บ้านเรือนถูกน้ำท่วม21,824หลัง
6จว.เหนืออ่วม
ปภ.แจ้ง10จว.ภาคกลางรับมือ
เตือน26-28ส.ค.ฝนตกหนัก
‘ภูมิธรรม’โวไม่ซ้ำรอยปี’54
ปภ.รายงานสถานการณ์น้ำท่วม 12 จว. คลี่คลายแล้วเหลือ 6 จว.ยังประสบหนัก เร่งคลี่คลายสถานการณ์-ช่วยเหลือประชาชน เดือดร้อนกว่า 3 หมื่นครัวเรือน ด้านกรมชลประทาน ปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา รอรับมวลน้ำก้อนใหญ่จากเหนือ 11 จังหวัดท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเตรียมพร้อม น้ำสูงอีกเกือบเมตร ส่วนทอ.จัดเครื่องบินสำรวจเส้นทางน้ำ ระดมยุทธโธปกรณ์ ถุงยังชีพ ช่วยเหลือประชาชน ขณะที่สุโขทัยหนัก คันดินกั้นน้ำต.ยางซ้ายแตก ขณะที่รองนายกเทศมนตรีเมืองสุโขทัยธานี ยืนยัน ไม่ไหว ก็ต้องไหว ต้านน้ำเข้าตัวเมือง ด้านกว๊านพะเยาน้ำเกินกักเก็บเอ่อท่วมชุมชนโดยรอบ รองนายกฯ“ภูมิธรรม”ตรวจน้ำท่วมน่าน สั่งทุกหน่วยให้ข้อมูลจริงไม่โกหกประชาชน หลังลือท่วมหนักเหมือนปี 54 ขอให้มั่นใจน้ำไม่ถึงกทม. อ่างเก็บน้ำ-เขื่อนยังมีที่รองรับน้ำ
เมื่อวันที่ 25สิงหาคม นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากอิทธิพลร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ระหว่างวันที่ 16 -25 สิงหาคม มีสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากใน 12 จังหวัด ได้แก่
12จว.อ่วมเดือดร้อนกว่า3หมื่นครัว
จ.เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน ลำปาง แพร่ เพชรบูรณ์ อุดรธานี ระยอง ภูเก็ต ยะลา และนครศรีธรรมราช รวม 64 อำเภอ 260 ตำบล 1,459 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 30,807 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 22 ราย ผู้บาดเจ็บ 19 ราย ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 6 จังหวัด รวม 37 อำเภอ 156 ตำบล 940 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 21,824 ครัวเรือน ภาพรวมสถานการณ์ระดับน้ำลดลงทุกพื้นที่
เชียงรายใช้ฮ.ส่งสิ่งของช่วยผู้ประสบภัย
วันเดียวกัน สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงรายนำสิ่งของอุปโภคบริโภค เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในอ.เทิง จ.เชียงราย โดยลำเลียงทางอากาศ ทางเฮลิคอปเตอร์ ปภ.32-01 ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย ได้รับการสนับสนุนเครื่องอุโภคบริโภคจาก ฝูงบิน 416 กองทัพอากาศ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัดเชียงราย และภาคเอกชน โดยบินจากสนามบินฝูงบิน 416 ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย ไปรับสิ่งของที่โรงเรียนศรีสว่าง อำเภอเทิง ก่อนจะนำไปส่งมอบให้กับประชาชนที่ประสบอุทกภัย ที่ โรงเรียนบ้านปางค่า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย ทั้งนี้ พื้นที่ประสบภัยในจังหวัดเชียงรายนั้นขยายเป็นวงกว้าง การช่วยเหลือเป็นไปอย่างยากลำบาก ทางจังหวัดจึงประสานเฮลิคอปเตอร์จากปภ. เพื่อลำเลียงสิ่งของช่วยเหลือประชาชน และติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ประสบอุทกภัย ในจุดที่รถยนต์ไม่สามารถเข้าถึง
‘ภูมิธรรม’สั่งติดตามน้ำ-ให้ข้อเท็จจริงกับปชช.
วันเดียวกัน ที่ จ.น่าน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม พร้อมมอบถุงยังชีพแก่ประชาชนที่ประสบเหตุอุทกภัยใน อ.ท่าวังผา จุดแรกเดินทางไปที่วัดอัมพวัน (ม่วงใต้) ต.ศรีภูมิ อ.ท่าวังผา ตรวจสถานการณ์น้ำผ่านรถ Mobile War Room ซึ่งนางรอยบุญ รัศมีเทศ ผอ.สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) รายงานปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำรายวันของกรมชลประทาน คลังข้อมูลน้ำแห่งชาติ และหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือที่ยังต้องติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขอให้เชื่อมโยงข้อมูลให้สวนกลางและทุกหน่วยงานรับทราบ และให้ติดตามสถานการณ์อย่าเพิ่งวางใจเพราะฝนยังตกอยู่ ยังต้องจับตา รวมถึงสถานการณ์ที่จ.สุโขทัย ที่สถานการณ์จะหนักได้ เพราะน้ำเริ่มไหลเข้าจ.สุโขทัย ที่สำคัญขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องช่วยให้ข้อมูลแก่ประชาชน จากกรณีกระแสข่าวว่าน้ำอาจท่วมหนักเหมือนปี 2554 เพื่อที่ประชาชนจะได้เกิดความสบายใจ
นายภูมิธรรมยังได้กล่าวกับชาวบ้านด้วยว่า รัฐบาลทราบปัญหา และพร้อมแก้ไขให้ประชาชนชาว จ.น่าน แพร่ และเชียงราย รัฐบาลพยายามคาดการณ์ล่วงหน้าถึงจุดต่างๆ ที่จะเกิดเหตุการณ์ ซึ่งเครื่องมือขณะนี้ค่อนข้างตรงกับสถานการณ์ จึงอยากให้ประชาชนรับฟังข่าวสาร ป้องกันการเกิดความเสียหายได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ไม่เหมือนเดิมจากภาวะโลกร้อน จึงต้องพูดถึงต้นตอต้องช่วยกันดูแลตั้งแต่ต้นน้ำ ตนเคยพูดเรื่องนี้กับ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ถึงปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง ซึ่งเป็นปัญหาที่ใช้เงินมาก จึงควรทำเรื่องน้ำเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งครั้งนี้ประมาณการว่าอาจใช้งบประมาณ 5-6 ล้านล้านบาท คิดว่าจะทำตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ แม้ใช้งบประมาณมากแต่คุ้มค่าระยะยาว
รบ.ยันคุมสถานการณ์ได้-ไม่ซ้ำรอยปี54
“ขณะนี้เราควบคุมสถานการณ์ได้เรียบร้อย น้ำครั้งนี้เป็นน้ำหลากขังไม่นาน ดีกว่าปี 2554 ที่ครั้งนั้นน้ำไม่มีที่ไป การที่เราบริหารจัดการควบคุมได้ดีสถานการณ์ก็จะเบาบางลง แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นหลังจากนี้คือการฟื้นฟูสภาพบ้านเรือน ซึ่งผมสั่งการทุกหน่วยงานไปแล้วทั้งกระทรวงพาณิชย์ว่าอย่าให้ของขาดตลาด และอย่าให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า กระทรวงคมนาคมให้ดูแลเรื่องการสัญจร และดูถึงอนาคตว่าเส้นทางไหนที่ช่วยระบายน้ำได้ โดยไม่ต้องรอให้น้ำมา ก็สามารถให้เจาะถนนเพื่อเป็นรอระบายได้เลย กระทรวงอื่นๆก็มีการทำงานร่วมกันขอให้ประชาชนสบายใจได้”นายภูมิธรรมกล่าว และว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แสดงความห่วงใย และอึดอัดใจ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้
ลั่นไม่ถึงกทม.แน่-เขื่อนยังรับน้ำได้
นายภูมิธรรม ย้ำว่ารัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ และประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา ไม่ว่าฝนจะตกอย่างไรก็จะไม่ไปถึงกทม. ขอให้สบายใจได้ ส่วนที่กังวลว่าน้ำจะท่วมหนักเหมือนปี 2554 รัฐบาลเอาข้อมูลมาดูแล้วยังมีที่ว่างในอ่างเก็บน้ำ และเขื่อนเพียงพอรับน้ำได้ ขอความกรุณาวันนี้ประชาชนทุกข์ยากมากพอแล้ว อย่าสร้างความตื่นตระหนก อยากให้ช่วยให้ข่าวดี แต่ไม่โกหกประชาชนพูด แต่ให้ข้อเท็จจริง ยืนยันรัฐบาลดูแลเต็มที่ รวมถึงที่ จ.ภูเก็ต นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ก็ลงไปดูแล และเมื่อร่วมทีมกับนายกฯได้ ก็คงทำงานได้เต็มที่มากกว่านี้ และหาก น.ส.แพทองธาร เข้ามาทำหน้าที่แล้วตนจะทำเรื่องเสนอ ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรืออาจจะให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมมือกัน ส่งเสริมแผนบริหารจัดการน้ำ ซึ่งขณะนี้เราใช้แผนแม่บทสมัยปี 2554 ช่วงรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตนคิดว่าจำเป็นหากทำได้จะแก้ปัญหาระยะยาวได้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะนำเข้า ครม.ในช่วงต่อไป
ทอ.ส่งฮ.สำรวจเส้นทางน้ำ-ส่งของช่วย
ส่วนพล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เปิดเผยถึงการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในภาคเหนือขณะนี้ว่า กองทัพอากาศ (ทอ.)ระดมกำลังและยุทโธปกรณ์ที่กองทัพอากาศมีอยู่เข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถ บูรณาการความช่วยเหลือทุกภาคส่วนเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยให้เร็วที่สุด โดยกองทัพอากาศจัดเฮลิคอปเตอร์ EC-725 จากฐานปฏิบัติการ กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ ปฏิบัติภารกิจการบินลาดตระเวนถ่ายภาพทางอากาศบริเวณพื้นที่ประสบอุทกภัยภาคเหนือ ประกอบด้วย อำเภอเมือง จังหวัดแพร่, เขื่อนสิริกิติ์ อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์, อำเภอเมือง จังหวัดน่าน จังหวัดสุโขทัย และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อสนับสนุนข้อมูลภาพถ่ายสถานการณ์น้ำท่วมให้หน่วยเกี่ยวข้องนำไปใช้ประเมินสถานการณ์ วางแผนช่วยเหลือประชาชน นอกจากนี้ ยังสั่งการให้ กองบิน 3 กองบิน อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว บินถ่ายภาพทางอากาศสำรวจมวลน้ำที่จะไหลลงมาในพื้นที่เช่นกัน
สำหรับการเข้าช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์ประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยนั้น สั่งการกองบิน 46 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย ให้จัดอากาศยานขนส่งโดยใช้เครื่องบินลำเลียงแบบที่ 2 ก จากฝูงบิน 461 (เครื่องบินทำฝนหลวง) นำมาขนย้ายเครื่องอุปโภคบริโภค ส่งถุงยังชีพ พร้อมเรือบรรเทาสาธารณภัย เพราะเส้นทางภาคพื้นมีน้ำท่วมสูงหลายพื้นที่ และขยายวงกว้างหลายจังหวัด
‘กว๊านพะเยา’ล้นท่วมชุมชนเมือง
ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมยังน่าเป็นห่วง เนื่องจากยังมีฝนตกต่อเนื่องปริมาณไหลหลากท่วมขยายวงกว้างหลายจังหวัด โดยที่จ.พะเยา สถานการณ์น้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองพะเยา ยังไม่คลี่คลาย เนื่องจากน้ำกว๊านพะเยา เกินปริมาณกักเก็บไหลท่วมชุมชนรอบกว๊าน ถนน และวัดศรีโคมคำ (พระอารามหลวง) ต.เวียง อ.เมือง จ.พะเยา เพิ่มระดับสูงขึ้นทุกวัน ชาวบ้านต้องนำกระสอบทรายมาทำเป็นแนวกำแพงกั้นป้องกันน้ำท่วม และไหลเข้าอาคารบ้านเรือนตนเอง และวัด
ขนกระสอบทรายกั้นวิหารวัดดัง
