ตรวจเข้มสนามบิน
ขอนแก่นเฝ้าระวัง
สกัดโรคฝีดาษลิง
กลุ่มเสี่ยงแอฟริกา
ขอนแก่นยกระดับความเข้มงวดมาตรการสกัดโรคฝีดาษวานรตรวจสอบกลุ่มเสี่ยงเดินทางมาจากแอฟริกาทั้งที่สนามบิน-สถานีขนส่งอย่างละเอียด สสจ.ขอนแก่น ยืนยันปี 2566 ต่อเนื่อง 2567 พบผู้ป่วย 12 ราย อยู่ในกลุ่ม 2 และทุกคนรักษาหายขาดแล้ว
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 24 สิงหาคม 2567 นพ.อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ยืนยันผู้ป่วยติดเชื้อฝีดาษวานร หลังเดินทางกลับมาจากกลุ่มประเทศแอฟริกา ทำให้มีการยกระดับความเข้มงวดและความเข้มข้นในการตรวจสอบกลุ่มบุคคลที่เดินทาบมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ซึ่ง จ.ขอนแก่นในช่วงที่ผ่านมาพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อ ในปี 2566 ที่ผ่านมา 8 รายและในช่วงต้นปี 2567 พบ 4 ราย ซึ่งทั้งหมด 12 รายนั้น ยืนยันติดเชื้อโรคฝีดาษวานร โดยไม่ได้ติดจากในเขต จ.ขอนแกน แต่เดินทางกลับมาจากกลุ่มประเทศแอฟริกากลาง และมาตรวจพบที่ขอนแก่น และจากข้อมูลผู้ป่วยพบว่าหลายคนไม่ใช่คนขอแก่น แต่เมื่อมาตรวจพบที่ขอนแก่น ก็จะต้องเข้าสู่มาตการกักกันและตรวจสอบตามขั้นตอนของการควบคุมโรค
“ผู้ป่วยที่ตรวจพบล่าสุดในเดือนมกราคมก็มีการเฝ้าระวังอีก 21 วันก็ไม่มีการพบผู้ป่วยที่ติดเชื้อเพิ่ม แต่สิ่งที่กักวลคือกลุ่มของโรคซึ่งประเทศไทยตรวจพบสายพันธ์ 2 ซึ่งอัตราการเสียชีวิตค่อนข้างที่จะต่ำ แต่ในส่วนที่ระบาดและองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ประกาศให้เฝ้าระวังคือสายพันธุ์ 1 ซึ่งระบาดในเขตทวีปแอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันออก ซึ่งกลุ่มนี้เป็นโรคฝีดาษวานรที่มีอัตราการเสียชีวิตถึง 5% มีการระบาดได้ง่าย ซึ่งสามารถที่จะระบาดด้วยการสัมผัสโดยตรงได้ มีการติดเชื้อและทำให้เสียชีวิตในกลุ่มเด็กได้ โดยไม่ต้องติดต่อทางเพศสัมพันธ์” นายแพทย์สาธารณสุข จ.ขอนแก่น กล่าว
นพ.อภิชัย กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทย โดยกรมควบคุมโรค โดยด่านควบคุมโรคและสาธารณสุขจังหวัด เฝ้าติดตามผู้ที่เดินทางกลับมาจากกลุ่มประเทศแอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันออก โดยมีการยกระดับและตรวจเข้มทุกคน ซึ่งขอนแก่นได้คุมเข้มทั้งที่ด่านควบคุมโรคท่าอากาศยานนานาชาติขอนแก่น และที่สถานีขนส่งที่มีการเดินรถโดยสารระหว่างประเทศ ซึ่งหากพบว่าผู้ใดที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ก็จะต้องมีการลงทะเบียนและตรวจติดตามอาการ เทียบเคียงกับมาตรการเข้มข้นที่เราทำในช่วงคิดที่ผ่านมา โดยเฉพาะการตรวจสอบไทมไลน์และการสัมผัสกลุ่มเสี่ยงทุกคน ในระยะเวลา 21วันหลังการเดินทางมาประเทศไทย ซึ่งหากตรวจพบว่าสุ่มเสี่ยงก็จะเข้าสู่ขั้นตอนของการควคุมโรคและการบำบัดรักษาทันที
ทางด้าน ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “วัคซีนป้องกันฝีดาษ วัคซีนป้องกันฝีดาษวานรมีหรือไม่” ระบุว่าก่อนอื่นต้องตอบก่อนว่าวัคซีนที่ป้องกันฝีดาษวานรโดยตรง ยังไม่มี
เนื่องจากโรคในกลุ่มตระกูลฝีดาษเป็น DNA ไวรัสที่มีขนาดใหญ่ และมีคุณสมบัติหลายอย่างคล้ายกัน จึงทำให้เกิดภูมิต้านทานข้ามสายพันธุ์กันได้ เช่นถ้าติดฝีดาษวัว สามารถป้องกันการติดเชื้อ และลดอาการของโรคไข้ทรพิษหรือฝีดาษในมนุษย์ได้
ดังนั้นวัคซีนป้องกันฝีดาษแต่เดิมจึงใช้ฝีดาษวัว หรือไวรัสในกลุ่มเดียวกัน Vaccinia ไวรัส เพื่อมาป้องกันฝีดาษในคน การปลูกฝี ทำให้เกิดตุ่มหนองของฝีดาษวัวอาการไม่รุนแรง ร่างกายสร้างภูมิต้านทานขึ้น จึงสามารถป้องกันไข้ทรพิษ ได้เป็นอย่างดี ทำให้โรคไข้ทรพิษสูญสิ้นหมดไป
เมื่อมีการระบาดของฝีดาษวานร ก็พบว่าวัคซีนป้องกันฝีดาษที่ที่เคยถูกใช้ หรือกำลังพัฒนาอยู่ หรือคนที่เคยปลูกฝีมาแล้ว จึงมีภูมิต้านทาน สามารถป้องกันโรค ฝีดาษวานร ได้ในปีแรกๆ และอาจจะเป็น 10 ปี หลังจากนั้นภูมิลดลงก็อาจจะเกิดติดเชื้อได้ แต่ความรุนแรงของโรคลดลง
คนที่เคยปลูกฝีมานานแล้วแล้วถึงแม้ว่าติดโรค เมื่อเป็นฝีดาษแทบจะไม่มีใครตายเลย จึงเชื่อว่าภูมิคงค้างอยู่ตลอดชีวิต จึงมีการนำเอาวัคซีนที่พัฒนาขึ้นป้องกันไข้ทรพิษ หรือฝีดาษ มาป้องกันฝีดาษวานรด้วย วัคซีนในปัจจุบันได้มีการพัฒนาให้ดีขึ้นมาโดยตลอด โดยมีจุดหมายเพื่อป้องกันไข้ทรพิษ โดยเฉพาะยังหวาดกลัวกันในเรื่องของสงครามเชื้อโรค ที่อาจจะใช้เชื้อฝีดาษมาเป็นอาวุธ การพัฒนาวัคซินฝีดาษเข้าสู่ใน Generation ที่ 3 เป็นวัคซีนที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเพื่อให้เกิดอาการข้างเคียงน้อยที่สุด รายละเอียดของชนิดวัคซีนจะกล่าวในตอนต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี