เปิดเบื้องหลังปิดเมืองสามเหลี่ยมทองคำกวาดล้างใหญ่แก๊งจีนเทาในคิงส์โรมัน เผย"จีน-ลาว"จับมือทลายแหล่งอาชญากรรมของจ้าวเหว่ย แต่ไทยถูกกันไม่ให้ร่วม เผยโรงแรม-ห้องพักเชียงแสนเต็มหมดเหตุต่างชาติหลบการจับกุม ก่อนใช้ไทยเป็นทางผ่านเตรียมย้ายไปเมียวดี-กัมพูชา
30 ส.ค.67 ภายหลังจากที่ทางการลาวร่วมกับทางการจีนดำเนินการทลายแหล่งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในบริเวณ"คิงส์โรมัน" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ที่อยู่ตรงข้ามกับ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยมีการลุยปราบปรามอย่างหนักจับกลุ่มขบวนการคอลเซ็นเตอร์มาแล้วถึง 9 ครั้ง สามารถปราบปรามไปแล้ว 240 บริษัท จับผู้ต้องหาได้ 1,398 คน เป็นคนจีน 1,211 คน เวียดนาม 145 คน ทำให้แก๊งจีนเทา-ต่างชาติเทาหนีกระเจิงจาก “คิงส์โรมัน”เข้าไทยเพื่อใช้เป็นทางผ่านเตรียมย้ายไปเมียวดี-กัมพูชา ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น ( อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : 'คิงส์โรมัน'แตกกระเจิง!! จีนเทาเผ่นเข้าไทย หลัง'ลาว-จีน'ปราบหนักแก๊งคอลเซ็นเตอร์)
สำหรับเบื้องหลัง"สามเหลี่ยมทองคำ"กระเจิงครั้งนี้ ทาง"สำนักข่าวชายขอบ"ได้รายงานว่า การปราบปรามและจับกุมขบวนการคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงการทำผิดกฏหมายอื่นๆในฝั่งคิงส์โรมันเป็นความร่วมมือระหว่างทางการจีนและลาวเท่านั้น แม้ทางการไทยจะพยายามขอเข้าร่วมด้วยเพราะมีคนไทยจำนวนหนึ่งที่เข้าไปทำงานผิดกฏหมาย แต่ได้รับการปฎิเสธ เนื่องจากยังไม่มีการเจรจาในระดับรัฐบาล ที่สำคัญคือทั้งลาวและจีนไม่ต้องการให้ข้อมูลในอาณาจักรคิงส์โรมันหลุดไปยังประเทศที่สาม
ก่อนหน้านี้สำนักข่าว RFA รายงานเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมว่า กองกำลังความมั่นคงของลาวและจีนได้บุกจู่โจมแหล่งแก๊งคอลเซนเตอร์ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ และขีดเส้นตายว่าทุกอย่างต้องยุติในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (25 สิงหาคม) โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เริ่มปฏิบัติการจนจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 771 ราย
RFA รายงานว่า แก๊งคอลเซนเตอร์หลอกลวงที่ดำเนินการโดยบุคคลสัญชาติจีนซึ่งพยายามหลอกล่อผู้คนให้ลงทุนมีอยู่ทั่วไปในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ และมีคนงานจำนวนมากได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมและถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวไม่ให้ออกจากพื้นที่ โดยเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขงในแขวงบ่อแก้ว เป็นศูนย์กลางการพนันและการท่องเที่ยวที่ให้บริการนักท่องเที่ยวชาวจีน รวมถึงเป็นแหล่งซ่องสุมของอาชญากรรมฉ้อโกงออนไลน์ การค้ามนุษย์ การค้าประเวณี และกิจกรรมยาเสพติดที่ผิดกฎหมาย
RFA รายงานว่า คำสั่งปิดเมืองสามเหลี่ยมของรัฐบาลลาวมีขึ้นภายหลังการประชุมเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ระหว่างเจ้าแขวงบ่อแก้ว เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากกระทรวงความมั่นคงของลาว และจ้าวเหว่ย ประธานเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมทองคำโดยเริ่มการบุกจับร่วมกับทางการจีนเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ซึ่งทางการลาวระบุว่ามีผู้ถูกควบคุมตัวทั้งสิ้น 771 คน เป็นชาวลาว 275 คน พม่า 231 คน และจีน 108 คน นอกจากนี้ยังมีคนสัญชาติอื่นๆ เช่น ฟิลิปปินส์ อินเดีย อินโดนีเซีย เอธิโอเปีย และเวียดนาม
เจ้าหน้าที่กระทรวงความมั่นคงให้สัมภาษณ์กับ RFA ว่าผู้ที่ถูกจับกุมส่วนใหญ่เป็นเพียงคนงานที่ถูกจ้างมาทำงานที่ศูนย์ และเป็นรูปแบบหนึ่งของการค้ามนุษย์ เนื่องจากเหยื่อถูกหลอกล่อให้มาที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำเพื่อทำงานตามร้านค้าหรือร้านอาหาร แต่ต่อมากลับถูกบังคับให้ทำงานเป็นนักต้มตุ๋น
เจ้าหน้าที่แขวงบ่อแก้วซึ่งขอไม่เปิดเผยกล่าวว่า ชาวจีนจำนวนมากที่ถูกจับกุมเป็นคนงานแก๊งคอลเซนเตอร์ “เราได้ส่งมอบชาวจีนทั้งหมดให้กับทางการจีนที่ด่านในแขวงหลวงน้ำทาเมื่อหลายวันก่อน ส่วนชาวต่างชาติอื่นๆ เช่น อินเดียและฟิลิปปินส์ กำลังรอให้สถานทูตมารับตัวไป”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวลาวที่ถูกจับกุมส่วนใหญ่จะถูกนำมาอบรม และจะได้รับเงินทุนเริ่มต้นประกอบอาชีพ 1.5 ล้านกีบ และสามารถนำเสนอโครงการอาชีพได้ โดยไม่มีการดำเนินคดี ซึ่งที่ผ่านมาคนลาวที่ทำงานตอบแชทออนไลน์จะมีรายได้สูงกว่าการทำงานบริษัท หรือประกอบอาชีพทั่วไปในประเทศลาวกว่า 3 เท่า และหากสามารถหลอกเหยื่อได้ก็จะมีรายได้มากขึ้น
RFA รายงานว่าโดยทางการยังยึดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากกว่า 2,000 ชิ้น รวมถึงคอมพิวเตอร์ 709 เครื่องและโทรศัพท์มือถือ 1,896 เครื่อง โดยชาวจีนและอุปกรณ์ทั้งหมดที่ยึดได้จากการบุกจับได้ถูกส่งกลับจีนแล้ว เพื่อปฏิบัติตามข้อตกลงระหว่างกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของลาวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีน
RFA ระบุว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 มีแก๊งคอลเซนเตอร์มากถึง 400 แห่งที่เปิดดำเนินการในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ โดยมุ่งเป้าไปที่เหยื่อชาวจีนเป็นส่วนใหญ่ จนทำให้ทางการจีนต้องขอความร่วมมือกับทางการในลาวในการปราบปราม
ขณะที่เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ที่ผ่านมา สถานีวิทยุ-โทรทัศน์แขวงบ่อแก้ว ประเทศลาว ได้รายงานว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำร่วมกับการปกครองส่วนภูมิภาค ทหาร ได้ดำเนินการตรวจสอบและจับกุมขบวนการคอลเซ็นเตอร์ใน 4 จุด จาก 46 พื้นที่ 16 บริษัทที่ดำเนินงานอย่างผิดกฎหมายตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยสามารถควบคุมขบวนการต้มตุ๋นหลอกลวงซึ่งเป็นชาวต่างชาติได้ 60 คน และบางส่วนเป็นคนลาว โดยยึดของกลางได้คือคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือและอื่นๆ
นายอนุสิน สักปะเสิด หัวหน้ากองบัญชาการพิทักษ์สันติสุข เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ให้สัมภาษณ์ว่า การจับกุมปราบปรามครั้งนี้เป็นครั้งที่ 11 นับตั้งแต่เมื่อปี 2566 ที่สามารถดำเนินกับองค์กรและบริษัทมากกว่า 240 แห่ง โดยเมื่อวันที่ 9-25 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้ดำเนินการให้ผู้ประกอบการที่ทำผิดกฎหมายยุติการดำเนินงานและมอบตัวตามกฎหมาย หลังจากนั้นในวันที่ 26-27 สิงหาคม ได้ดำเนินการจับกุมกลุ่มเป้าหมาย แม้บางบริษัทได้ย้ายออกไปแล้ว แต่ยังมีบางบริษัทที่ดำเนินการกิจการต่อ โดยเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวและกักขังผู้ที่ทำผิดได้จำนวนหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างวันที่ 9-25 สิงหาคม ที่ผ่านมา โรงแรมและห้องพักต่างๆใน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับอาณาจักรคิงส์โรมันของเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ต่างมีคนจีนเข้ามาพักจนเต็ม เนื่องจากคนจีนและคนต่างชาติจากคิงส์โรมันได้หลบหนีการปราบปรามและจับกุมมาหลบพักอยู่ฝั่งไทย เพื่อใช้เป็นทางผ่านเตรียมย้ายไปตั้งหลักกันที่เมียวดี-กัมพูชา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี