■■ พูดกันมากเหลือเกินคำว่า “จริยธรรม” นั้นความหมายจริงๆ มันคืออะไร ใครเป็นผู้ให้จำกัดความไว้ และมันปฏิบัติได้จริงแท้แค่ไหนอย่างไร เมื่อใช้กับมนุษย์ผู้มีทั้งกิเลส ตัณหา และถ้าใช้ไม่ได้กับมนุษย์ แล้วจะบัญญัติประดิดประดอยวลีดังกล่าวขึ้นมาเพื่ออะไร...
■■ ทั้งหมดนี้มีการอธิบายจากคนที่อยู่ในแวดวงของสายธรรม พร้อมนำแจกแจงทำความเข้าใจเป็นข้อๆ ดังนี้ว่า “จริยธรรม” มาจากจริยะ+ธรรมะ “จริยะ” หมายถึง ความประพฤติ หรือกิริยาที่ควรประพฤติปฏิบัติ “ธรรมะ” หมายถึงคุณความดี “จริยธรรม” จึงหมายถึงความประพฤติดีงาม...
■■ ส่วนคำถามที่ว่าใครเป็นผู้ให้คำจำกัดความดังกล่าวขึ้นมา คงชี้ชัดบอกกันยาก เพราะอาจมาจากหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ โดยอาจมีบุคคลผู้เชี่ยวชาญนำไปสนธิอธิบายความหมายไปในทางหลักศาสนา (ทางบวก) เพื่อให้ผู้ปฏิบัติเกิดความอ่อนไหว อ่อนโยน ก่อเกิดความสัมพันธ์อันดีต่อกันของคนในสังคม ส่วนใครจะทำได้กี่มากน้อย ตรงนี้ขึ้นอยู่กับเวรและกรรมของคนคนนั้น...
■■ และถ้าใช้ไม่ได้ แล้วจะประดิดประดอยวลีดังกล่าวขึ้นมาเพื่ออะไร คำถามนี้มีหลายคนแจกแจงว่า สาเหตุที่คำคำนี้ถูกกำหนดออกมาพูดกันในทุกที่ทุกแห่งชนิดไม่มีวันดับสูญ ดูดีมีมนต์ขลัง สืบเนื่องจากเพราะสังคมมนุษย์ หากขาดหลักการยึดเหนี่ยวทางจิตใจ การใช้กำลังเหนือเหตุผล การใส่ร้ายป้ายสี การรบราฆ่าฟันกันจะทวีความหฤโหดสุดๆทีเดียว จริยธรรมจึงมีไว้เพื่อให้ฉุกคิด ส่วนใครจะนำไปใช้ให้เกิดผลในทางบวกก็สามารถช่วยปลุกเสกให้บ้านเมืองสังคม หมู่บ้านชุมชน สงบได้ แต่คนใช้ต้องมีจริยธรรม หรือคุณงามความดีไม่เอน ไม่เอียง ไม่หลงอำนาจในตัวเองเสียก่อน ที่สำคัญต้องคิดอยู่เสมอๆ ว่าสุดท้ายทุกคนก็ต้องจากโลกนี้ไป ดังนั้นการจากไปในลักษณะมีคนสรรเสริญเยินยอ หรือติเตียนแช่งชักหักกระดูก หรือเผาพริกเผาเกลือประณามก็ขึ้นอยู่ที่ผู้ใช้เป็นสำคัญ ถ้าผู้ใช้ทรงอภิญญาเหตุผล เสียงปฏิกิริยาสงบบังเกิด...
■■ สุดท้ายผู้สันทัดกรณีเรื่องจริยธรรมบอกด้วยว่า การใช้จริยธรรม หรือการกล่าวอ้างว่าคนนั้น หรือบุคคลนี้ขาดจริยธรรม คนคนนั้นจะต้องมองตัวเองเสียก่อนว่าเราขาดตรงนั้นหรือไม่ ถ้าขาดเราก็ต้องไม่ไปเที่ยวสิ้นเปลืองเวลาอบรมสั่งสอนคนอื่นเขา เพราะเรามีความเสื่ิอมทรุดอยู่ภายในตัว แต่ก็มีคนโต้แย้งยกเหตุผลว่า คนไม่มี “จริยธรรม”ก็สามารถพูดหรือใช้ได้เช่นกัน ถ้าเขาใช้บอกกล่าวคนอื่นเตือนคนอื่นๆ ว่า “ขอให้มีจริยธรรม ถ้าไม่มีก็จะมีสนิมตราบาปติดตัวเหมือนข้าพเจ้า”...
■■ ทิ้งท้ายด้วยเรื่องความมักง่ายเกี่ยวกับการอนุญาตออกเอกสารสิทธิต่างๆ บริเวณชายทะเล ภูเขา ป่าสงวน สุดท้ายพอเกิดปัญหาทำให้ชาวบ้าน “ชะตากรรมชะตาทราม” แล้วตื่นแก้กันแบบ “วัวหายแล้วคิดล้อมคอก” ซึ่งบ้านเมืองวันนี้ส่วนใหญ่เป็นเยี่ยงนี้...■■
ไผ่ฎำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี