“ชัชชาติ” เปิด BKK Food Bank ครบ 50 เขต ส่งต่ออาหารกลุ่มเปราะบางแล้วกว่า 2 ล้านมื้อ ลดขยะอาหารเกือบ 5 แสนกก. มุ่งเป้าสร้างความไว้ใจให้เกิดความยั่งยืน เชื่อ! อนาคตทั่วโลกจะมาดูงาน กทม.

วันที่ 9 ก.ย. 2567 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ทำพิธีเปิดธนาคารอาหาร หรือศูนย์ BKK Food Bank สำนักงานเขตสะพานสูง ณ บริเวณชั้น 1 ศูนย์ฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร เขตสะพานสูง โดยมีผู้บริหารกรุงเทพมหานคร สำนักพัฒนาสังคม สำนักงานเขตสะพานสูง ภาคเอกชนผู้ให้การสนับสนุน ตัวแทนประชาชนกลุ่มเปราะบาง ร่วมพิธีนับเป็นศูนย์ที่ 50 ครบแล้วทั้ง 50 เขต

“กรุงเทพมหานครเรามีคนที่มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่จำนวนมาก เป็นสัญลักษณ์ของคนไทยที่จะช่วยเหลือกันถ้าเราเป็นเมืองที่แบ่งปันได้ คนที่มีมากแบ่งปันให้คนที่ขาดแคลน เชื่อว่าสังคมจะอยู่ได้ โดย กทม. เราเป็นตัวกลางในการรับสิ่งของและส่งต่อให้กลุ่มที่ต้องการ สิ่งที่ทำมาทั้งหมดไม่ได้ใช้งบประมาณหลวงเลย เป็นจิตศรัทธาของคนจริงๆ วันนี้เปิด BKK Food Bank ครบ 50 เขตแล้ว แจกอาหารไปกว่า 2 ล้านมื้อ ลดขยะอาหารไปเกือบ 5 แสนกก. หัวใจสำคัญจากนี้จะให้เกิดความยั่งยืน เป้าหมายทำต่อไป แจกกลุ่มเปราะบางในบัญชี 23,000 กว่าคน ครบแล้วก็จะเวียนแจกอีกให้สามารถโอบกอดกลุ่มเปราะบางทุกคนให้ได้ สิ่งสำคัญที่จะทำให้ยั่งยืน คือเราต้องสร้างความไว้วางใจให้ผู้สนับสนุนหรือนำสิ่งของมาบริจาคว่าของจะส่งต่อถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการจริงๆ ต้องทำบัญชีบริหารจัดการอย่างโปร่งใส และห้ามมีการบังคับเอกชนให้มาบริจาค”ผู้ว่าฯ ชัชชาติกล่าว

ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ ได้เผยถึงที่มา BKK Food Bank ว่าได้ไอเดียจากที่ซีแอสเทิน มี Food Bank ให้เป็นบัตรเครดิตให้คะแนนเป็นครอบครัวนำไปช้อปปิ้งตามความต้องการที่ต่างกัน เปิดสัปดาห์ละ 2 วัน และที่ ญี่ปุ่น ให้ทุกคนรวมนักท่องเที่ยวด้วย สามารถไปหยิบของที่ขาดแคลนได้ เมืองไทยเราก็ทำได้ และเชื่อว่าอนาคตทั่วโลกจะมาดูงานที่กรุงเทพมหานคร เพราะเราเป็นเมืองที่มีน้ำใจที่แบ่งปันกัน และขอให้ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างประวัติศาสตร์ให้กรุงเทพมหานครมีศูนย์แบ่งปัน แสดงถึงความมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และความผูกพันกันของคนในเมือง กทม.จะเป็นสะพานบุญเชื่อมระหว่างคนที่บริจาคสามารถไปที่เขตได้ทั้ง 50 เขต และจะส่งต่อให้ถึงคนที่ขาดแคลน

ด้าน นายพรพรหม ณ.ส.วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงที่มาของโครงการฯ พร้อมสรุปผลดำเนินการว่า ปัจจุบันในกรุงเทพมหานครยังมีประชาชนกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ คนพิการผู้ป่วยติดเตียง ผู้มีรายได้น้อย ตกงาน รวมถึงผู้ประสบภัย ที่ยังขาดแคลนอาหารและเครื่องอุปโภค-บริโภคจำนวนมาก ขณะเดียวกันก็พบว่า 1 ใน 3 ของอาหารที่ผลิตเป็นอาหารส่วนเกิน (Food Surplus) และถูกทิ้งเป็นขยะทุกวัน และขยะที่มาจากอาหารคิดเป็น 50% ของขยะทั้งหมด กทม.จึงจัดทำโครงการ BKK Food Bank ธนาคารอาหารขึ้น โดยเป็นตัวกลางในการรวบรวมอาหาร เครื่องอุปโภค-บริโภค จากผู้ที่อยากแบ่งปันเพื่อนำไปมอบให้กับผู้ที่ขาดแคลน โดยจัดเป็นที่เก็บของคล้ายร้านสะดวกซื้อ และให้กลุ่มผู้เปราะบางที่อยู่ในฐานข้อมูลของแต่ละเขตมาเลือกของที่ต้องการ เช่น ข้าวสาร ไข่ น้ำปลา น้ำตาล เสื้อผ้า และของใช้ในชีวิตประจำวัน โดยนำแต้มที่เขตมอบให้มาแลกของที่ต้องการวันนี้ได้เปิดครบแล้วทั้ง 50 เขต หลังจากได้เริ่มนำร่องมาตั้งแต่ตุลาคม 2565 โดยเขตล่าสุด คือ เขตสะพานสูง

นอกจากนี้ สำนักงานเขตยังมีการรับ-ส่งต่ออาหารส่วนเกิน (Food Surplus) จาก “ผู้บริจาค ตรงสู่ ผู้รับ” ในพื้นที่และให้ความช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางครอบคลุมทุกกลุ่ม โดยรับอาหารส่วนเกินจากผู้บริจาค สัปดาห์ละ 3 วัน (ทุกวันอังคาร พุธ พฤหัสบดี) และส่งตรงถึงมือผู้รับ เป็นการร่วมมือกับภาคเอกชน ประชาชน ศาสนสถานสมาคม มูลนิธิต่างๆ ที่เป็นผู้บริจาค ซึ่งผู้ประสงค์จะบริจาคของให้กับ BKK Food Bank สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานเขตทุกเขต

ปัจจุบัน BKK Food Bank สามารถส่งต่ออาหารบริจาคได้ 444,869.98 กิโลกรัม หรือนับเป็นมื้อได้ 1,868,453 มื้อ ถึงมือผู้รับซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางแล้ว รวม 5,330 รายจากข้อมูลที่ลงทะเบียนไว้ 23,476 ราย กลุ่มที่เข้ามารับบริการมากที่สุด ได้แก่ ผู้สูงอายุ 36% ประชาชนผู้มีรายได้น้อย 33% เด็ก 12% ผู้ด้อยโอกาส 6% คนพิการ 5% เด็กในศูนย์เด็กเล็กฯ 4% ผู้ป่วยติดเตียง 3% และคนไร้บ้าน 1% ประเภทอาหารที่มีน้ำหนักมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ เบเกอรี่ 312,023.91 กก. อาหารปรุงสุกพร้อมทาน 34,664.62 กก. ข้าว 32,604.6 กก. ผักและผลไม้ 16,981.9 กก. น้ำเปล่า 14,552.21 กก. คิดเป็นปริมาณคาร์บอนที่ลดได้ 1,125,521.04 กิโลCO2e