'สนค.'จับมือ'ม.ธรรมศาสตร์'วางแนวทางใช้Blockchain ช่วยยกระดับส่งออกสินค้าเกษตรอินทรีย์ไทยผงาดเวทีโลก หนุนตรวจสอบย้อนกลับ-เพิ่มความมั่นใจผู้บริ โภคด้วยมาตรฐานของกฎระ เบียบสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ
เมื่อวันที่ 5 ก.ย.2567 สํานักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) จัดสัมมนานําเสนอผลการดําเนินโครงการ Blockchain ยกระดับเศรษฐกิจการค้า ระยะที่ 5 โดยมีเป้าหมายเผยแพร่องค์ความรู้ ประสบการณ์ และความสําคัญของการประยุกต์ใช้ระบบตรวจสอบย้อนกลับสินค้า พร้อมรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเสนอแนะในการพัฒนาระบบต้นแบบการตรวจสอบย้อนกลับ TraceThai.com โดยมีผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาควิชาการ เข้าร่วม ณ โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท กรุงเทพมหานคร และทางออนไลน์กว่า 150 ราย
นายวิชานัน นิวาตจินดา รองผู้อํานวยการสํานักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับคุณภาพและมาตรฐานสินค้าเกษตรไทย ดังนั้น สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.) จึงร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรม ศาสตร์ ศึกษาและพัฒนา "ระบบต้นแบบการตรวจสอบย้อนกลับ TraceThai.com" ที่นำเทคโนโลยี Blockchain มาประยุกต์ใช้ในการตรวจสอบย้อนกลับธุรกิจหรือสินค้า (Traceability) มาตั้งแต่ปี 2563 ที่จะช่วยสร้างความมั่นใจต่อมาตรฐานและคุณ ภาพสินค้าให้แก่ผู้ประกอบการตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ตลอดจนผู้บริโภค เนื่องจากการบันทึกข้อมูลด้วยเทคโนโลยี Blockchain จะไม่สามารถแก้ไขข้อมูลได้ ทำให้การตรวจสอบย้อนกลับเกิดความโปร่งใสและน่าเชื่อถือตามมาตรฐานที่ผู้ซื้อต้องการ
การดำเนินงานภายใต้โครง การที่ผ่านมา ประกอบด้วยการแสวงหาความร่วมมือจากเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และ ผู้ประกอบการที่ผลิต แปรรูปหรือจัดจำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ ตลอดจนการขยายผลประเภทสินค้านำร่องในระบบต้นแบบฯ โดยในปี 2563 เริ่มต้นด้วยสินค้าข้าวอินทรีย์ที่ผ่านการรับรองตามมาตรฐาน Organic Thailand ของกรมการข้าว และมาตรฐานอินทรีย์สากล เช่น EU Organic, USDA และ IFOAM โดยมีผู้ใช้งานระบบต้นแบบฯ จำนวน 17 ราย/กลุ่ม
ต่อมาได้ขยายกลุ่มนำร่องผู้ใช้งานระบบต้นแบบฯ ไปยังสินค้าเกษตรอินทรีย์อื่นๆ อาทิ ชา ถั่วเหลือง เห็ดถังเช่า เนื้อไก่ ปลานิล โกโก้ ผักสลัด และผลไม้อินทรีย์ พร้อมทั้งศึกษากลไกและแนวทางเชื่อมโยงกับระบบอื่น ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าให้กับสินค้าเกษตรอินทรีย์ไทย จนทำให้ปี 2567 มีกลุ่มนำร่องผู้ใช้งานระบบต้นแบบฯรวม 160 ราย/กลุ่ม และในปีนี้ได้มีการศึกษาและจัดทำข้อเสนอแนะการพัฒนาระบบต้นแบบฯ TraceThai.com ให้สามารถนำไปใช้ในการดำเนินธุรกิจและการดำเนินงานของภาครัฐด้วย
“สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ได้ดำเนินการเรื่องนี้มาตลอด 5 ปี ช่วยสร้างความตระหนักรู้เรื่องกฎระเบียบและฝึกอบรมเพื่อให้เห็นถึงความสำคัญของระบบตรวจสอบย้อนกลับที่เป็นกลไกการตรวจสอบ ควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าไทย และช่วยสร้างความเข้มแข็งทางการค้าระหว่างประเทศให้เติบโตและยั่งยืนต่อไป”
ศ.ดร.อาณัติ ลีมัคเดช หัวหน้าคณะที่ปรึกษาโครงการฯ ได้นําเสนอผลการดําเนินการ ประกอบด้วย การสร้างการรับรู้และฝึกอบรมการใช้งานระบบต้นแบบฯทําให้มีกลุ่มนําร่องผู้ใช้งานระบบต้นแบบฯ รวม 160 ราย/กลุ่ม และการศึกษาและจัดทําร่างข้อเสนอแนะในการพัฒนาระบบต้น แบบการตรวจสอบย้อนกลับ TraceThai.com เพื่อให้สามารถนําไปใช้งานจริงในการ ดําเนินธุรกิจและการดําเนินงานของภาครัฐได้ พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ และผู้ที่สนใจ
นอกจากนี้ นางสาวสุปรานี ก้องเกียรติกมล ผู้อํานวยการส่วนยุโรป 1 กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ยังได้ให้ความรู้และนําเสนอข้อมูลและมาตรการทางการค้าระหว่างประเทศที่เกี่ยวกับการตรวจสอบย้อนกลับ โดยเฉพาะมาตรการของสหภาพยุโรป อาทิ กฎหมายว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทําลายป่า (EUDeforestation Regulation: EUDR) และมาตรการปรับคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism: CBAM) ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ สิ่งแวดล้อม ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก สร้างความสมดุลและความยั่งยืน หรือกรณีสหรัฐฯมีมาตรการยกระดับการรับรองสินค้าออร์แกนิก เพื่อส่งเสริมให้มีการตรวจสอบย้อนกลับที่ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่อุปทาน เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี