บอร์ด สปสช. ไฟเขียวแนวทางจัดบริการ “พาหนะรับส่งผู้ทุพพลภาพ” เปิดทาง “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” ใช้งบ กปท. พาไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล/หน่วยบริการ ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ทุพพลภาพ ลดค่าใช้จ่ายการเดินทาง ญาติไม่ต้องลางาน โดย นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ในการประชุมบอร์ด สปสช.ที่ผ่านมา (5 ส.ค. 2567) โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทินรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขทำหน้าที่ประธานการประชุม
ได้มีมติเห็นชอบร่างข้อเสนอการจัดบริการพาหนะรับส่งผู้ทุพพลภาพ เพื่อเข้ารับบริการสาธารณสุขในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ “บัตรทอง 30 บาท” ซึ่งผู้ทุพพลภาพในที่นี้หมายถึงผู้ใช้สิทธิบัตรทอง 3 กลุ่ม คือ 1.คนพิการที่ได้ขึ้นทะเบียนคนพิการแล้ว 2.ผู้สูงอายุที่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ และ 3.ผู้ป่วยที่มีความยากลําบากในการไปรับบริการสาธารณสุขด้วยตนเอง
ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนผู้มีสิทธิที่เป็นผู้ทุพพลภาพ สามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้ตามความจําเป็น ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายทางอ้อมของครัวเรือน อาทิ ค่าเดินทาง ค่าเสียโอกาสของญาติ ฯลฯ ซึ่งที่มาของข้อเสนอนี้ ด้วยปัจจุบันผู้ทุพพลภาพกลุ่มต่างๆ ยังมีข้อจํากัดในการเดินทางจากบ้านไปรับบริการที่โรงพยาบาลหรือหน่วยบริการ และไม่สามารถขอรับบริการรถฉุกเฉินผ่านสายด่วน 1669 ได้
เนื่องจากไม่เข้าข่ายการเจ็บป่วยฉุกเฉิน เช่น คนพิการ จิตเวช ที่ต้องพบแพทย์ตามนัด การล้างไต ทำแผล ฯลฯ และจากเวทีรับฟังความเห็นทั่วไปในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปี 2563 และ 2564 ก็มีข้อเสนอจากภาคประชาชนที่ขอให้ สปสช. เพิ่มบริการพาหนะรับส่งผู้ป่วยเป็นสิทธิประโยชน์ในระบบบัตรทองเพื่อช่วยให้ผู้ทุพพลภาพเข้าถึงบริการได้โดยสะดวก
โดยร่างข้อเสนอการจัดบริการพาหนะรับส่งผู้ทุพพลภาพ เพื่อเข้ารับบริการสาธารณสุข จะเป็นแนวทางในการปฏิบัติที่ชัดเจนให้กับ อปท. ในการจัดทำโครงการบริการรับส่งผู้ทุพพลภาพจากบ้านไป-กลับโรงพยาบาลโดยใช้งบ กปท. ซึ่งผู้ให้บริการรถรับ-ส่ง ได้แก่ รถพยาบาลของหน่วยบริการ ที่เป็นไปตามมาตรฐานรถพยาบาลของสถานพยาบาล,
รถหน่วยปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉินที่สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน (สพฉ.) รับรองและขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยงานที่ให้บริการรับส่งต่อผู้ป่วยและผู้ทุพพลภาพ และรถรับส่งผู้ป่วยโดยภาคเอกชนหรือเครือข่ายรวมถึงรถโดยสารสาธารณะสำหรับผู้โดยสารคนเดียวหรือกลุ่มเล็ก เช่น รถแท็กซี่ เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านการรับรองมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด นับเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างมา
ด้าน นางวราภรณ์ สุวรรณเวลา รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ในส่วนของอัตราการจ่ายค่าบริการพาหนะรับ-ส่งผู้ทุพพลภาพ มีทางเลือกการจ่าย 4 แนวทาง เพื่อให้ อปท. พิจารณาได้ตามบริบทของแต่ละพื้นที่ ดังนี้ 1.จ่ายตามอัตราการจ่ายค่าใช้จ่ายค่าพาหนะรับ-ส่งต่อผู้ป่วยที่กำหนดตามประกาศ สปสช. คือจ่ายตามจริงไม่เกิน 500 บาท สำหรับระยะทางน้อยกว่าหรือเท่ากับ 50 กม. และหากระยะทางมากกว่า 50 กม. จ่ายเริ่มต้น 500 บาท และเพิ่มขึ้น กม.ละ 4 บาท
2.จ่ายตามอัตราการอุดหนุนหรือชดเชยการปฏิบัติการฉุกเฉินทางบก ตามระเบียบของ สพฉ. เช่น ระยะทางไม่เกิน 10 กม. จ่ายประมาณ 100-350 บาท/ครั้ง 3.จ่ายรายครั้งบริการไป-กลับตามอัตราที่ประกาศกำหนด และ 4.จ่ายเหมาบริการรายวันตามอัตราที่ประกาศกำหนด ทั้งนี้ รองเลขาธิการ สปสช. ยังกล่าวอีกว่า หลังจากที่บอร์ด สปสช. เห็นชอบร่างข้อเสนอฯ
ได้มอบหมาย สปสช. เสนอคณะอนุกรรมการชุดที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อน และประสาน อปท.ทั่วประเทศในการสนับสนุนการจัดทำโครงการการจัดบริการพาหนะรับ-ส่งผู้ทุพพลภาพโดยใช้งบ กปท. ตามแนวทางนี้ นอกจากนี้ให้ สปสช. จัดระบบศูนย์สั่งการและประสานงานผู้ให้บริการพาหนะฯ Contact center 1330 เพื่ออํานวยความสะดวกให้ประชาชนและหน่วยบริการในการขอรับบริการต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี