ประธานสภาเกษตรกรตราดเร่งแก้ปัญหาแคดเมียมในทุเรียนหลังจีนแจ้งให้ไทยตรวจสอบ ด้านนายกสมาพันธ์ทุเรียนภาคตะวันออกมั่นใจไม่พบในไทย รอกรมส่งเสริมการเกษตรตรวจสอบ ระบุกระทบภาพลักษณ์และการค้าทุเรียน
นายชลธี นุ่มหนู นายกสมาพันธ์ทุเรียนภาคตะวันออก เปิดเผยถึงประเทศจีนได้แจ้งถึงปัญหาการพบสารแคดเมียมในทุเรียนของไทยว่า เรื่องนี้จากการตรวจสอบต้นทางของปัญหาแล้วพบปัญหาที่เกิดนั้นมาจากการพบทุเรียนที่ส่งจากไทยแล้วพบว่ามีสารแคดเมียมปะปนอยู่เกินมาตรฐานที่กำหนดไว้ 0.05 มก./กก. เรื่องนี้เป็นเรื่องเสียหายกับการส่งทุเรียนลงไปจีนในปัจจุบัน ซี่งการพบสารแคดเมียมครั้งนี้เกิดในช่วงผลผลิตขอทุเรียนในภาคใต้และทุเรียนเวียดนามออกผลผลิต เป็นเรื่องที่น่าสงสัยและเคลือบแคลงว่า ทำไมจึงเกิดในช่วงนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่กรมวิชาการเกษตรจะต้องรีบตรวจสอบเรื่องนี้โดยเร็ว มันเกิดจากเหตุใดกันแน่ จึงเป็นเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องออกมาแก้ปัญหาและพิสูจน์ให้เห็นว่าทุเรียนของไทยไม่มีสารแคดเมียมเจือปน ซึ่งเรื่องนี้มีผลกระทบกับพี่น้องเกษตรกรชาวสวนทุเรียนไทย
"วันนี้ต้องหาคำตอบให้แน่ชัดว่าทุเรียนที่ปนเปื้อนสารแคดเมียมมาจากพื้นที่ใด จังหวัดใด และใช้แหล่งน้ำสายไหน ปนเปื้อนจากกระบวนการผลิตใช้ปุ๋ย ใช้ยา และเป็นยาแบบไหน ประเภทไหน ปุ๋ยชนิดใด หากปนเปื้อนจากกระบวนการแพ็คบรรจุก็ต้องบอกว่าสารชนิดไหน แต่สิ่งที่เราชาวสวนทุเรียนมีสิทธิที่จะตั้งคำถามว่าการปนเปื้อนเกิดจากการสวมสิทธิใช่หรือไม่? เพราะที่ผ่านมามันมีขบวนการของการนำใบรับรองใบรับรองสุขอนามัยพืชของไทย ไปสวมที่เวียดนาม และแปลงสัญชาติเป็นทุเรียนไทยเป็นสัญชาติไทยซึ่งเป็นของเวียดนาม ขบวนการนี้มันประจวบกันพอดีกับการที่จีนตรวจพบสารแคดเมียมของเวียดนามและมีการสั่งไม่ให้เข้าจีน จากนั้นแล้วก็นำใบรับรองสุขอนามัยพืช ของไทยไปรับรองเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกระงับการส่งออกทุเรียนของเวียดนามหรือไม่? ต้องหาคำตอบมาให้ได้ซึ่งวันนี้ ประธานกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ คือนายศักดินัย นุ่มหนู ได้ทำหนังสือไปที่กรมวิชาการเกษตรให้ชี้แจงถึงสาเหตุการปนเปื้อนสารแคดเมียมในทุเรียนแล้ว ซึ่งคิดว่าเราจะได้คำตอบในเร็วเร็วนี้" นายชลธีกล่าว
นายชลธี กล่าวอีกว่า ทุเรียนในภาคตะวันออกไม่มีแน่นอน เนื่องจากพื้นที่การปลูกของจังหวัดในภาคตะวันออกเพราะทุเรียนที่จะมีสารแคลเซียมปะปนอยู่นั้นจะต้องไปปลูกในพื้นที่ที่มีแหล่งทำอุตสาหกรรมหรือแหล่งน้ำหรือแหล่งน้ำ ที่มีการปนเปื้อนของน้ำเสียที่มีสารแคดเมียมปะปนอยู่เพราะฉะนั้นในภาคตะวันออกของไทยมีการปลูกทุเรียนมามานานนับ 100 ปีและไม่เคยพบว่ามีสารแคดเมียมปะปนอยู่และแผนที่ของกรมพัฒนาที่ดินก็มีการระบุชัดเจนว่าพื้นที่ดินในภาคตะวันออกไม่มีสารแคดเมียมปะปนอยู่ ซึ่งหากล่าช้าต่อไปจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของทุเรียนไทย
ขณะนายเรือง ศรีนางราง ประธานสภาเกษตรจังหวัดตราด เปิดเผยว่า การพบแคดเมียมในทุเรียนไทยที่จีนแจ้งมานั้นยังต้องตรวจสอบและรอการพิสูจน์จากกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเรื่องนี้ยังตอบชัดเจนไม่ได้ว่าเป็นทุเรียนไทยหรือไม่ เนื่องจากเป็นเรื่องที่เสียหายต่อภาพลักษณ์ของทุเรียนไทยมาก อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ภาคตะวันออก เราปลูกทุเรียนมากนานกว่า 40 ปี ยืนยันว่าไม่มีแน่นอน แต่ในส่วนของพบนั้น หากพบว่าเกิดจากปัญหา แหล่งใดจะต้องมีการดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพราะไม่เช่นนั้นแล้วจะยิ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของทุเรียนทั้งประเทศและจะเกิดความเสียหายกับเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนทั้งประเทศ ซึ่งมูลค่าการส่งออกทุเรียนไปไยังต่างประเทศมีมูลค่านับแสนล้านบาทต่อปีแล้วในขณะนี้ - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี