อธ.อัยการ สคช.เผยกงศุลไทยเมืองดูไบส่งน้อง’มิว’เหยื่อถูกหลอกค้าประเวณีกลับถึงไทยเเล้ว หลังย่าประสานสื่อ ร้องอัยการช่วยเหลือ สั่ง อจคช.พัทยา ไปรับตัวเตรียมดำเนินคดีขยายผลเเก๊งค้ามนุษย์ต่อ เจ้าตัวเล่าไปถึงโดนยึดพาสปอร์ตให้นอนกับเเขกเเต่ไม่ยอม

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2567 นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อธิบดีอัยการสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี (สคช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีที่มีสื่อมวลชน ได้รับการร้องเรียนจากย่า วัย 63 ปี ชาวจังหวัดลำปางว่า หลานสาว ชื่อมิว อายุ 21 ปี ถูกหลอกไปบังคับค้าประเวณีที่นครดูไบ  สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ (ยูเออี)ภายหลังหลานสาวแชทกลับมาบอกว่าถึงดูไบแล้ว แต่เหมือนถูกหลอก โดนยึดพาสปอร์ต และบังคับให้ค้าประเวณี ซึ่งผู้เสียหายยืนยันว่าหากบังคับให้ขายตัว จะยอมปลิดชีพตัวเอง ไม่ยอมค้าประเวณีเด็ดขาด เเละมีการประสานมายังตนเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหาย ซึ่งได้ประสานงานกับกรมการกงสุล  กระทรวงการต่างประเทศ ไปยังสถานกงสุลใหญ่ไทย ณ นครดูไบ จนสามารถช่วยเหลือหญิงสาวคนดังกล่าวได้สำเร็จ

ล่าสุดวันนี้ ทราบจากอธิบดีกรมการกงสุลว่าได้รับการประสานจากสถานกงสุลใหญ่ไทยณ นครดูไบ แจ้งว่า ได้ส่งน้องมิวขึ้นเครื่องจากดูไบ โดยสายการบิน FlyDubai เที่ยวบินที่ FZ1447 ในวันที่ 17 สิงหาคม 2567 เวลา 01.35 น. และจะเดินทางถึงสนามบินอู่ตะเภา จ.ชลบุรี ในวันเดียวกัน เวลา 11.25 น. ซึ่งทางอัยการจะแจ้งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม. )เพื่อไปสัมภาษณ์และคัดกรองว่าเป็นเหยื่อค้ามนุษย์หรือไม่ต่อไป  ในส่วนทางอัยการ สคช.ที่ได้ประสานงานช่วยเหลือเรื่องนี้ตนได้ให้ นางสาวพุทธพร  ศรีไตรรัตน์ อัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายพัทยา(อจคช.พัทยา)เดินทางไปรับตัวที่สนามบินอู่ตะเภา  เเละเข้าสู่กระบวนการ ของ พม. ถ้าเป็นเหยื่อค้ามนุษย์จะขอให้ พม.จ่ายค่าเดินทางได้ เเละกรณีนี้ยังได้มีการเเจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปเพื่อสอบสวนว่าใครเป็นคนหลอกหญิงคนดังกล่าวไป เเละมีกระบวนการหลอกเด็กไปขายตัวหรือไม่ เพื่อดำเนินคดีขยายผลจับกุมเเก๊งค้ามนุษย์มาดำเนินคดีต่อไป

นายโกศลวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมภายหลังได้รับรายงานจาก นางสาวพุทธพร อจคช.ว่า จากการสอบปากคำทราบว่าผู้เสียหายไปทำงานนวดเเผนไทย โดยเห็นข้อมูลจากเพจชวนไปทำงานต่างประเทศ ซึ่งน้องก็ได้คุยเเจ้งไปชัดเจนกับเพจว่าไม่มีการขายตัว เป็นการไปบริการนวดอย่างเดียวเเละเมื่อเพจได้เเจ้งค่าตอบเเทนที่สูง ผู้เสียหายจึงตัดสินใจไป เเต่เมื่อไปถึงกลับถูกบังคับยึดพาสปอร์ตเเละให้ผู้เสียหายนอนกับเเขก ซึ่งเจ้าของร้านเป็นคนจีน ผู้เสียหายก็ไม่ยอมขายตัว ก็พยายามบอกผู้หญิงไทยที่อยู่ที่นครดูไบจนเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตอนนี้ทางอจคช.ร่วมสอบปากคำเพื่อรวบรวมถ้อยคำข้อมูลขยายผลดำเนินคดีกับพวกค้ามนุษย์.