รวบแก๊งโจ๋อาชีวะชื่อดังบุรีรัมย์ยึดยาบ้าร่วมแสนเม็ด
เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด ของตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ตชด. ทหาร และฝ่ายปกครอง จับกุมนักศึกษาอาชีวะชื่อดังแห่งหนึ่งได้ 5 ราย ทั้งหมดอายุ 19-20 ปี พร้อมตรวจยึดของกลางยาบ้าได้อีกเกือบ 1 แสนเม็ด อาวุธปืน 1 กระบอก และกระสุนปืนอีกกว่า 20 นัด อยู่ภายในห้องพัก จากการสอบสวนยังทราบว่า นอกจากเปิดห้องพักไว้อยู่อาศัย ขณะมาเรียนหนังสือแล้ว ยังใช้เป็นที่มั่วสุมและเป็นโกดังเก็บซุกซ่อนยาบ้าไว้ เพื่อรอนำไปวางจำหน่ายให้กับลูกค้า ตามคำสั่งของเพื่อนรุ่นเดียวกัน ที่หลบหนีคดียาเสพติดไปอยู่ สปป.ลาว โดยก่อนถูกจับกุมได้นำไปวางส่งให้ลูกค้าแล้ว 140,000 เม็ด ส่วนที่ถูกจับอีกร่วมแสนเม็ด รอรับคำสั่งนำไปวางต่อ
ผู้สื่อขาวรายงานว่า เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 22 ส.ค.67 ที่ผ่านมา พ.ต.ท.วิชาญ กระจ่างโพธิ์ รอง ผกก.หัวหน้าชุดปฎิบัติการปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วย พ.ต.ท.สุวัฒน์ นามมงคล สว.ฯ รองหัวหน้าชุด นำกัลงตำรวจ ชป.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์ ,ชปส.ร้อย ตชด.215, ชปส.ร้อย ตชด.216 , ชปส.กก.ตชด.21, หน่วยปราบปรามยาเสพติด ขกท.ศปก.ทบ.(นฝด.22, ขกท.กกล.สุรนารี), หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 26, สขว.กอ.กรมน. ฝ่ายปกครองที่ทำการปกครองอำเภอเมืองบุรีรัมย์ และฝ่ายปกครองที่ทำการปกครองอำเภอบ้านด่าน
ร่วมกันจับกุมนายนันทกร หรือฟลุ๊ค อายุ 20 ปี อยู่ในตัวเมืองบุรีรัมย์, นายพีระพัฒน์ หรือเจสันต์ อายุ 19 ปี อยู่ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ,นายเจษฎาภรณ์ หรือเจมส์ อายุ 19 ปี อยู่ อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ ,นายวายุ หรือท็อป อายุ 19 ปี อยู่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ และ นายธีรเดช หรือเบ๊นซ์ อายุ 19 ปี อยู่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ทั้งหมดเป็นนักศึกษาชั้น ปวส.ของวิทยาลัยอาชีวะชื่อดังแห่งหนึ่ง พร้อมของกลางยาบ้า 41 มัด หรือจำนวน 82,000 เม็ด ,อาวุธปืนลูกซองยาว แบบบรรจุ 5 นัด จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืนลูกซอง เบอร์ 12 จำนวน 21 นัด สมุดจดบัญชีลูกค้ายาบ้า 1 เล่ม และโทรศัพท์มือถืออีกจำนวนหนึ่ง โดยทั้งหมดซุกซ่อนอยู่ในห้องพัก ที่ทั้งหมดพักอาศัยและมั่วสุมกันอยู่
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ทำการจับกุมนายวรายุทธ หรือเปา อายุ 30 ปี ชาว อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ได้พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 176 เม็ด และสารไอซ์ น้ำหนักรวมประมาณ 0.54 กรัม ในพื้นที่ ต.แสลงพัน อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งนายวรายุทธ ได้ให้การยอมรับสารภาพว่า ยาเสพติดดังกล่าวตนได้ติดต่อซื้อมาจากนายฟลุ๊ค ทราบชื่อสกุลจริงต่อมาคือนายนันทกร อายุ 20 ปี อาศัยอยู่ในตัวเมืองบุรีรัมย์ และพักอยู่แถวซอยหลังศาล ในตัวเมืองบุรีรัมย์ ผ่านทางเฟซบุ๊กมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งทุกครั้งนายฟลุ๊ค มักจะใช้รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น PCX สีน้ำเงิน มาส่งยาบ้าให้กับตน
จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ร่วมกับนายวรายุทธ ที่ถูกจับกุมวางแผนล่อซื้อยาบ้าจากนายนันทกร จำนวน 5 ถุง ในราคา 15,000 บาท โดยนัดส่งมอบกันที่หน้าร้านค้าแห่งหนึ่ง บริเวณถนนนิวาศ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ต่อมานายนันทกร ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น PCX สีน้ำเงิน ทะเบียน บุรีรัมย์ เข้ามาจอดบริเวณจุดนัดหมาย เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่นายนันทกร ได้พยายามวิ่งหลบหนี และใช้กำลังขัดขืนต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ ไม่ยอมให้จับกุมอยู่สักพักใหญ่ ก่อนจะควบคุมตัวนายนันทกร ไว้ได้
เบื้องต้นจากการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งนายนันทกร พยายามปฎิเสธและไม่ยอมให้ความร่วมมือใดกับเจ้าหน้าที่ แต่จากการตรวจสอบในโทรศัพท์มือถือถือของ นายนันทกร พบว่าได้มีการสนทนาติดต่อซื้อขายยาบ้า และพบในอัลบั้มภาพก็ยังมีภาพของนายนันทกร สวมเสื้อยืดสีขาว ถ่ายภาพคู่กับเพื่อน 1 คน คือ นายพีระพัฒน์ ในอิริยาบถเหมือนภาคภูมิใจ โดยมียาบ้าจำนวนมาก และอาวุธปืนลูกซองยาว วางขนาบคู่กับยาบ้าจำนวนดังกล่าว นับ 10 ภาพ
เมื่อสอบถามถึงที่มาของภาพ นายนันทกร ก็ไม่ยอมให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด พร้อมพูดจาวกไปวนมา เพื่อหลอกล่อเจ้าหน้าที่ โดยอ้างว่าเป็นภาพเก่าที่ถ่ายไว้นานแล้ว เพื่อพยายามปิดบังไม่ให้เจ้าหน้าที่ตรวจติดตามเจอยาบ้าและจับกุมผู้เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังไม่ยอมบอกห้องที่ถ่ายภาพ และบุคคลในภาพว่าเป็นผู้ใด ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเชื่อได้ว่า น่าจะมียาเสพติดจำนวนมากตามภาพถ่าย ยังคงมีซุกซ่อนอยู่ภายในห้องพักดังกล่าว กระทั่งสืบทราบว่าห้องพักดังกล่าว เป็นห้องเช่าอยู่บริเวณรอบเมืองบุรีรัมย์ ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เมื่อเจ้าหน้าที่นำกำลังไปถึงที่ห้องพักหลังดังกล่าว พบวัยรุ่นชาย 4 คน กำลังนั่งอยู่บริเวณหลังห้องพัก ซึ่ง 1 ในนั้นคือ นายพีระพัฒน์ ซึ่งเป็นบุคคลในภาพ ที่ได้ถ่ายภาพคู่ยาบ้าและปืนกับ นายนันทกร
เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวทั้ง 4 คน ทราบชื่อต่อมาคือ โดยบุคคลในภาพคือ นายพีระพัฒน์ ส่วนอีก 3 คน คือ นายเจษฎาภรณ์, นายธีรเดช และนายวายุ และจากการตรวจค้นภายในห้องพักของทั้ง 4 คน พบยาบ้าจำนวน 41 มัด ใส่อยู่ในกระสอบปุ๋ย อาวุธปืนลูกซองยาวชนิดบรรจุ 5 นัด จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืนลูกซองขนาด 12 จำนวน 21 นัด ซุกซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าของห้องพักดังกล่าว และสมุดบัญชีรายการซื้อขขายยาบ้า 1 เล่มวางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งภายในห้องพักด้วย
สอบถามเบื้องต้นทั้ง 4 คน รวมกับนายนันทกร เป็น 5 คน ทราบว่าได้ร่วมกันเก็บยาบ้าและนำไปขายให้ลูกค้าตามคำสั่งของนายรัชชานนท์ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดียาเสพติด ที่ได้หลบหนีไปอยู่ สปป.ลาว โดยได้ค่าจ้างจำนวน 500 บาท ต่อ 1 มัด หรือ 2,000 เม็ด โดยได้แบ่งหน้าที่กันทำ และเมื่อได้เงินมาแล้วทั้ง 5 คน จะนำเงินมาเป็นกองกลางไว้ใช้กินเที่ยวเตร่ร่วมกัน ส่วนอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าว นายพีระพัฒน์ ยอมรับสารภาพว่าเป็นของตนเอง และจากการตรวจปัสสาวะเบื้องต้นในร่างกายทั้ง 5 คน นายนันทกร นายพีระพัฒน์ และ นายเจษฎาภรณ์ มีผลเป็นลบ ส่วนนายธีรเดช กับ นายวายุ พบมีผลเป็นบวก จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ นายพีระพัฒน์ ยังให้การยอมรับสารภาพด้วยว่า ยาบ้าดังกล่าวตนพร้อมพวกได้ไปเก็บเอามาจากพื้นที่ อ.นาดูน จ.มหาสารคาม จำนวน 70 มัด หรือจำนวน 140,000 เม็ด และได้นำไปวางให้กับลูกค้าตามคำสั่งของนายรัชชานนท์ ไปแล้ว ส่วนที่ถูกจับกุมจำนวน 41 มัด จำนวน 82,000 เม็ด พวกตนเพิ่งไปรับมาเก็บไว้ เพื่อรอคำสั่งนำไปวางให้กับลูกค้าตามคำสั่งของ นายรัชชานนท์ ที่หลบหนีคดียาเสพติดไปอยู่ สปป.ลาว.โดยพวกตนทำมาแล้วประมาณ 3 เดือน เฉลี่ย 1-2 สัปดาห์ต่อครั้งๆละไม่ต่ำกว่า 100 มัดหรือประมาณ 200,000 เม็ด นำมาวางให้กับลูกค้าที่ได้ติดต่อซื้อขายยาบ้าไว้ก่อนแล้วกับ นายรัชชานนท์ ซึ่งพวกตนทั้ง 5 คน จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกัน ขับขี่รถจักรยานยนต์ นำไปวางยาบ้าไปวิ่งวางตามจุดต่างๆ ในเขตตัวเมืองบุรีรัมย์ - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี