นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ร่วมเป็นกรรมการตัดสินโครงการประกวดร้องเพลง “เยาวชนสืบสานรักษ์เพลงไทย” ของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ น้อมนำพระราชปณิธานด้านการดนตรีขยายผลสู่เด็กและเยาวชน เพื่อธำรงรักษาเอกลักษณ์และศิลปวัฒนธรรมของชาติให้คงอยู่อย่างยั่งยืน

วันนี้ (18 ส.ค. 67) เวลา 10.30 น. ที่โรงเรียนเซนต์หลุยส์ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ร่วมเป็นกรรมการตัดสินโครงการประกวดร้องเพลง ครั้งที่ 1 “เยาวชนสืบสานรักษ์เพลงไทย” ประจำปี 2567 ในแนวเพลงลูกทุ่งและลูกกรุง โดยมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่ อาจารย์วิรัช อยู่ถาวร ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีสากล) ปี 2560 นายบุญเถิง แก้วศรีนวน (มนต์สิทธิ์ คำสร้อย) นายสมบูรณ์ จุลมุสิก (ทศพล หิมพานต์) คุณมยุรี พันธนาม (ดาว มยุรี) ร่วมให้คะแนนการตัดสินในรอบสุดท้าย โดยมี นายชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา พันตำรวจเอก ธรรมนิธิ วนิชย์ถนอม รองผู้อำนวยการอาวุโสทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ คุณนฤมล ล้อมทอง กรรมการผู้จัดการโรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง พันเอก สราญ มังคละโยธา รองเจ้ากรมดุริยางค์ทหารบก คุณบริพันธ์ ชัยภูมิ บริษัท เซเว่นสตาร์ สตูดิโอ จำกัด คณะผู้บริหารสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ หัวหน้าส่วนราชการ และภาคีเครือข่าย ร่วมในงาน

ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย กล่าวว่า โครงการ "เยาวชนสืบสานรักษ์เพลงไทย" เป็นกิจกรรมที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาส่งเสริมทักษะของเด็กและเยาวชน ทำให้ลูกหลานเยาวชนรุ่นใหม่ "New Generation" ได้มีโอกาสที่ดีในชีวิต มีเวทีในการแสดงออกถึงความสามารถ รวมถึงได้ร่วมกันอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีเพลงลูกทุ่งและลูกกรุงของประเทศไทย ซึ่งการพัฒนาให้เด็กเป็นคนดีมีคุณธรรมมีจิตใจที่รักชาติ รักศาสนา รักแผ่นดินไทย เทิดทูนในสถาบันพระมหากษัตริย์ บ้านเมืองก็จะมีความมั่นคงและแข็งแรง อีกทั้งเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้ลูกหลานของเราไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ได้ทำสิ่งที่ดีต่อชีวิต ตลอดจนได้เลือกทำในสิ่งที่ชอบ ต่อยอดไปสู่การมีอาชีพที่ดี พัฒนาทักษะความรู้ความสามารถ  ซึ่งจะส่งผลทำให้ชีวิตของน้อง ๆ และครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

"พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงได้รับการถวายพระราชสมัญญา "อัครศิลปิน" ผู้พระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์และทรงสนพระทัยในด้านการดนตรีตลอด 70 ปีแห่งการครองราชย์ ด้วยทรงเล็งเห็นว่า บทเพลงจะเป็นสื่อในการสร้างสรรค์ความบันเทิง รวมทั้งปลูกฝังแนวความคิดที่ดีงาม ทั้งความรักชาติบ้านเมือง ความสมัครสมานสามัคคีของหมู่คณะ ซึ่งมีพระบรมราโชวาทที่เสมือนคติเตือนใจในหลายโอกาส อาทิ พระบรมราโชวาทที่พระราชทานแก่คณะกรรมการการประกวดเพลงแผ่นเสียงทองคำ ศิลปิน นักแสดง นักวิชาการประกวดภาพยนตร์ และคณะกรรมการจัดงานประกวดภาพยนตร์ ณ ศาลาดุสิดาลัย พระราชวังดุสิต เมื่อวันพุธที่ 9 กรกฎาคม พุทธศักราช 2518 ใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า "...ศิลปะการดนตรี การเพลง การแสดงนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับบุคคลทุกคนในประเทศไทย หรือต่างประเทศที่ไหนก็ตาม ก็ถือว่าการดนตรีคือการแสดง ถือว่าเพลงเป็นส่วนสำคัญ เพราะเป็นการแสดงออกมา ซึ่งจิตใจที่มีอยู่ในตัว จิตใจนั้นจะมีอย่างไร เพลงหรือการแสดงดนตรี หรือการแสดงภาพยนตร์ แสดงละคร ก็ได้แสดงออกมาซึ่งความคิด หมายถึงความดีที่มีอยู่ในตัวได้ทั้งนั้น ...ในประเทศไทยข้าพเจ้าเข้าใจว่ามีจิตใจอยู่อย่างเดียว คืออยากที่จะทำให้ประเทศชาติอยู่เป็นปึกแผ่น...คนไทยเรามีประวัติศาสตร์ยืนนานมานานเป็นร้อย ๆ ปี เรารักษามาได้แล้วก็ทำให้มีความเป็นไทยอยู่ในจิตใจแท้ ๆ ความเป็นไทยที่มีอยู่ในจิตใจจะออกมาทางศิลปะ ฉะนั้น ถ้าทุกคนตั้งใจที่จะแสดงให้ดีที่สุด ก็หมายความว่า ได้ช่วยแสดงว่าเขามีประเทศชาติ มีความเป็นไทยอยู่ และการแสดงที่ดีที่สุดทำอย่างสุจริตใจอย่างจริงใจก็จะช่วยให้ประเทศไทยคงอยู่ได้ต่อไป....” จากพระบรมราโชวาทข้างต้น นับเป็นความโชคดีของคนไทยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปณิธานอันมุ่งมั่นในการสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชดำริของสมเด็จพระบรมชนกนาถ ด้วยทรงได้รับการถ่ายทอดจนซึมซับในพระราชกรณียกิจด้านการดนตรีอย่างลึกซึ้ง อีกทั้งสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระผู้ได้รับการถวายพระสมัญญา "วิศิษฏศิลปิน" ทรงแบ่งเบาพระราชภาระของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชกรณียกิจในด้านการดนตรี และทรงมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับการถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรมให้เข้าถึงเด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่เพื่อธำรงไว้ซึ่งเอกลักษณ์และศิลปวัฒนธรรมของความเป็นไทยเสมอมา ซึ่งพวกเราทุกคนจะต้องร่วมกันน้อมนำพระราชปณิธานสู่การขยายผลให้เข้าถึงเด็กและเยาวชนอย่างต่อเนื่อง" ดร.วันดี กล่าวเน้นย้ำ

ดร.วันดี กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอแสดงความยินดีกับผู้ชนะการประกวดร้องเพลงตามโครงการ “เยาวชนสืบสานรักษ์เพลงไทย” ซึ่งน้อง ๆ ที่ร่วมการประกวดทุกคนมีทักษะที่ดี มีความสามารถ และความมุ่งมั่นตั้งใจฝึกฝนจนได้รับรางวัลในครั้งนี้ จึงขอขอบคุณจังหวัดฉะเชิงเทรา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ที่จัดโครงการดี ๆ ให้เด็กนักเรียน เยาวชนจังหวัดฉะเชิงเทราได้มีโอกาสที่ดีของชีวิต เป็นแบบอย่างให้กับทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ที่จะได้ช่วยกันพัฒนาลูกหลานของเราให้เติบโตอย่างมีคุณภาพและมีความสุขในสังคม สนับสนุนให้เยาวชนมีกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ ต่อยอดไปสู่การศึกษา และการเป็นอาชีพได้ในอนาคต

ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย กล่าวในช่วงท้าย สำหรับผลการตัดสินการประกวดร้องเพลง “เยาวชนสืบสานรักษ์เพลงไทย” ของจังหวัดฉะเชิงเทรา ในครั้งนี้ รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ นางสาววรรณิดา ตันตราวงศา ได้รับทุนการศึกษา 50,000 บาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง ได้แก่ นางสาวกุลกานต์ สมบูรณ์ ได้รับทุนการศึกษา 30,000 บาท และรางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง ได้แก่ น.ส.สุริวิภา หงษ์จันทร์ ได้รับทุนการศึกษา 20,000 บาท และเยาวชนผู้เข้ารอบคนอื่นได้รับรางวัลชมเชย ทุนการศึกษาคนละ 10,000 บาท

นายชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า การประกวดร้องเพลง ตามโครงการ “เยาวชนสืบสานรักษ์เพลงไทย” ประจำปี 2567 ที่จัดขึ้น ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนในช่วงวัยเรียนมัธยม 1-6 ได้มีโอกาสพัฒนาทักษะความรู้ความสามารถ อันจะช่วยพัฒนาทำให้เด็กเยาวชนของชาติเติบโตอย่างมีคุณภาพ มีทัศนคติที่ดี มีความกล้าที่จะแสดงออก โดยได้มีการคัดเลือกเยาวชนจาก 60 คน เหลือ 30 คน และเหลือ 10 คนสุดท้ายเข้ามาแข่งขันเพื่อชิงชนะเลิศในวันนี้ 

"จังหวัดฉะเชิงเทราขอขอบคุณทุกท่าน ตั้งแต่ผู้จัดโครงการ ผู้มีส่วนในการอำนวยการจัดงาน ตลอดจนผู้สนับสนุนจากภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน อาทิ ธนาคารไทยพาณิชย์ เทเวศประกันภัย โรงเรียนเซนต์หลุยส์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ทำให้โครงการนี้ได้สำเร็จลุล่วงเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ชนะการประกวดและผู้เข้าร่วมโครงการ นับว่าเป็นโอกาสที่ดีและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเยาวชนของจังหวัดฉะเชิงเทรา ในการช่วยพัฒนาน้อง ๆ ให้มีความสามารถนำไปสู่การมีอนาคตที่จะเติบโตไปเป็นศิลปิน ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญในการส่งเสริมให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับพี่น้องประชาชน" นายชลธี กล่าวเพิ่มเติม

- 006