■■ การเมืองกำลังวุ่นวายหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะการเมืองที่ “ไม่เสถียร” หรือการเมืองพิกลพิการ เสียงมติมหาชนถูกกัดกร่อน ขณะที่คนการเมืองหลายคนก็สยบสมยอมกับอำนาจมืดเพราะมุ่งหวังแค่อำนาจจอมปลอมใส่ตัว จนทำให้อำนาจมืดที่แฝงตัวในระบบการเมืองแข็งกล้าทำลายอำนาจประชาชน ชนิดแนวทางการเลือกตั้งซึ่งมีสภาฯอันทรงเกียรติ เหลือไว้แค่ “พิธีการ”กลบเกลื่อนอะไรบางอย่างเท่านั้น...

■■ ประเด็นต่อมานโยบายทางการเมืองที่ให้กับประชาชน จนถึงขั้นลืมตัวเปล่งวาจาไว้อันถือเป็นสัญญาประชาคม ปรากฏว่าเกิดตรรกะวิบัติเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติสาหัสสากรรจ์ทีเดียว หนำซ้ำนักการเมืองบางคนก็อธิบายนโยบายสับขาหลอกบังอาจสับปรับ บัญญัติคำจำกัดความใหม่ นโยบายหาเสียงกับนโยบายปฏิบัติจริงไปในทำนอง“มันคนละเรื่องคนละส่วนกัน” วลีดังกล่าวถูกนำไปวิพากษ์วิจารณ์ทั่วบ้านทั่วเมืองว่า “การจะได้มาซึ่งตำแหน่งแห่งหนอะไรใดๆมันต้องยอมนิ่งยอมเจ็บ” และการยอมจำนนกลืนเลือด ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อ “ความอยู่รอด”...

■■ อนิจจาสิ่งที่คนในพรรคการเมืองบางพรรคคิดหรือพูด ในข้อเท็จจริงแล้ว คือ ความอยู่รอดของตัวเองและพวกเท่านั้น ที่สำคัญเมื่อมองตามสภาพเป็นจริงแล้วมันก็หาใช่ความต้องการของประชาชนแต่ประการใดไม่...

■■ ประเด็นต่อมา คือ เรื่องการพูดจากันในสภาผู้แทนราษฎร โดยหลักสส. หรือนักการเมืองตามระบบรัฐสภาสามารถพูดจาตกลงแสดงเหตุผลกันในสถานที่ดังกล่าวได้ เพราะสภาฯเขามีไว้สำหรับการพูดคุยแก้ปัญหาสังคม...

■■ อย่างไรก็ตาม ประเด็นข้อข้องใจต่างๆ ที่พรรคการเมืองตกเป็นเบี้ยล่างให้กับอำนาจนอกระบบเหล่านี้ มันกลายเป็นความชินชาที่พรรคการเมืองต้องศิโรราบ ทำลายความรู้สึกของประชาชนไปสุดแสนน่าเศร้าใจยิ่งเสมอมา อันยากแท้ที่จะหาพรรคการเมือง นักการเมืองตามจินตนาการอุดมการณ์จริงๆ ได้...

■■ และช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงเหล้าเก่าในขวดใหม่ของการเมืองไทยครั้งนี้เฉกเช่นเดียวกันประชาชนคนส่วนใหญ่ทั้งที่เคยออกไปใช้สิทธิ์ รวมทั้งไม่ได้ใช้สิทธิ์ล้วนต่างพูดตรงกัน “คงหวังอะไรไม่ได้กับนักการเมืองที่เล่นกันแค่การเมือง เพื่อหวังความเติมใหญ่แห่งอำนาจของตัวเอง”...

■■ น่าแปลกใจช่วงเปลี่ยนแปลงนายกฯคนใหม่ แม้กระทั่งนักข่าวที่ไปชุมนุมกัน ไม่มีใครเลยสักคนกล้าถามนโยบายเฉียบขาดเด็ดขาดของนายกรัฐมนตรีถึงแนวทางแก้ไขปัญหา “ชะตากรรมชะตาทราม” อาชญากรอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งประชาชนถูก “แก๊งอัปรีย์คอลเซ็นเตอร์นรก” คุกคามทุกวี่ทุกวัน บางคนต้องทำอัตวิบากกรรมจบชีวิต บางคนสิ้นเนื้อประดาตัวทุกข์ทรมานว่า นายกฯจะทำอย่างไร จะปล่อยไว้แบบนี้ หรือว่าจะใช้นโยบายหาเสียงซึ่งเคยให้กับประชาชนอันก้องรูหูว่า “ปิดสวิตช์ สว., ไม่ร่วมงานกับ 3ป., ค่าแก๊ส, ค่าไฟฟ้า, ค่าน้ำมันลดทันที ประชาชนจะอยู่ดีกินดี ประชาชนจะอยู่กันอย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี เราจะไปพร้อมๆ กัน”...■■

ไผ่ฎำ