เมื่อเร็วๆ นี้ ที่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ลงพื้นที่จัดกิจกรรมสัญจรวิทยาลัยอาชีวศึกษาต้นแบบ ยกระดับสู่สถานศึกษาลดปัจจัยเสี่ยงเพิ่มปัจจัยบวก ภายใต้โครงการพัฒนาเครือข่ายและหนุนเสริมศักยภาพครูและแกนนำนักเรียน นักศึกษา อาชีวศึกษา ป้องกันปัจจัยเสี่ยง (เหล้า บุหรี่) ในสถานศึกษา พร้อมเสริมองค์ความรู้ปัจจัยเสี่ยง และความรู้เรื่องการออมให้เยาวชน
นายพิทยา จินาวัฒน์ คณะกรรมการบริหารแผน คณะที่ 1 สสส. กล่าวว่า สสส. มีแผนงานที่จะป้องกันปัญหาในเรื่องของทางเหล้า บุหรี่ และปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่จะเป็นอุปสรรคที่สำคัญสำหรับเด็กและเยาวชน ในการที่จะศึกษาหรือการดำเนินชีวิต สสส. สนับสนุนองค์กรภาคีเครือข่ายหลายองค์กร ในการจัดทำโครงการ ไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มเด็กและเยาวชน ทั้งในสถานศึกษาและนอกสถานศึกษาต่างๆ ซึ่งองค์กรภาคี ภาคประชาสังคมมีความเข้มแข็ง และโครงการนี้ ก็เป็นโครงการหนึ่งที่มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ได้มาร่วมกับทางหน่วยงานของกระทรวงศึกษาธิการ อย่างสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาและ สสส. จัดโครงการนี้ขึ้นมา ที่จะทำให้กลุ่มเป้าหมาย ได้ตระหนักรู้ในเรื่องของปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น เหล้า บุหรี่ โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้า สิ่งเสพติดต่างๆ ทั้งกัญชาและยาเสพติดที่ร้ายแรง ทั้งการพนัน
“วันนี้มาพบปะกับผู้บริหารสถานศึกษาที่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเชียงใหม่ เพื่อให้ทั้งครูบาอาจารย์ และนักศึกษาที่มีการพัฒนาแกนนําของนักศึกษาร่วมกันจัดกิจกรรมต่าง ๆ ให้เด็กมีทักษะชีวิตที่จะสามารถ เผชิญกับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เหล่านี้ได้ รู้เท่าทันแล้วก็สามารถที่จะเอาตัวหลุดพ้นจากปัจจัยเสี่ยง ได้ศึกษาจนสำเร็จ มีทักษะความรู้ต่างๆ ได้นำความรู้ไปประกอบอาชีพและการดำเนินชีวิต รวมทั้งที่จะเป็นสื่อ ที่จะช่วยเด็กกับเยาวชนกันต่อไป”นายพิทยา กล่าว
นางสาวกันทิมา เพชรคง หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมการออม 2 กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) กล่าวว่า เด็กทุกวันนี้เรื่องการออมมักจะเป็นเรื่องสุดท้ายของการใช้จ่าย เพราะว่าการที่พูดกันว่าออมก่อนใช้ ทุกวันนี้แทบไม่มี มีแต่ใช้เหลือเท่าไหร่ถึงค่อยออม โดยการมาอบรมเด็กครั้งนี้ต้องเปลี่ยนวิธีคิดให้เขารู้จัก “ออมก่อนใช้” โดยจะแนะนำว่า ได้เงินค่าขนมมาเท่าไหร่ ให้แบ่งสำหรับออม 10% แต่จริงๆ แล้วมีจะสูตร 50 (ค่าใช้จ่ายที่จำเป็น) : 30 (ค่าใช้จ่ายสำหรับซื้อความสุข) : 20 (เงินเก็บออม) โดยในส่วนของเงินออม 20% จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน และอีกส่วนเก็บไว้ใช้สำหรับอนาคต อย่างโครงการของ สสส. ที่ลงพื้นที่มาให้ความรู้เกี่ยวกับการลด ละ เลิก ปัจจัยเสี่ยง เหล้า บุหรี่ สอดคล้องกับที่ กอช. ต้องการฝึกการออมเงิน อย่างเด็กๆ หากเขาสามารถประหยัดเงินจากการซื้อบุหรี่ได้ ก็จะมีเงินเหลือ โดยนำเสนอรูปแบบการออม ที่เริ่มได้ตั้งแต่อายุ 15 ปี และปล่อยให้เงินได้ทำงาน
นายสุรศักดิ์ เทียบรัตน์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ปัญหาส่วนใหญ่ที่พบในวิทยาลัยเรื่องหลักๆ จะมีทั้งบุหรี่ กัญชา ส่วนเหล้าก็มีตามประสาวัยรุ่น เด็กส่วนใหญ่เป็นเด็กที่บ้านอยู่ตามชายขอบที่ใช้กันเป็นวิถีชีวิต แต่ทางวิทยาลัยก็พยายามที่จะควบคุม ไม่ให้นำมาใช้ในวิทยาลัย โดยมีทีมครูฝ่ายปกครอง จะคอยตรวจหอพัก เนื่องจากในวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเชียงใหม่มีหอพักให้กับเด็กนักเรียนอยู่ด้วย นอกจากนี้ยังทำงานร่วมกับตำรวจ บ้าน ชุมชน คอยเข้มงวดกวดขันเด็กที่อยู่ในหอพัก โครงการของ สสส. มีส่วนเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาก็ช่วยให้เด็กปรับพฤติกรรม ลด ละ เลิก สารเสพติดต่างๆ ก็พบว่าได้ผลดี
นางสาวอาทิตยา แซ่หยก นักศึกษาแกนนำ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า โครงการทำจากการเป็นนักศึกษาแกนนำ คือ “วัยทีนรุ่นใหม่ ห่างไกลเหล้าบุหรี่” เป็นการอบรมในหัวข้อ โครงการฝึกอบรมโครงการ GEN ZSTRONG NO SMOKING & DRINKING เพื่อส่งเสริมให้ความรู้ความเข้าใจ และสร้างความตระหนักถึงโทษ พิษภัยของบุหรี่และเหล้า ที่ส่งผลต่อสุขภาพตนเอง และคนรอบข้าง รวมถึงการคัดกรองนักเรียนที่สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำได้มีโอกาสคิด ตัดสินใจในการเข้ารับการบำบัดรักษาด้วยความสมัครใจต่อไป รู้สึกดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการทำโครงการนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี