พายุ‘ยางิ’ยกระดับขึ้นเป็น‘ไต้ฝุ่น’
เตือน‘เหนือ-อีสาน’
รับฝนตกถล่มหนัก7-8ก.ย.
เสี่ยงน้ำป่าน้ำท่วมฉับพลัน
น้ำป่าเขาใหญ่ท่วมปราจีนฯ
กรมอุตุฯเตือน พายุโซนร้อน“ยางิ”ยกระดับความรุนแรงเป็น“พายุไต้ฝุ่น”ขึ้นฝั่งเวียดนาม ส่งผล ภาคเหนือ-ภาคอีสาน ตอนบน ฝนตกหนัก 7-8 กันยายนนี้ ส่วนทั่วไทย ยังมีฝนต่อเนื่อง ระวังน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก ด้านเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำเพิ่ม สั่งพื้นที่ท้ายเขื่อน เตรียมรับมือ จ.ปราจีนบุรีฝนถล่มน้ำป่าเขาใหญ่ไหลทะลักท่วมบ้านเรือนแล้ว 37 หลัง
เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2567 ว่าที่ ร.ต.ธนะสิทธิ์ เอี่ยมอนันชัย รองอธิบดีรักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ ฉบับที่ 4 เรื่อง พายุ “ยางิ” (YAGI) ระบุว่า พายุโซนร้อนกำลังแรงยางิ บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อยอย่างช้าๆ มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้น เป็นพายุไต้ฝุ่น
คาดว่า ช่วงวันที่ 6-7 กันยายน 2567 จะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ ประเทศจีน ขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน จากนั้นจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีฝนตกหนักและลมกระโชกแรงบางแห่ง ช่วงวันที่ 7–8 กันยายน 2567
อนึ่ง ช่วงวันที่ 4-6 กันยายน 2567 ร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก
ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 8 กันยายนนี้
ส่วนพยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ จ.ตาก กำแพงเพชร พิจิตร และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ จ.นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา และกาญจนบุรี ส่วน กทม.และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณ จ.นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และตราด
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี ตั้งแต่ จ.สุราษฎร์ธานี ขึ้นมา ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ตั้งแต่ จ.นครศรีธรรมราช ลงไป ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ จ.ระนอง พังงา และภูเก็ต ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 3 เมตร
ด้านกรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา ว่าเช้าวันเดียวกันนี้เขื่อนเจ้าพระยา ทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำแบบขั้นบันไดในอัตราระหว่าง 1,400-1,500 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที รองรับปริมาณน้ำจากทางตอนบนและฝนที่ตกเพิ่มช่วงวันที่ 3-9 กันยายนนี้ 1.สถานี C2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,529 ลบ.ม./วินาที แนวโน้มเพิ่มขึ้น ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 4.14 เมตร 2.สถานี C13 เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,498 ลบ.ม./วินาที แนวโน้มเพิ่มขึ้น ระดับน้ำท้ายเขื่อนเพิ่มขึ้นจากเดิม 18 เซนติเมตร
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย และพื้นที่เสี่ยงบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ คลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ต.หัวเวียง อ.เสนา , ต.ลาดชิด และ ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย) ขนย้ายของขึ้นที่สูง เพื่อป้องกันความเสียหายและเฝ้าระวังระดับน้ำอย่างใกล้ชิด
ที่ จ.ปราจีนบุรี วันเดียวกัน ภายหลังฝนตกหนักตั้งแต่วันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา ส่งผลให้ปริมาณน้ำฝน ตรวจวัดบนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พบว่าบริเวณ ขญ.12 (เนินหอม)วัดได้ 98.0 มิลลิเมตร และหน่วย ขญ.10 (ประจันตคาม) วัดได้ 130 มิลลิเมตร ส่งผลให้มวลน้ำไหลลงสู้พื้นที่ด้านล่าง เข้าท่วมพื้นที่การเกษตรของชาวบ้าน รวมทั้งบ้านเรือนประชาชน ทำให้ต้องเร่งขนย้ายทรัพย์ขึ้นที่สูง แต่บางส่วนไม่สามารถขนย้ายได้ทัน จึงถูกน้ำป่าพัดพาไปกับกระแสน้ำ
สำหรับพื้นที่บ้านโคกกรวด หมู่ 7 ต.โพธิ์งาม อ.ประจันตคาม มีบ้านเรือนประชาชนถูกน้ำป่าเขาใหญ่ไหลท่วม รวมถึงทางเข้าหมู่บ้าน น้ำท่วมสูงประมาณ 80 เซนติเมตร แต่หลังจากมวลน้ำไหลผ่านไปแล้ว ทำให้ระดับน้ำด้านบนเริ่มลดลง โดยนายพรเทพ ไกรสิงห์ กำนัน ต.โพธิ์งาม กล่าวว่า คืนที่ผ่านมาเกิดฝนตกหนักเป็นเวลานาน ทำให้มวลน้ำจากเขาใหญ่หลากลงมาท่วมบ้านเรือนประชาชน รวมทั้งเรือกสวนไร่นา จนถึงบ้านเขาน้อย ประมาณเช้ามืดและถึงพื้นที่หมู่ 7 ช่วงเช้าตรู่ ซึ่งผู้ใหญ่บ้านและผู้นำชุมชนได้ช่วยกันเก็บข้าวของขึ้นที่สูง และเข้าช่วยเหลือผู้สูงอายุออกจากพื้นที่ ขณะนี้ระดับน้ำยังทรงตัว เบื้องต้นพบว่ามีบ้านเรือนได้รับผลกระทบรวม 37 หลัง ก่อนที่น้ำจะไหลลงสู่พื้นที่หมู่ 17 บ้านยาง ต่อไป
ส่วนที่ จ.หนองคาย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดน้ำท่วมจากฝนที่ตกหนักตลอดคืนถึงช่วงเช้าวันเดียวกัน ปริมาณน้ำฝน วัดได้ 50.6 มิลลิเมตร ท้องฟ้ายังคงปกคลุมไปด้วยเมฆฝนเป็นบริเวณกว้าง โดยน้ำท่วมรอการระบายหลายจุดที่ถนนมิตรภาพ ขาเข้าเมืองหนองคาย ช่วงบ้านนาทา ต.หนองกอมเกาะ น้ำที่ระบายไม่ได้จึงเอ่อล้นถนน ส่งผลให้รถวิ่งได้แค่ช่องทางเดียว และต้องใช้ความระมัดระวังในการสัญจร ทำให้การจราจรติดขัดเป็นระยะทางยาว แขวงทางหลวงฯ ทำได้เพียงนำกรวยมาตั้งแจ้งเตือนผู้ใช้รถใช้ถนน เช่นเดียวกับถนนระหว่างเทศบาลเมืองหนองคาย ไปยังเทศบาล ต.โพธิ์ชัย ช่วงบ้านหนาดคำแค ที่มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ น้ำระบายไม่ทัน จึงท่วมถนนและพื้นที่ริมถนน จนการสัญจรเป็นไปอย่างยากลำบาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี