วันที่ 27 สิงหาคม 2567จากกรณีมีผู้ป่วยจากอาการเป็นพิษจากเมทานอล หลังดื่มสุราดองในพื้นที่ ย่านคลองสามวา โดยตัวเลขผู้ป่วยซุ้มยาดองเถื่อนรวม 21 คน เสียชีวิตแล้ว 4 คน และ อาการน่าห่วงอีกหลายราย ขณะที่กรมสรรพสามิตตรวจสอบต้นตอโรงงานผลิต พบลักลอบผสมเมทานอล สั่งปิด 18 ซุ้มยาดอง และเก็บตัวอย่างส่งตรวจอยู่ระหว่างรอผล
โดยผู้เสียชีวิตรายที่ 2 คือ นายปิติชัย อายุ 43 ปี พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เสียชีวิตเมื่อเวลา 22.58 น. ของวันที่ 25 สิงหาคม ที่ผ่านมา ขณะพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลนวมินทร์ 9 ซึ่งทางลูกสาวได้ออกมาโพสต์ Facebook ใบแจ้งค่ารักษาพยาบาลที่รวมมูลค่าสูงถึง 116,540 บาท ตลอดการพักรักษาตัวตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา จนถึง 25 สิงหาคม พร้อมร้องขอความเป็นธรรมจากการเสียชีวิตของพ่อ
"ระบุใจความว่า อยากจะออกมาเรียกร้องความยุติธรรมให้กับพ่อ ไม่มีใครรับผิดชอบการเสียชีวิตของพ่อเลย และต้องเผชิญกับค่ารักษาหลักแสน ไม่มีเงินต้องไปยืมเงินคนอื่นเพื่อจัดงานศพให้พ่อ“
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 27 ส.ค.67 ที่วัดกระทุ่มเสือปลา ซอยอ่อนนุช 67 แขวงประเวศ เขตประเวศ กทม. น.ส.สุธิตา และ น.ส.ปรียาภรณ์ ลูกสาวของ นายปิติชัย ผู้เสียชีวิต เปิดใจกับสื่อมวลชนหลังจากพ่อเสียชีวิต เพราะดื่มยาดองร้านแห่งหนึ่ง
โดย น.ส.สุธิตา กล่าวว่า พ่อของตนไปดื่มยาดองร้านที่สามวา 1 จากนั้นเกิดอาการชักเกร็ง ตาลาย แล้วเข้า รพ.อยู่ไอซียู พอตนเองไปหมอแจ้งว่ามีเคสเข้ามาแล้ว อาการลักษณะเดียวกัน จากการดื่มยาดอง มีทั้งคนที่รอดชีวิตและคนที่ไม่รอดชีวิตและเท่าที่ทราบ พ่อเริ่มมีอาการวันที่ 21 ส.ค. โดยพ่อไปบอกเพื่อนร่วมงานว่า ช่วงนี้เป็นอะไรไม่รู้ เวียนหัวบ่อย ตื่นเช้ามาตาลาย มองไม่ค่อยเห็น ต่อมาตอนเช้า วันที่ 23 ส.ค. พ่อไปทำงานไม่ไหว น่าจะมีการอาเจียนด้วย เพราะตนเองไปเจอเสื้อพ่อที่เปื้อนคราบน้ำลายด้วย แล้วเพื่อนพ่อพยายามจะโทรหาแต่ไม่ติด จนที่ทำงานโทรบอกให้ไปที่ รพ. และตนเองมาทราบข่าวตอน 4 ทุ่มก็รีบตามไป
โดยก่อนที่พ่อจะไปที่โรงพยาบาล พ่อเริ่มมีอาการก็ไปขอความช่วยเหลือจากข้างห้อง แล้วก็มีอาการชักเกร็ง ระหว่างก่อนมา รพ.ด้วย และคาดว่าสมองน่าจะตายเพราะขาดอ๊อกซิเจน ตั้งแต่ตอนก่อนจะมาถึง รพ. จากการสันนิฐาน พ่อน่าจะดื่มยาดอง ก่อนหน้าจะมีอาการไม่กี่วัน เพราะปกติพ่อก็จะชอบไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อนอยู่แล้ว ส่วนยาดอง ทราบมาว่าร้านจะอยู่หลังบริษัท และพ่อก็จะไปดื่มหลังเลิกงาน และพ่ออยู่คนเดียว ก็คิดว่าจะซื้อใส่ขวดเพื่อไปดื่มที่ห้อง เพราะพ่อบอกว่ากินยาดองแล้วหลับสบาย
ส่วนพ่อกินยาดองร้านนี้มานานหรือยังนั้นตนเองไม่ทราบ เพราะปกติพ่อจะชอบกินเหล้า กินเบียร์ ยาดองก็พึ่งจะมารู้ตอนที่เข้ารพ. และตอนไปที่ห้องพักของพ่อ ตนเองก็ไปเจอขวดยาดองที่พ่อซื้อมาดื่ม 2 ขวด พอเปิดออกมาก็เป็นกลิ่นแอลกอฮอล์ล้างแผล มีกลิ่นสมุนไพรบ้าง แต่เป็นกลิ่นฉุนของแอลกอฮอล์เป็นหลัก ขนาดนั้นดมเข้าไปแค่นิดเดียว ก็เวียนหัว แสบจมูก โดยในขวดยาดองนั้นมีสีน้ำตาลเข้ม
หลังพ่อเสียชีวิต ก็ได้เงินจากประกันสังคมมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลหลักแสนบาท และตน 3 พี่-น้อง เดินเรื่องจัดงานศพให้พ่อด้วยตนเอง เพราะไม่ได้มีญาติผู้ใหญ่ และบ้านเราไม่มีเงิน ถ้าไม่มีประกันสังคมก็ไม่รู้ว่าจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลยังไง เงินที่นำมาจัดงานศพ น้องชายรวมถึงตนเองก็หยิบยืมมา และทางวัดก็คอยช่วยเซฟค่าใช้จ่ายให้
"ตอนที่พ่อมีอาการโคม่า หลังเข้ารับการรักษา หมอแจ้งว่าอาการ 50-50 ถ้ารอดก็มีโอกาสเป็นเจ้าชายนิทราสูง เพราะม่านตาไม่ตอบสนองแล้ว เลือดเป็นกรดขั้นรุนแรง"
ด้าน น.ส.ปรียาภรณ์ กล่าวว่า อยากให้เจ้าของร้าน เข้ามาพูดคุย แค่คำว่าขอโทษ ก็อยากจะได้ยิน เพราะเขาไม่ติดต่อไปเลย ไม่คิดจะติดต่อมาด้วยซ้ำ และจากการฟังที่เจ้าของยาดองให้สัมภาษณ์เหมือนเขาจะไม่ได้สำนึกผิดจริงๆ เพราะตอนนี้มีคนที่อาการหนักและมีคนเสียชีวิต คนที่เขาบอกว่าเป็นเพื่อนกัน ก็อาจจะเป็นพ่อตนเอง แต่ก็ไม่มีการติดต่อมาเลย ก็อยากจะให้เขามาช่วยเหลือบ้าง
ตนขอยืนยันว่าจะเดินหน้าดำเนินคดีให้ถึงที่สุด โดยตอนนี้จะต้องรอผลชันสูตรละเอียดก่อน 45 วัน เพื่อดูสารในร่างกาย เพราะผลชันสูตรเบื้องต้น ระบุว่า มีเลือดออกจากก้านสมอง เมื่อผลตรวจออกมาแล้ว ก็จะเอาผลมาแจ้งความดำเนินคดีได้ แต่ส่วนตัวก็กังวลว่า หากเผาศพไปแล้วจะทำอะไรลำบากขึ้นและตามคดีไม่ได้ และส่วนตัวก็ยังไม่อยากเผาศพ แต่เพราะมีค่าใช่จ่ายสูง
น.ส.สุธิตา กล่าวเพิ่มว่า ลูกๆกับพ่อเพิ่งจะได้เจอกันในรอบ 10 ปี สิ่งที่ตนเองทำได้ก็อยากจะช่วยพ่อให้ถึงที่สุด เพราะที่ผ่านมาพ่อสู้ชีวิตมาก อยู่ตัวคนเดียว ทำงานบริษัทตกเย็นไปขับวิน เวลาพ่อไม่มีเงินก็ไม่เคยบอกพวกหนูว่าไม่มี นอกจากเขาจะไม่มีจริงๆถึงจะมาขอ แต่บางทีพวกหนูไม่มีก็ไม่ได้ให้ และพ่อก็จะบอกว่าไม่เป็นไร พ่อเอาตัวรอดได้
ลูกๆเคยไปหาพ่อที่ห้องพักครั้งแรกในรอบ 10 ปี คือเมื่อวันที่ 28 ก.ค. เลยขอไปดูห้องว่าอยู่ยังไง ในห้องก็ไม่มีอะไรมาก มีมาม่ากับน้ำปลา เขาบอกมีแค่นี้ก็อยู่ได้ และตอนที่ไปพ่อยังตกงานอยู่ เพิ่งจะได้งานใหม่ เมื่อต้นเดือน ส.ค.เหมือนพ่อเพิ่งได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ แล้วก็ไม่คิดว่าวันนั้นที่เจอพ่อจะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะเราไม่ได่เจอมาเป็น 10 ปี แต่ติดต่อกันโทรคุยกันตลอด
พ่อมักจะชอบบอกว่า ถ้าป๊าไม่อยู่แล้วก็ดูแลกันนะ อย่าทิ้งกันนะ หนูทำดีแล้วที่ดูแลน้องมาตลอด ให้เข้มแข็งเพราะหนูเป็นเสาหลัก จะพูดคุยกับพ่อผ่านแชท ทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้ลบ เพราะหนูรับไม่ได้จริงๆ รู้สึกเหมือนพ่อยังไม่ได้ไปไหน และยังอยู่กับพวกเราตลอด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี