น.1 รวบได้แล้วต้นเหตุ “คลัสเตอร์ยาดองมรณะ” 2 พี่น้อง เอส-อาร์ท มือผสมยาดองนรก หลังทั้งสองพากันหลบหนีไปกบดาลในป่าพื้นที่ จ.อยุธยา เจ้าตัวปฏิเสธเสียงแข็งอ้าง “คิดสูตรเอง มนุษย์สามารถกินได้”
วันที่ 29 สิงหาคม 2567 เวลา 23.00 น. เจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. , บก.สส.ภ.1 , ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา , สืบสวน บก.น.3 และนักเรียนสืบสวนรุ่น 115 ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว 1.นายสุรชัย หรือ อาร์ท อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.1169/2567 ลงวันที่ 28 ส.ค. 67 2.นายสุรศักดิ์ หรือเอส อายุ 46 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.1169/2567 ลงวันที่ 28 ส.ค. 67
โดยทั้งสองถูกออกหมายจับในข้อเดียวกันคือ "ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , ร่วมกันปลอมปนอาหาร ยา หรือเครื่องอุปโภคบริโภคอื่นใดเพื่อบุคคลอื่นเสพหรือใช้ และการปลอมปนนั้นน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่สุขภาพ หรือจำหน่าย หรือเสนอขายสิ่งเช่นว่านั้นเพื่อบุคคลเสพหรือใช้จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส และเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และร่วมกันผลิตและจำหน่ายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต” จับกุมตัวได้ที่ บ้านไม่มีเลขที่ ม.10 ต.บ่อตาโล่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
พฤติการณ์กล่าวคือ จากกรณีเหตุสลด “คลัสเตอร์ยาดองมรณะ” ที่มีผู้ป่วยทยอยเสียชีวิตจากการดื่มยาดองที่เปิดขายที่ร้านแห่งหนึ่งในพื้นที่มีนบุรี ล่าสุดเสียชีวิตไปแล้ว 6 ราย โดยผลจากการตรวจสอบในทางวิทยาศาสตร์ของกรมสรรพสามิต พบว่าในสุราที่นำมาใช้นั้น มีสาร “เมทานอล” และสารไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์ (Isopropyl alcohol: IPA) เจือปน พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผบก.น.3 เร่งสืบสวนสอบสวนจนทราบ "มือผสมยาดอง” แล้วซึ่งคือ สองพี่น้องเอส-อาร์ท โดยล่าสุดศาลได้อนุมัติหมายจับทั้งสองในข้อหาหนัก "ร่วมพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาฯ" หลังศาลออกหมายจับ สองพี่น้องมือผสมไหวตัวหลบหนีออกจากพื้นที่ จ.กรุงเทพ ออกไปกบดาลในพื้นที่ต่างจังหวัด พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่งชุดสืบนครบาลไล่ล่าไปจนถึง จ.พระนครศรีอยุธยา กว่าครึ่งค่อนวันที่ชุดสืบสวนงมหาคนร้ายในพื้นที่แต่โชคไม่เข้าข้าง เพราะแหล่งกบดาลคนร้ายเป็นพื้นที่ชนบทและมีป่ารอบทิศ กระทั่งตะวันลับฟ้าความมืดครอบคลุมพื้นที่ยิ่งยากต่อการค้นหา จนต้องมีการ “รวมพลัง” สนธิกำลังระหว่างชุดสืบนครบาล ชุดสืบภาค 1 และ ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา กว่า 50 ชีวิต ปูพรหมค้นหาในพื้นที่อย่างไม่ย่อท้อ กระทั่งโชคได้เข้าข้างชุดสืบสวนที่ได้พบกับชาวบ้านที่กำลังส่องกบอยู่ริมทางได้ให้เบาะแสถึงแหล่งกบดาลของสองพี่น้อง หลังทราบเบาะแสชุดสืบสวนไม่รอช้า บุกเข้าไปตรวจสอบจนสามารถจับกุมตัวได้ในที่สุด
ในชั้นจับกุมทั้งสองพี่น้องยังคงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาโดยที่อ้างว่า “วัตถุดิบที่สองพี่น้องจำหน่ายให้กับเจ๊ปูนั้น มาจาก เอทิลแอลกอฮอล์ ร้อยละ 95 ผสมกับน้ำดื่ม ในอัตราส่วนเฉพาะที่ทั้งสองพี่น้องได้คิดค้นสูตรขึ้นมา โดยทั้งนายสุรศักดิ์ฯและนายสุรชัยฯยังคงยืนยันใน คุณภาพของเอทิลแอลกอฮอล์ ร้อยละ 95 ที่ทั้งสองนำมาใช้เป็นส่วนผสม ว่าเป็นวัตถุดิบซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ในการอุตสาหกรรมประกอบอาหาร มนุษย์สามารถที่จะรับประทานได้ ทั้งสองพี่น้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุของคดีดังกล่าวแต่อย่างใด ทั้งยังให้การว่า ทั้งสองคนไม่ทราบ และเกี่ยวข้องกับการกระทำใด ๆ ของเจ๊ปูแต่อย่างใด ทั้งสองคนเป็นเพียงผู้ผลิตวัตถุดิบและนำไปจำหน่ายในราคาส่งให้กับเจ๊ปูเพียงเท่านั้น”
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “เรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหาทั้งสอง เพราะจากการสืบสวนสอบสวนที่ผ่านมาของ พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผบก.น.3 ด้วยความทุ่มเท จนนำไปสู่การพบพยานหลักฐานจำนวนมาก ที่บ่งชี้ไปที่สองพี่น้องผู้ต้องหารายนี้ จนกระทั่งศาลได้อนุมัติหมายจับทั้งสองในข้อหาหนัก หลังจากนี้จะมีการขยายผลโดยละเอียดต่อไป และผมขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสียมา ณ ที่นี้ เราขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะมีการดำเนินการสืบสวนหาผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด และหากท่านใดมีเบาะแสในลักษณะนี้สามารถส่งข้อมูลเพิ่มเติมมาได้ที่ เพจ สืบนครบาล IDMB ได้ตลอด 24 ชม.” หลังจับกุมขยายผลได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ดำเนินคดีต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี