ปิดเงียบ! พาณิชย์จังหวัดพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบุกร้านทุเรียนดรามา แต่เจ๊เจ้าของร้านปิดร้านเงียบ พบเพียงเศษเปลือกไข่ถูกปาใส่หน้าร้าน

30 ส.ค.67 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสุรินทร์รายงานว่า จากกรณีที่มีกระแสดราม่าเกี่ยวกับเรื่องที่มีลูกค้าไปซื้อทุเรียนจากร้านขายทุเรียนแห่งหนึ่งในตัวเมืองสุรินทร์ แต่ทุเรียนที่ได้ กลับบูดเน่ามีรสเปรี้ยว จนทำให้แม่ค้าออกมาไลฟ์สดด่ากราด จนชาวสุรินทร์รับไม่ได้

ล่าสุดเมื่อเวลา 13.30 น. สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ ได้รุดพื้นที่ไปยังร้านทุเรียนดังกล่าว พร้อมกับ สาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ , ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุรินทร์ , สำนักงานสาขาชั่งตวงวัดเขต 2-5 สุรินทร์ , กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ , สำนักงานเกษตรจังหวัดสุรินทร์ , เทศบาลเมืองสุรินทร์  และ เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.เมืองสุรินทร์ แต่กลับพบว่า ร้านทุเรียนดังกล่าวได้ปิดเงียบไปตั้งแต่เมื่อวานนี้( 29 ส.ค.)  เจ้าหน้าที่ได้พยายามที่จะโทรไปที่เบอร์ของเจ้าของร้าน แต่มีการตัดสายทิ้ง

นอกจากนี้ยังพบว่า บริเวณหน้าร้านมีเศษเปลือกไข่แตกกระจายอยู่ คาดว่าน่าจะมีชาวบ้านที่ไม่พอใจเกี่ยวกับการที่เจ้าของร้านไลฟ์สดด่าคนสุรินทร์

ทั้งนี้ นางพิรุณวรรณน์ จงใจภักดิ์ พาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ ได้ให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวานนี้ ( 29 ส.ค.) ได้มีผู้บริโภคร้องเรียนมาที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ และทางพาณิชย์จังหวัดก็ทราบเรื่องในประเด็นดังกล่าวแล้ว และในวันนี้ก็ได้มาลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างที่ได้มีการร้องเรียนเข้ามาหรือไม่ นอกจากนี้ก็ยังมีหน่วยงาน หลายๆหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางมาเพื่อร่วมทำการตรวจสอบไปพร้อมกัน อาทิ เช่น ป้ายแสดงราคา , เครื่องชั่ง , คุณภาพของทุเรียน ฯลฯ แต่เนื่องจากการลงพื้นที่ในครั้งนี้พบว่าร้านปิด เจ้าหน้าที่จึงไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบภายในร้านได้ แต่เดี๋ยวหลังจากนี้ ก็จะมีการส่งเจ้าหน้าที่เดินทางเข้ามาเช็คเป็นระยะๆ ว่าทางร้านจะเปิดหรือไม่ หากพบว่าร้านเปิด เจ้าหน้าที่ก็จะทำการเข้าตรวจสอบในทันทีเลย แต่ถ้าหลังจากที่มีการตรวจสอบแล้ว และพบว่าทุเรียนที่วางจำหน่ายนั้น เน่าบูด ตามที่โซเชียลได้มีการแชร์ จุดนี้ก็ต้องไปดูข้อกฎหมายอีกทีว่าเข้าข้อกฎหมายข้อไหน และจะมีบทลงโทษยังไงต่อทางร้าน ทุกอย่างต้องอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง รวมถึงบริบทหลายๆส่วน

ด้านเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ ได้ให้ข้อมูลว่า จากกรณีดังกล่าวอาจจะมีการเข้าข่ายเรื่อง พรบ.อาหาร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องทำการตรวจสอบผลิตภัณฑ์อีกทีหนึ่ง แต่ถ้าตรวจสอบแล้ว สินค้ามีอันตรายต่อผู้บริโภคจริง ก็อาจจะมีบทลงโทษในข้อกฎหมายต่อไป แต่ทั้งนี้ก็ต้องมีการตรวจสอบที่หน้างานจริงๆ เพื่อให้ความเป็นธรรมต่อผู้ค้าด้วย