นครพนม-นรข.สกัดจับยาบ้า 3.8 ล้านเม็ด มูลค่ากว่า 3 ร้อยล้าน เป็นเกรดเอตรา 999 ค่ายว้าแดง “ไอ้กร”เพิ่งพ้นคุกไม่สำนึก รับจ้างขนใส่ตู้ทึบเข้าชั้นใน

วันที่ 3 กันยายน 2567 ที่ จ.นครพนม ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ตามแนวชายแดนที่มีแม่น้ำโขงเป็นเขตกั้น  ยังคงพยายามลักลอบขนเข้ามาภายในราชอาณาจักร เพื่อส่งเข้าพื้นที่ชั้นในของไทย หรือบางส่วนอาจล่องไปทางจังหวัดภาคใต้ เพื่อส่งต่อไปยังประเทศใกล้เคียง ยิ่งช่วงระดับน้ำโขงสูง ทำให้มีการฉวยโอกาสลักลอบนำเข้ามากขึ้น เพราะมีความสะดวกในการลำเลียงขน นำเรือเข้าจอดชิดฝั่งได้ง่ายกว่าช่วงน้ำโขงแห้ง ถึงแม้เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงจะมีมาตรการเข้ม สกัดจับกุมปราบปราม แต่ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ยังลักลอบนำเข้าต่อเนื่อง ส่วนใหญ่จะใช้ขบวนการเป็นกลุ่มเยาวชน ที่ตกเป็นทาสยาบ้า ผันตัวจากผู้เสพ หันมารับจ้างขน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มที่พ้นโทษออกมาแต่ไม่สำนึก หันมารับจ้างขนเหมือนเดิม เพราะรู้ช่องทางมีความชำนาญพื้นที่ โดยจากข้อมูลการจับกุมยาเสพติดในพื้นที่ จ.นครพนม ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน มีสถิติการจับกุมยาบ้า มากกว่า 10 ล้านเม็ด

ล่าสุด นายวันชัย จันทร์พร ผวจ.นคพรนม พร้อมด้วย พล.ร.ต.นรินทร์ ขาวเจริญ ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (ผบ.นรข.) น.อ.วรรณะ เกื้อทิพย์ ผู้บังคับการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เขตนครพนม (ผบ.นรข.เขตนครพนม) พ.อ.ศิวดล ยาคล้าย ผอ.หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งตัน และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24) พ.อ.กันตพล จันทะนันท์ รอง ผอ.นบ.ยส.24 ร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง แถลงการณ์จับกุมเยาวชน เครือข่ายขบวนการค้ายาเสพติดตามแนวชายแดนรายใหญ่ คือ นายศุภกร อายุ 26 ปี ชาว ต.คลองเรือ อ.วิหารแดง จ.สระบุรี พร้อมของกลางรถยนต์กระบะตู้ทึบ ที่บรรทุกยาบ้าจำนวน 9 กระสอบปุ๋ย ตรวจนับได้รวม 3.8 ล้านเม็ด มูลค่ามากกว่า 300 ล้านบาท เนื่องจากเป็นยาบ้าเกรดเอ มีตราสัญลักษณ์ ในแพคเกจเป็นเลข 999 และมีดาว 5 ดวง หีบห่อมีทั้งสีแดงและสีน้ำเงิน จากข้อมูลเป็นยาบ้ามีแหล่งผลิตอยู่ในรัฐฉาน โดยชนกลุ่มน้อยว้าแดง ราคาซื้อขายตามแนวชายแดนสูงถึงเม็ดละ 100 บาท ส่วนเพื่อนร่วมแก๊งอีกคน ทำหน้าที่ขับรถยนต์เก๋งเคลียร์เส้นทาง ได้ไหวตัวจอดรถยนต์วิ่งหลบหนี อยู่ระหว่างการเร่งติดตามตัว ขยายผลหาผู้อยู่เบื้องหลัง เชื่อว่าต้องมีนายทุนในพื้นที่ คอยดูแลอำนวยความสะดวกเส้นทาง

สำหรับการจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากวันที่ 31 สิงหาคม 2567  นรข.เขต นครพนม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง สืบทราบว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาบ้าจากประเทศเพื่อนบ้าน นำเข้ามาทางเรือ ในพื้นที่รอยต่อระหว่าง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม และ อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร กระทั่งหลังพระอาทิตย์ตกดิน รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่ามีเรือหาปลาแล่นมาจากบ้านแก่งกะเบา เมืองไซบุลี แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว เข้าจอดเทียบฝั่งบริเวณพื้นที่ ต.ป่งขาม อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร มีรถกระบะตู้ทึบจอดอยู่ใกล้ พบชายฉกรรจ์ประมาณ 10 คน ช่วยกันขนวัตถุต้องสงสัยใส่ท้ายรถ และขับออกจากพื้นที่ด้วยความเร็ว ส่วนเรือหาปลาก็กลับไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้านทันทีเช่นกัน

โดยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ กองทัพเรือ (นสร.กร.) ได้แจ้งไปยังชุดปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์อำนวยการปราบปรามยาเสพติด กองทัพเรือ (ชปพ.ศอ.ปส.ทร.) ให้ติดตามรถยนต์ต้องสงสัยคันดังกล่าว และพบว่ามีรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ส สีเทา ขับนำหน้ารถกระบะตู้ทึบตลอดเวลา โดยรถยนต์ทั้งสองคันเลี้ยวเข้าไปจอดในรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ในพื้นที่บ้านแดนสวรรค์ ต.อุ่มเหม้า อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม คนขับรถเก๋งฮอนด้ารีบเปิดประตูวิ่งหลบหนีไปกับความมืด ส่วนชายคนขับรถกระบะตู้ทึบ ทราบต่อมาว่าชื่อนายศุภกร ศรีสะอาด อายุ 26 ปีถูกล็อกตัวคาพวงมาลัย จึงนำตัวพร้อมของกลางไปสอบสวนขยายผล

นายศุภกรผู้ต้องหาให้การว่า รับจ้างจากนายทุนทำหน้าที่ขับรถยนต์กระบะ เข้าไปยังพื้นที่ชั้นใน โดยได้ค่าจ้าง 5 หมื่นบาท ซึ่งตนได้นั่งรถโดยสารมาลง จ.มุกดาหาร ก็มีคนขับรถเก๋งฮอนด้าแจ๊สมารับไปเปิดรีสอร์ท และน่าจะเป็นคนในพื้นที่เพราะชำนาญพื้นที่มาก ส่วนตนก็นอนรอจนกระทั่งค่ำ รถเก๋งแจ๊สก็โทรศัพท์ให้ตนออกมา เพื่อขับรถกระบะไปยังจุดหมาย ส่วนคนที่ขับมาก่อนหน้าได้ขึ้นรถเก๋งออกไปด้วยกัน ขณะที่กำลังจะเคลื่อนรถก็ถูกเจ้าหน้าที่จู่โจมจับกุมดังกล่าว นอกจากนี้นายศุภกรมีประวัติพัวพันกับยาเสพติด เพิ่งพ้นโทษออกมาได้ไม่ทันถึงปี แต่ไม่สำนึกออกมากระทำผิดซ้ำอีก โดยรับจ้างขนยาบ้าเหมือนที่เคยทำมา และถือเป็นล็อตใหญ่แห่งปี 2567 ของ จ.นครพนม  อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะขยายผล ติดตามจับกุมเครือข่ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป พร้อมเพิ่มความเข้มในตรวจสอบ คัดกรอง จับกุมผู้ค้าผู้เสพ ทั้งรายย่อยรายใหญ่ เป็นการตัดวงจรอุบาทว์ นำลูกหลานอยู่ห่างไกลยาเสพติด