เชียงราย-น่าน-พะเยาจมบาดาล
มรสุมถล่มอ่วม
บ้านหลายพันหลังน้ำท่วม
สะพานขาด-ถนนเสียหาย
สั่งปิดรร./เรียนออนไลน์
‘ภูมิธรรม’ตั้งวอร์รูมรับมือ
“ภูมิธรรม”สั่งตั้งวอร์รูม สู้ภัยน้ำท่วมภาคเหนือกรมอุตุฯ ชี้ทั่วไทยฝนยังชุก ด้าน ปภ.แจ้ง 35 จังหวัดเฝ้าระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก ดินถล่ม ส่วน จ.เชียงราย น้ำป่าซัดถนนพัง บ้าน-ไร่นาจมน้ำ ขณะที่น่าน น้ำท่วมบ้าน 500 หลัง โรงเรียนปิดเรียน ด้าน จ.พะเยา น้ำท่วมหนักสุดในรอบ 50 ปี
เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ที่กรมชลประทาน ถนนสามเสน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ประชุมติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือ โดยนายภูมิธรรม ได้สั่งตั้งวอร์รูมที่กรมชลประทาน เพื่อมอนิเตอร์สถานการณ์น้ำในภาพรวมทั้งหมด
‘ภูมิธรรม’ชี้นายกฯห่วงน้ำท่วม
นายภูมิธรรม กล่าวว่า นายกฯ มีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น ส่วนการปฏิบัติงานเร่งด่วน ที่ประชุมได้รายงานให้ทราบเพื่อประสานงานโดยตรง ขอขอบคุณหน่วยงานทั้งหมดที่เร่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้า สำหรับการเรียกประชุมครั้งนี้เนื่องจากต้องการรับทราบข้อมูลร่วมกันในการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน โดยน้ำช่วง 2-3 วันที่ผ่านมามีปริมาณค่อนข้างมาก และมีร่องอากาศทำให้มีพายุเข้ามาได้อีก 1 อาทิตย์
ถกทุกหน่วยงานรับทราบข้อมูล
รองนายกฯ กล่าวอีกว่า รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องมีการประชุมกับตนเมื่อคืนนี้ ได้ทราบถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ได้คุยกันและประสานหน่วยงานกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าฯทุกจังหวัดที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการพูดคุยกับกระทรวงทรัพยากรฯ และหน่วยงานต่างๆที่จะต้องนำสถานการณ์ทั้งหมดมาสรุปให้ตรงกัน ซึ่งมีทั้งข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา ตนอยากจะเห็นภาพรวมร่วมกัน จะได้รู้ว่าสถานการณ์จริงหนักหรือไม่หนัก จะชั่วคราวหรือถาวร จะได้แก้ปัญหาอย่างรวดเร็วและถูกต้อง อยากให้สรุปสถานการณ์ให้ตรงที่สุดเพื่อแก้ไข
อุตุฯชี้ภาคเหนือยังมีฝนหนัก
ส่วนกรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศว่า ภาคเหนือตอนบนมีฝนตกต่อเนื่องหลายพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือและประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมีแนวพัดสอบของลมตะวันออกเฉียงใต้และลมตะวันตกเฉียงใต้ในระดับบนปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 1 เมตร ขอให้ชาวเรือหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่ฝนฟ้าคะนอง
ปภ.เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำ
ด้านนายไชยวัฒน์จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศพบว่าร่องมรสุมได้พาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักในบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลาง และภาคใต้
สำหรับพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์ระหว่างวันที่ 24-30สิงหาคม2567 ดังนี้ พื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม ได้แก่ ภาคเหนือ 12 จังหวัด ได้แก่ จ.แม่ฮ่องสอน (อ.เมืองฯ ปางมะผ้า ปายขุนยวม แม่ลาน้อย แม่สะเรียง สบเมย) เชียงใหม่ (อ.แม่อาย เชียงดาว) เชียงราย (อ.เมืองฯ แม่สาย เชียงแสน เวียงแก่น ขุนตาล พญาเม็งราย เวียงชัย เทิง แม่ลาว) ลำปาง (อ.วังเหนือ งาว) พะเยา (อ.เมืองฯ แม่ใจ ภูซาง ปง เชียงคำ จุน เชียงม่วน) แพร่ (อ.เมืองฯ เด่นชัย สอง ลอง วังชิ้น) น่าน (อ.เมืองฯ เฉลิมพระเกียรติ ปัว ท่าวังผา เวียงสา ทุ่งช้าง เชียงกลาง บ่อเกลือ สองแคว ภูเพียง) อุตรดิตถ์ (อ.เมืองฯ ลับแล พิชัย ทองแสนขัน ท่าปลา) ตาก (อ.เมืองฯ ท่าสองยาง แม่ระมาด แม่สอด พบพระ อุ้มผาง) สุโขทัย (อ.เมืองฯ ศรีสัชนาลัย ทุ่งเสลี่ยม ศรีสำโรง กงไกรลาศ) พิษณุโลก (อ.ชาติตระการ นครไทย วังทอง เนินมะปราง) และเพชรบูรณ์
(อ.เมืองฯ หล่มเก่า หล่มสัก)
ภาคเหนือ7จังหวัดรับมือน้ำท่วม
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 จังหวัด ได้แก่ จ.เลย (อ.นาแห้ว เชียงคาน ด่านซ้าย ปากชม) หนองคาย (อ.เมืองฯ สังคม ศรีเชียงใหม่ ท่าบ่อ โพนพิสัย โพธิ์ตาก) บึงกาฬ (อ.เมืองฯ ปากคาด บุ่งคล้า โซ่พิสัย เซกา บึงโขงหลง) หนองบัวลำภู (อ.เมืองฯ ศรีบุญเรือง โนนสัง) อุดรธานี (อ.เพ็ญ บ้านดุง หนองหาน) สกลนคร (อ.เมืองฯ บ้านม่วง คำตากล้า วานรนิวาส สว่างแดนดิน พรรณานิคม) และนครพนม (อ.เมืองฯ บ้านแพง ศรีสงคราม ท่าอุเทน นาหว้า โพนสวรรค์ ปลาปาก ธาตุพนม)
ภาคกลาง-ใต้มี16จังหวัดเฝ้าระวัง
ภาคกลาง 8 จังหวัด ได้แก่ จ.กาญจนบุรี (อ.เมืองฯ สังขละบุรี ทองผาภูมิ ศรีสวัสดิ์ ไทรโยค ด่านมะขามเตี้ย) ราชบุรี (อ.สวนผึ้ง บ้านคา) นครนายก (อ.เมืองฯ ปากพลี บ้านนา) ปราจีนบุรี (อ.เมืองฯ ประจันตคาม นาดี กบินทร์บุรี) จันทบุรี (อ.เมืองฯ มะขาม ขลุง แหลมสิงห์) ตราด (อ.เมืองฯ บ่อไร่ เขาสมิง แหลมงอบ คลองใหญ่ เกาะกูด) เพชรบุรี (อ.แก่งกระจาน หนองหญ้าปล้อง) และประจวบคีรีขันธ์ (อ.หัวหิน ปราณบุรี บางสะพาน)ภาคใต้ 8 จังหวัด ได้แก่ จ.สุราษฎร์ธานี (อ.เมืองฯ คีรีรัฐนิคม พุนพิน พระแสง เวียงสระ) นครศรีธรรมราช (อ.เมืองฯ ลานสกา ถ้ำพรรณรา ทุ่งใหญ่) พัทลุง (อ.เมืองฯ ปากพะยูน กงหรา ศรีนครินทร์ ควนขนุน) ระนอง (อ.เมืองฯ กระบุรี ละอุ่น กะเปอร์ สุขสำราญ) พังงา (อ.เมืองฯ คุระบุรี ตะกั่วป่า กะปง ท้ายเหมือง) ภูเก็ต (ทุกอำเภอ) ตรัง (อ.เมืองฯ ปะเหลียน นาโยง กันตัง ห้วยยอด รัษฎา วังวิเศษ) และสตูล (อ.เมืองฯ ควนโดน ควนกาหลง ทุ่งหว้า มะนัง)
เชียงรายน้ำซัดถนนขึ้นภูชี้ฟ้าพัง
ที่ จ.เชียงราย วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานถึงเหตุน้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือ ว่าสถานการณ์น้ำท่วมได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้พื้นที่การเกษตร ผลผลิตทางการเกษตรได้รับความเสียหาย บ้านเรือนและทรัพย์สินต่างๆ ของชาวบ้าน เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยมวลน้ำป่า ได้หลากเข้าท่วมพื้นที่ รวมถึงถนนหลายเส้นทาง เช่นที่สามแยกตลาดนัดวันเสาร์ มุ่งหน้าไปยังบ้านพญาพิภักดิ์ แยกเวียงแก่น ขึ้นภูชี้ฟ้า ถนนทรุดพังเสียหาย จนไม่สามารถใช้สัญจรได้
น่านระทมบ้านจมกว่า500หลัง
ส่วนที่ จ.น่าน ในหลายพื้นที่ เช่นที่บ้านแสงดาว น้ำได้ไหลท่วมบ้านเรือนชาวบ้าน จนต้องพากันอพยพ ขนย้ายสิ่งของโดยรถเล็กไม่สามารถสัญจรได้ ทั้งนี้ น้ำได้ท่วมเป็นวงกว้างใน 10 ตำบล 68 หมู่บ้าน โดยเฉพาะบ้านท่าวังผา หมู่ 2 และหมู่ 7 และบ้านอาฮาม หมู่ 3 สบยาว หมู่ 4 ต.ท่าวังผา ระดับน้ำสูงกว่า 2 เมตร ชาวบ้านกว่า 500 หลังคาเรือนถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหาย
โรงเรียนประกาศหยุดเรียน1วัน
ขณะที่โรงเรียนสตรีศรีน่าน ประกาศแจ้งหยุดเรียน 1 วันเนื่องจากฝนตกหนักต่อเนื่องส่งผลให้เกิดน้ำท่วม โดยมีเส้นทางคมนาคมบางพื้นที่ถูกตัดขาด นักเรียน คณะครู และบุคลากรทางการศึกษาจำนวนมากไม่สามารถเดินทางมาโรงเรียนได้และเพื่อความปลอดภัยทางโรงเรียนจึงประกาศหยุดทำการเรียนการสอน โดยจะกลับมาเปิดเรียนตามปกติในวันที่ 23 สิงหาคมนี้ หรือหากมีการเปลี่ยนแปลงจะแจ้งให้ทราบ เช่นเดียวกับอีกหลายๆ โรงเรียน เช่น โรงเรียนสา จ.น่าน ที่ประกาศหยุดเนื่องจากน้ำท่วมโรงเรียนศรีสวัสดิ์วิทยาคาร จ.น่าน และวิทยาลัยเทคนิคน่าน ซึ่งแจ้งให้ทำการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์
พะเยาน้ำป่าหลากท่วมกลางดึก
ขณะเดียวกัน ที่ จ.พะเยา สถานการณ์น้ำท่วมยังไม่คลี่คลายเพราะฝนยังคงตกต่อเนื่อง ทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือน โรงเรียน และพื้นที่การเกษตรในหลายอำเภอ อาทิ อ.ปง อ.เชียงม่วน อ.เชียงคำ อ.ดอกคำใต้ และ อ.เมือง ตั้งแต่ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ทำให้นายอำเภอต่างๆ ในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องระดมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และอาสาสมัคร รวมถึงหน่วยกู้ภัย เข้าช่วยเหลือชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วม โดยพาออกมายังพื้นที่ปลอดภัย
ทำงานแข่งกับเวลาช่วยชาวบ้าน
นอกจากนี้ ในส่วนของชุมชนบ้านแม่ต๋ำ ป่าลาน แม่ต๋ำภูมินทร์ แม่ต๋ำอินทร์ฐาน อ.เมือง จ.พะเยา ต่างถูกน้ำป่าหลากเข้าท่วม ระดับน้ำสูงกว่า 1.5 เมตร รถไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ซึ่งมวลน้ำยังหนุนสูงตลอดเวลา เจ้าหน้าที่ต้องทำงานแข่งกับเวลาในการเข้าช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งจากสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ ส่งผลให้บ้านเรือนในพื้นที่ ต.แม่ต๋ำ กว่า 100 หลังคาเรือน ได้รับผลกระทบ ส่วนถนน ไร่นา สะพานในหลายอำเภอ อาทิ อ.เมือง อ.จุน อ.ปง อ.เชียงม่วน อ.เชียงคำ อ.ภูซางอ.ดอกคำใต้ และ อ.ภูกามยาว ได้รับความเสียหาย จนต้องปิดใช้เส้นทางในการเดินทางระหว่างอำเภอ
เจ้าหน้าที่ช่วยผู้ติดค้างในบ้านพัก
ส่วนสถานการณ์ที่ อ.เชียงคำ นายอำเภอต้องนำกำลังฝ่ายปกครองและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกับกู้ภัย เข้าช่วยเหลือชาวบ้านที่ติดค้างอยู่ในบ้านที่ถูกน้ำท่วมตั้งแต่กลางดึก เพื่อออกมายังพื้นที่ปลอดภัย ท่ามกลางกระแสน้ำที่ไหลแรง โดยต้องประสานเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฯ เข้าตัดกระแสไฟฟ้าเพื่อป้องกันอันตรายระหว่างการปฎิบัติงาน
ชาวพะเยาชี้หนักสุดในรอบ50ปี
สำหรับน้ำท่วมที่เกิดขึ้น ชาวบ้านในพื้นที่ จ.พะเยา ต่างระบุว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในรอบ 50 ปีโดยน้ำท่วมเกือบทุกอำเภอ ซึ่งขณะเกิดเหตุเป็นช่วงกลางดึกใน 3 อำเภอ ได้แก่ อ.ปง อ.เชียงม่วน และ อ.เชียงคำ ทำให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ต้องเร่งเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ยังติดค้างอยู่ตามบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วม เพื่อไปอาศัยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย
บขส.เปลี่ยนเส้นทางเดินรถ
อีกด้านหนึ่ง นายอรรถวิท รักจำรูญ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ อ.เทิง จ.เชียงราย และจังหวัดใกล้เคียง ส่งผลให้ถนนไม่สามารถเดินทางได้ ทาง บขส.ได้ตรวจสอบเส้นทางเดินรถพบว่าได้รับผลกระทบ 1 เส้นทาง คือเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงคำ เนื่องจากสะพานบ้านทุ่งหนอง ทางหลวงหมายเลข 1091 พื้นที่ ต.สระ อ.เชียงม่วน จ.พะเยา เกิดการทรุดตัวจากฝนตกหนักและน้ำป่าไหลหลาก ต้องปิดถนนชั่วคราว รถโดยสารไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขดังนั้น บขส.จึงมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเส้นทางเดินรถบางช่วง ดังนี้ เที่ยวกลับ (ขาล่อง) ออกจากสถานีเดินรถเชียงคำ ไปรับผู้โดยสารจุดจอดดอนเงิน จุดจอดปง และย้อนกลับมาออกยัง อ.จุน ใช้เส้นทาง อ.ดอกคำใต้ อ.งาว กลับสู่เส้นทางปกติ
ส่วนเที่ยวไป (ขาขึ้น) ใช้เส้นทาง อ.งาว อ.ดอกคำใต้ อ.จุน อ.ปง เพื่อส่งผู้โดยสารจุดจอดปง จุดจอดดอนเงิน และกลับสถานีเชียงคำในเส้นทางเดินรถปกติ ทั้งนี้หากการแก้ไขสะพานบ้านทุ่งหนองแล้วเสร็จและเปิดให้รถโดยสารวิ่งผ่านได้ บขส.จะกลับมาใช้เส้นทางเดินรถปกติต่อไป
สั่งนายสถานีฯติดตามสถานการณ์
นายอรรถวิท กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้นายสถานีเดินรถในพื้นที่ภาคเหนือ และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อุทกภัยอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง หากพบว่าเส้นทางไหนได้รับผลกระทบ มีน้ำท่วมสูง ไม่สามารถผ่านได้ ให้แจ้งทันที เพื่อปรับเปลี่ยนเส้นทางเดินรถให้เหมาะสมและแจ้งผู้โดยสารให้ทราบต่อไป ขณะเดียวกันจากสถานการณ์อุทกภัยดังกล่าว อาจทำให้บางเส้นทางเดินรถในพื้นที่ภาคเหนือเกิดความล่าช้า ดังนั้น บขส.จึงต้องกราบขออภัยในที่นี้ด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี