‘ชาวสตูล’วอน‘รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์’แก้ปัญหาปากท้อง ‘เงินดิจิทัล’แปลงเป็นเงินสดตรงจุดกว่า

21 สิงหาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.สตูล ว่า ที่ตำบลคลองขุด อำเภอเมือง จังหวัดสตูล ชาวบ้านระดับรากหญ้าพ่อค้าแม่ค้าขายของได้สะท้อนปัญหาความเดือดร้อนฝากไปถึงรัฐบาล “แพทองธาร” ให้เร่งแก้ปัญหาตามที่เคยให้สัญญากับชาวบ้านไว้ โดยเฉพาะปัญหาปากท้อง ราคาน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ราคาข้าวของที่เพิ่มขึ้น แม้จะขึ้นน้อยแต่ขึ้นถี่ ไม่มีแนวโน้มว่าจะลง รวมทั้งค่าเทอมบุตรหลานในมหาวิทยาลัยของรัฐที่จะช่วยลดภาระผู้ปกครองในช่วงสภาวะเศรษฐกิจยุคข้าวยากหมากแพง

นายมาโนช จิตนาธรรม อายุ 61 ปี พ่อค้าขายไข่ กล่าวว่า ค้าขายไม่ค่อยดี ฝืดเคือง คนมาน้อย ลูกค้าไม่ค่อยมีสตางค์ ของก็แพงขึ้นทุกอย่าง ขึ้นทีละนิดทีละหน่อยขึ้นเรื่อยๆ ขึ้นถี่มาก พอจะขึ้นของให้กับลูกค้าลูกค้าก็ต่อว่า บางครั้งก็จำเป็นต้องขายเท่าเดิม พ่อค้าแม่ค้าต้องรับมือกับสินค้าที่เพิ่มขึ้น อยากให้รัฐบาลช่วยให้ประชาชนมีงานทำมีเงินใช้จ่าย อยากให้กระทรวงพาณิชย์เข้ามาดูแลสินค้าหน่อย หลายร้านค้าปรับราคาขึ้นแล้วไม่ยอมลง ขึ้นอย่างเดียว

“แจกเงินดิจิตอลก็ดีชาวบ้านรอเงินกันเยอะ แต่รูปแบบชาวบ้านไม่ค่อยเข้าใจ เป็นแบบเงินสดก็จะดีกว่าหรือแบบคนละครึ่งสมัยนายกตู่ จะจ่ายใช้สอยได้ทุกวงการทุกแขนง กระจายทั่วแม่ค้าเล็ก ๆ 20 30 50 บาท ขายของดี เงินเข้าง่ายหลังสแกนหลังเที่ยงคืนเงินก็เข้าอัตโนมัติ ตอนเช้าก็สามารถไปซื้อของมาขายได้อีกเป็นหมุนเวียน” นายมาโนช กล่าว

นายมาโนช กล่าวว่า วันนี้ก็ยังไม่รู้รัฐบาลจะเอาเงินมาจากไหนอยากให้ทำเท่าที่ได้ก่อนประชาชนรออยู่  ต้องเร่งแก้ปัญหาปากท้องอย่างเร่งด่วนเพราะรัฐบาลพูดมาแล้ว 1 ปีลงทะเบียนไปแล้ว 20 ล้านกว่าคนเขามีความหวังของเขาอยากให้รัฐบาลทำให้สำเร็จ อยากให้ทำให้สำเร็จสักอย่างเพราะว่าพูดมาหลายอย่าง ฝากรัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ ดูแลประชาชนให้มีเงินมีทองอย่าให้ลำบากมากไปกว่านี้

ด้านนายบุญช่วย ทองพิจิตร์ พ่อค้าขายแกง กล่าวว่า การค้าขายลดน้อยลงเป็นผลมาจากเศรษฐกิจไม่ดี พ่อค้าแม่ค้ายังมีความหวังในเงินดิจิตอลอยากให้เปลี่ยนรูปแบบเป็นเงินสดจะดีกว่า พ่อค้าแม่ค้ารายเล็กไม่ได้ลงทะเบียนเป็นร้านค้าร่วม ไม่สามารถจับต้องเงินในส่วนนั้นได้  ถ้าเป็นเงินสดก็จะเข้าถึงพ่อค้าแม่ค้ารายเล็ก

นอกจากนี้อยากให้รัฐบาลช่วยในเรื่องของค่าไฟและน้ำมันรถ เพราะเป็นต้นทุนในการผลิตขนส่ง ซื้อมาสูงก็จำเป็นต้องขายในราคาสูง เป็นนโยบายเร่งด่วนอยากให้รัฐบาลช่วยเร่งแก้ปัญหา  นอกจากนี้ฝากเรื่องระบบการศึกษาค่าเทอมบางสถาบันเป็นของรัฐก็จริงแต่ถ้าเทอมค่อนข้างสูง ถ้าสามารถเข้าไปช่วยเหลือตรงนั้นได้นอกจากเงินกยศ.คนที่ไม่สามารถกู้เงินกยศ.ได้ สามารถมาช่วยทางมหาวิทยาลัยหรือทางโรงเรียนมาช่วยลดต้นทุนให้กับชาวบ้าน  จาก 10,000 บาทให้เหลือ 8,000 บาทหรือ 6,000 บาท จะช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครองได้เยอะ