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ล่าสุด วันนี้ (25 สิงหาคม) ระดับน้ำในกว๊านพะเยา เพิ่มสูงขึ้นและไหลเข้าท่วมวัดศรีโคมคำ (พระอารามหลวง) พระ เณรและชาวบ้าน ช่วยกันบรรจุทรายใส่กระสอบทำเป็นแนวกำแพงกั้นน้ำรอบๆบริเวณพระวิหารวัดศรีโคมคำอย่างเร่งด่วน เพราะระดับน้ำในกว๊านพะเยาเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชลประทานพะเยา นำเครื่องสูบน้ำขนาด 8 นิ้ว 2 เครื่องมาติดตั้งสูบน้ำออกจากบริเวณรอบพระวิหารวัด ออกทิ้งในกว๊านตลอด 24 ชั่วโมงอย่างเร่งด่วน ป้องกันน้ำไหลเข้าท่วมทั้งด้านนอกและด้านในพระวิหารที่มีพระพุทธรูปพระเจ้าองค์หลวงโบราณ อายุ 533 ปี พระคู่บ้านคู่เมืองประดิษฐานอยู่ด้านในวิหาร สำหรับสถานการณ์น้ำในกว๊านพะเยา เพิ่มระดับขึ้นทุกวัน ล่าสุดวันนี้น้ำในกว๊านพะเยาได้เกินปริมาณการกักเก็บ ทำให้น้ำได้ไหลเข้าท่วมชุมชนรอบกว๊าน ถนน ไร่นา บ่อปลา ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ อย่างต่อเนื่อง
น้ำยมเซาะคันกั้นน้ำแตกสุโขทัยจม
ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมในจ.สุโขทัย เข้าขั้นวิกฤติ ทางจังหวัดต้องระดมเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังทุกนาที น้ำยมที่ไหลผ่านเขตเศรษฐกิจตัวเมืองสุโขทัย เริ่มปริ่มคันกั้นน้ำ ส่วนคันดินกันน้ำ ต.ยางซ้าย อ.เมืองสุโขทัย น้ำยมกัดเซาะขาดยาวกว่า 50 เมตร ทะลักท่วมพื้นที่เป็นวงกว้าง โดยนายสุชาติ ทีคะสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ลงพื้นที่จุดคันดินแตก สั่งการให้ตั้งจุดช่วยเหลือระดมกำลังเจ้าหน้าที่และทหารจากกองพันทหารขนส่งที่ 23 กองบัญชาการช่วยรบที่ 3 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ จ.พิษณุโลก ช่วยบรรจุกระสอบทรายจัดเรียงขวางทางน้ำ เพื่อลดผลกระทบต่อชาวบ้าน
นาข้าว200ไร่จมมิดในพริบตา
นางนุศรา บุญผล กำนันตำบลยางซ้ายเปิดเผยว่า ถนนเลียบแม่น้ำยมเป็นคันดินริมตลิ่งถูกน้ำยมกัดเซาะเป็นทางยาวกว่า 50 เมตร เหตุเกิดช่วงตี 5 วันนี้ (25 สิงหาคม) ทำให้น้ำทะลักไหลเข้าท่วมพื้นที่อย่างรวดเร็วและขยายเป็นบริเวณกว้าง กระทบราษฎรประมาณ 120 หลังคาเรือน ที่สำคัญยังมีนาข้าวที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวอีกประมาณ 100 ไร่ ทั้งที่มีการแจ้งเตือน และมีบางส่วนเก็บเกี่ยวไปแล้วก่อนหน้านี้
นายวีระ บัวจันทร์ เกษตรจังหวัดสุโขทัย ซึ่งเดินทางลงพื้นที่ บอกว่ามาส่งกำลังใจเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ มีนาข้าวที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวประมาณ 100-200 ไร่ แม้บางส่วนเก็บเกี่ยวไปแล้วก็ยังได้รับความเสียหายจำนวนมาก จึงสั่งให้เกษตรอำเภอเมืองสุโขทัยเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อชดเชยช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ
น้ำยมที่อ.ศรีสำโรงสูงถึงจุดวิกฤติ
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์เพิ่มเติมว่า ระดับน้ำในแม่น้ำยมตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมาจนถึงเช้าวันนี้ ยังไม่พ้นจุดวิกฤติในทุกพื้นที่ เนื่องจากมีมวลน้ำจำนวนมากทางตอนเหนือจาก จ.แพร่ ทำให้ จ.สุโขทัยได้รับผลกระทบดังกล่าว ท่ามกลางความพยายามป้องกันอย่างเข้มแข็งของเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะเขตเศรษฐกิจชั้นในของเทศบาลเมืองสุโขทัย ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์ในแม่น้ำยมตลอด 24 ชั่วโมง ล่าสุดช่วงเช้าวันนี้ ระดับน้ำแม่น้ำยมที่จุด Y4 ด้านหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย สูงถึง 7.63 เมตร เกือบถึงจุดวิกฤติที่ 8.10 เมตร ปริมาณน้ำไหลผ่าน 469.60 ลบ.ม./วินาที ปริ่มตลิ่งตลอดแนว อ.เมืองสุโขทัย ส่วนที่จุดวัดระดับน้ำที่ อ.ศรีสำโรง ถึงจุดวิกฤติแล้วที่สถานีวัดระดับน้ำ Y 33 และจะไหลเข้าสมทบพื้นที่ อ.เมือง ต่อไป
เสริมกระสอบทรายสู้น้ำยมล้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองสุโขทัยระดมกำลังขนกระสอบทรายนับร้อยกระสอบเสริมพนังกั้นน้ำริมแม่น้ำยม ชุมชนวังหิน ต.ปากแคว อ.เมือง จ.สุโขทัย เพราะเป็นโค้งน้ำมีกระแสน้ำวน ทำให้น้ำยกตัวสูงกว่าที่อื่น จนเป็นพื้นที่เปราะบางและคับขัน กระแสน้ำล้นพนังคอนกรีตจนต้องเสริมกระสอบทราย แต่ความแรงของกระแสน้ำทำลายกระสอบทรายพังลงมาหลายรอบ ทำให้น้ำเหนือล้นท่วมชุมชนสูงประมาณ 20 เซนติเมตร
นายสมศักดิ์ เวชสุวรรณ รองนายกเทศมนตรีเมืองสุโขทัยธานี บอกว่า ต้องเปลี่ยนกระสอบทรายจากถุง 20 กิโลกรัมเป็น 30 กิโลกรัม เพื่อให้มีแรงต้านกระแสน้ำ แต่ยังไม่มั่นใจว่าจะป้องกันได้นานสักเท่าไหร่ เพราะปริมาณน้ำเหนือไหลลงมามากและมวลน้ำก้อนใหญ่จาก จ.แพร่ ยังผ่านไม่หมด ซึ่งต้องประเมินสถานการณ์เป็นรายชั่วโมงและให้เจ้าหน้าที่ประจำการสับเปลี่ยนเวรยามเฝ้า โดยตัวเมืองสุโขทัยมีพื้นที่เปราะบาง 3 จุด คือ ชุมชนวังหิน ต.ปากแคว 2 จุด และชุมชนใกล้วัดราชธานี
หนองคายยังต้องเฝ้าระวังน้ำโขง
ส่วนระดับน้ำโขงที่ไหลผ่านจ.หนองคาย วัดที่ส่วนอุทกวิทยาหนองคายได้ 11.78 เมตร ลดลง 2 เซนติเมตร ต่ำกว่าตลิ่ง 42 เซนติเมตร ถึงแม้ว่าระดับน้ำจะเริ่มลดลงแล้ว แต่ยังมีระดับสูง ที่ต้องเฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง น้ำหนุนเข้าพื้นที่อยู่ ประกอบกับยังมีฝนตกลงมาในพื้นที่ ปริมาณน้ำฝนวัดได้ 12.5 มิลลิเมตร หลายหน่วยงานยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด มีการเตรียมกระสอบทราย แจ้งสัญญาณเตือนภัยให้ประชาชนได้ทราบเป็นระยะ ซึ่งชาวหนองคายเองก็ตื่นตัวอย่างมาก เพราะปีนี้น้ำมาเร็ว มาแรง และมีระดับสูงกว่าปีที่ผ่านมา แม้จะสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งพังในหลายจุด แต่ก็ยังวางใจไม่ได้
พื้นที่เกษตร1.6พันไร่เสียหายหนัก
ทั้งนี้ จากสถานการณ์น้ำโขงที่ทรงตัวและลดลง แต่ยังถือว่ามีระดับสูงอยู่ ทำให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่การเกษตร โดยที่ดอนต่ำ ดอนแตง เกาะดอนกลางแม่น้ำโขง ที่บ้านท่ามะเฟือง ต.โพนสา อ.ท่าบ่อ ซึ่งชาวบ้านโพนสาและใกล้เคียงใช้เป็นพื้นที่ปลูกพืชผักผลไม้ระยะสั้น เช่น พุทธา ข้าวโพด พริก มะเขือ เนื้อที่ประมาณ 1,600 ไร่ ผลผลิตที่ได้จะมีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อถึงที่ ขณะนี้ถูกน้ำโขงท่วมพื้นที่ทั้งหมด พืชผลทางการเกษตรที่ปลูกไว้ได้รับความเสียหาย ชาวบ้านต้องแบกรับภาระหนี้สินจากการลงทุนเพาะปลูก นอกจากนี้ ยังต้องติดตามสถานการณ์น้ำจากตอนเหนือ ทั้งเชียงแสน เชียงราย หลวงพระบาง เชียงคาน เรื่อยมาถึงหนองคาย ซึ่งปริมาณน้ำยังหนาแน่น มวลน้ำโขงไหลแรง เชี่ยวกราก ก่อนไหลลงที่บึงกาฬ นครพนม อำนาจเจริญและอุบลราชธานี พื้นที่ริมฝั่งโขง พื้นที่ลุ่มต่ำ ยังต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด
เตือน11จว.เขื่อนเจ้าพระยาระบายเพิ่ม
จากสถานการณ์น้ำทางด้านตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่มีปริมาณมากขึ้นต่อเนื่อง นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทนอธิบดี กรมชลประทาน ออกประกาศแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำ และการบริหารน้ำลุ่มเจ้าพระยา ฉบับที่ 4 เนื่องจากพบว่าร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีกำลังแรงขึ้นช่วงวันที่ 24-30 สิงหาคม คาดว่าอีก 1-3 วันข้างหน้า ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ จะมีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,000 ลบ.ม./วินาที รวมปริมาณน้ำจากลำน้ำสาขา อีก 200 ลบ.ม./วินาที และรับน้ำเข้าระบบชลประทาน 2 ฝั่ง ในอัตรา 300 ลบ.ม./วินาที
กรมชลประทานจึงต้องปรับการระบายผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ในอัตราระหว่าง 700-900 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 0.40-0.80 เมตร บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำบริเวณคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล จ.อยุธยา และต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.อยุธยา (แม่น้ำน้อย) โดยจะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชน หากระบายมากกว่า 1,000 ลบ.ม./วินาที จะแจ้งให้ทราบต่อไป ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและพื้นที่ลุ่มต่ำ ทั้ง 11 จังหวัด เฝ้าติดตามและเตรียมรับมือสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
เวลา 09.00 น. ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่านอยู่ที่ 952 ลบ.ม./วินาที ส่วนที่เขื่อนเจ้าพระยาปรับการระบายเป็น 649 ลบ.ม./วินาที มีปริมาณน้ำทางด้านเหนือเขื่อนอยู่ที่ 15.95 เมตร/รทก. ท้ายเขื่อนอยู่ที่ 9.40 เมตร/รทก. ซึ่งระดับน้ำห่างจากตลิ่งอยู่ที่ 6.94 เมตร ระดับน้ำท้ายเขื่อนเพิ่มสูงขึ้นเกือบเมตรตามประกาศก่อนหน้านี้ของกรมชลประทาน และยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพื่อรอรับมวลน้ำจากทางภาคเหนือที่กำลังประสบอุทกภัยขณะนี้
อุตุฯเตือนฝนตกหนักถึง28สค.
กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ลักษณะอากาศทั่วไปประจำวันใน 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่า ร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือและประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมีแนวพัดสอบของลมตะวันออกเฉียงใต้และลมตะวันตกเฉียงใต้ในระดับบนพัดปกคลุมด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ตอนล่าง มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มสำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนตั้งแต่หวัดระนองขึ้นมามีกำลังปานกลาง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ช่วงวันที่ 26 - 28 สิงหาคม ร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวตอนบนเคลื่อนผ่านภาคเหนือตอนบนและประเทศเมียนมา ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก
ทั่วไทยกทม.ชุ่มฉ่ำ60-70%
กรมอุตุนิยมวิทยายังพยากรณ์อากาศเป็นรายภาคจนถึงเวลา 18.00 น.วันที่ 26 สิงหาคมว่า ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันออก รวมถึงกรุงเทพฯและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 มีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม ยโสธร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา และนราธิวาส ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 มีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดพังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ทะเลมีคลื่นสูง 1–2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี