสำนวนพร้อมความเห็นเสนอสั่งไม่ฟ้อง จากพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงครามคดีกล่าวหานายพิชิต ชื่นบาน ที่ 1 นางสาวศภศรี ศรีสวัสดิ์ ที่ 2 และ นายธนา ตันศิริ ที่ 3 ข้อหาร่วมกันให้ ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด แก่เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิ่งการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2551 เวลาประมาณ 09.00 น. เหตุเกิดท้องที่แขวงพระบรมมหาราชวังเขตพระนคร กรุงเทพมหานคร โดยสำนวนดังกล่าว พนักงานสอบสวน ชนะสงครามเห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทุกคน โดยเห็นว่าผู้ต้องหา ทั้งสาม ไม่ได้กระทำผิด ตามข้อกล่าวหา
2. เมื่อพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 ได้รับสำนวนจากพนักงานสอบสวนแล้วนายสมเจตน์ ชัยเฉลิมปรีชา อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจพิจารณาสำนวน ประกอบด้วย นายยงยุทธ ศรีสัตยาชน อัยการจังหวัดประจำกรม และ นายสมบูรณ์ ศุภอักษร อัยการอาวุโส เป็นคณะทำงาน โดยมีนายสมเจตน์ ชัยเฉลิมปรีชา เป็นหัวหน้าคณะทำงานซึ่งคณะทำงานได้ตรวจสำนวนโดยละเอียดแล้วเห็นฟ้องกับความเห็นของคณะพนักงานสอบสวน สน. ชนะสงคราม ที่สั่งไม่ฟ้องนายพิชิต กับพวก
จากนั้นได้เสนอสำนวนพร้อมความเห็นต่อร.ต.ท. ธานี วุธยากร รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา เพื่อพิจารณาตามระเบียบและขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งร.ต.ท.ธานี วุธยากร รองอธิบดีอัยการฯ พิจารณาแล้วได้มีความเห็นและเห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้งสามตามเสนอ
จากนั้นได้เสนอสำนวนให้นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา (ขณะนั้น) พิจารณาซึ่งนายกายสิทธิ์ ได้พิจารณาแล้วมีคำสั่ง เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2551 โดยมีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้งสามตามความเห็นของพนักงานสอบสวน
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าพนักงานอัยการซึ่งเป็นคณะทำงาน และรองอธิบดีอัยการเสนอจึงขั้นตอนการพิจารณาสั่งสำนวนดังกล่าวข้างต้น จะเห็นได้โดยชัดเจนว่านายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด (ขณะนั้น) ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสั่งสำนวนคดีดังกล่าวใด ๆ ทั้งสิ้น 3. เมื่อนายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา มีคำสั่งไม่ฟ้อง ได้ส่งสำนวนพร้อม
ความเห็นทั้งหมดให้ผู้บัญชาการดำรวจแห่งชาติพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145 ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยพล.ต.ท. ชาตรี สุนทรศร ผู้ช่วยผบ.ตร. ปฏิบัฏิบัติราชการแทน ผบ.ตร. มีคำสั่งเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2552 ไม่เห็นแย้งคำสั่งไม่ฟ้องของอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา จากข้อเท็จจริงดังกล่าว เมื่อผบ.ตร.มีคำสั่งไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้อง ถือว่า คำสั่งไม่ฟ้องเบ็ดเสร็จเด็ดขาดตามขั้นตอนของกฎหมาย ดังนั้นการที่มีการนำเสนอข่าวว่า นายชัยเกษม นิติสิริ อดีตอัยการสูงสุด เป็นคนสั่ง ไม่ฟ้องคดีดังกล่าว จึงไม่ถูกต้องและไม่เป็นความจริง
เมื่อถามว่าอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาสั่งไม่ฟ้อง นายพิชิตกับพวกในยุค อัยการสูงสุดคนใด นายประยุทธ กล่าวว่าเป็นช่วงที่นายชัยเกษมเป็นอัยการสูงสุด เเต่ในวันที่พล.ต.ท.ชาตรีมีคำสั่งไม่เเย้ง มาเป็นช่วงของ นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ เเต่ทั้ง2 ท่านไม่มีส่วนใดๆในการสั่งคดี
ด้านนายนาเคนทร์ กล่าวถึงเหตุผลของอัยการในการสั่งไม่ฟ้องนายพิชิตกับพวกว่า มองว่าการกระทำของผู้ต้องหาขาดองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งเหตุผลหลักที่พนักงานสอบสวนเเละอัยการสั่งไม่ฟ้อง จากสำนวนคดีเห็นว่า เจ้าหน้าที่ธุรการตำเเหน่งนิติกร5 ประจำเเผนกคดีอาญาของผู้ดำรงคงตำเเหน่งทางการเมืองได้รับถุงที่ภายในบรรจุเงินจำนวน 2 ล้านบาท ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพิจารณาคดี เเล้วในทางสอบสวนคำให้การของเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวได้ให้การว่าคนที่นำถุงขนมใส่เงินคือนายธนา เเละไม่ได้พูดให้ไปกระทำการหรือไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่อีกทั้งไม่มีข้อเท็จจริงว่าให้เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวไปประสานงานกับผู้พิพากษาที่มีอำนาจในการตัดสินคดีเพื่อที่จะให้คุณให้โทษเเก่นายทักษิณ ชินวัตร ดังนั้นการกระทำของผู้ต้องหาทั้ง 3 จึงขาดองค์กระกอบความผิดในเรื่อง เจตนาพิเศษที่จะให้ไปกระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ เเละเมื่อฟังได้ว่านายธนาไม่มีความผิดนายพิชิตกับพวกอีกคนหนึ่งจึงไม่มีความผิดด้วยเช่นกัน จึงสั่งไม่ฟ้อง
นายประยุทธ์ กล่าวเสริมว่า นายพิชิตเป็นทนายความในคดีอาญาที่ฟ้องกันในศาลฎีกาฯนักการเมือง ผู้ต้องหาที่ 2 เป็นเสมียนทนายความนายธนา ผู้ต้องหาที่ 3 เป็นผู้ประสานงานคดี คนที่เอาเงินไปให้เจ้าหน้าที่ศาลคือนายธนาไม่มีข้อเท็จจริงจากพยานฝ่ายเจ้าหน้าที่ศาลว่าเงินให้เอาไปทำอะไรยังไงเเละไม่มีข้อเท็จจริงเรื่องความเขื่อมโยงกับผู้พิพากษาซึ่งทำหน้าที่ตัดสินคดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี