น้ำท่วมทะลักเข้าตัวเมืองแล้ว
เชียงรายวิกฤต!
ระดับน้ำเพิ่มต่อเนื่องถึงชั้น2
เชียงใหม่เสียชีวิต6บาดเจ็บ3
แม่ฮ่องสอนเตือนระดับสีแดง
เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.เชียงราย ว่ามวลน้ำจำนวนมากยังคงไหลเข้าสู่พื้นที่ อ.เมือง จ.เชียงราย ส่งผลให้น้ำท่วมเขตเทศบาลดอยฮาง ต.ดอยฮาง ส่วนบ้านเรือนริมฝั่งน้ำถูกท่วมตลอดแนวจนถึงเทศบาลนครเชียงราย โดยน้ำยังท่วมเชิงสะพานขัวพญาเม็งราย ชุมชนเกาะลอย ถนนพหลโยธินขาออกเมืองบริเวณแยกสหมิตร โรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย ฯลฯ ชาวบ้านต่างต้องขนย้ายข้าวของขึ้นที่สูง ขณะที่ศูนย์ช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติ จ.เชียงราย ได้ตั้งโรงครัว ช่วยผู้ประสบภัย
ด้านสถานการณ์น้ำที่บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สาย เข้าสู่ภาวะวิกฤต เนื่องจากระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น โดยที่จุดผ่านแดนถาวรข้ามลำน้ำสาย แห่งที่ 1 น้ำได้ท่วมไปทั่วบริเวณ พื้นที่ชุมชนถูกน้ำท่วมถึงชั้น 2 ของอาคาร ชาวบ้านต้องอพยพออก โดยเฉพาะที่ซอย 4 และ 6 ถนนเหมืองแดง น้ำสูงท่วมศีรษะ และไหลเชี่ยวกราก การเข้าออกพื้นที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก มีชาวบ้านติดอยู่ตามจุดต่างๆ ท่ามกลางความเดือดร้อนเนื่องจากไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ อาหารและน้ำดื่ม เริ่มไม่เพียงพอ
ขณะเดียวกัน ทีมงานศูนย์ช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติ จ.เชียงราย แจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย หลังจากที่ทั้งหมดติดอยู่ในอาคาร นับตั้งแต่วันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ยังคงมีการระดมเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย เข้าช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัยอย่างเร่งด่วน มีการจัดหาเรือยางเพื่อใช้งานในจุดที่น้ำไหลเชี่ยว พร้อมกับจัดสถานที่พักพิงชั่วคราวให้กับชาวบ้าน ทั้งที่สำนักงานเทศบาล รองรับได้ 34 ราย ที่วัดพรหมวิหาร 37 ราย รวม 71 ราย นอกจากนี้ศูนย์ฯ แจ้งว่ามวลน้ำจากเขต อ.แม่ฟ้าหลวง จะไหลลงสู่พื้นที่ ต.โป่งผา และ ต.โป่งงาม อ.แม่สาย จึงขอให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมวลน้ำดังกล่าว
นอกจากน้ำที่ไหลเข้าท่วมตัวเมืองเชียงราย แล้ว บริเวณเส้นทางขึ้นดอยตุง สายเก่า โค้งจากบ้านขาแหย่งพัฒนา ยังเกิดดินสไลด์ทำให้ถนนทรุดตัว เจ้าหน้าที่จึงมีการแจ้งให้หลีกเลี่ยงเส้นทาง เช่นเดียวกับที่สะพานแม่น้ำคำ บ้านสามัคคีใหม่ หมู่ 13 ต.แม่ฟ้าหลวง ได้ถูกน้ำกัดเซาะจนตัดขาด จากสาเหตุฝนตกหนักและน้ำป่าไหลหลาก ทำให้รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรได้
ส่วนทางตำรวจภูธร จ.เชียงราย ได้ประกาศปิดสะพาน 3 แห่ง เนื่องจากปริมาณน้ำเอ่อท่วมสูง ดังนี้ สะพานเฉลิมพระเกียรติ สะพานขัวพญาเม็งราย และหัวสะพานฮ่องอ้อ (รถเล็กไม่สามารถผ่านไปได้) ขณะที่อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน พบว่าระดับน้ำในถ้ำได้ไหลล้นออกมาจนท่วมบริเวณด้านนอกถ้ำแล้ว ด้านสำนักชลประทาน จ.เชียงราย แจ้งว่าน้ำในแม่น้ำกก มีแนวโน้มสูงขึ้น จึงขอเตือนพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำดังกล่าวและบริเวณใกล้เคียง ให้เฝ้าติดตามระดับน้ำอย่างใกล้ชิด
ที่ จ.เชียงใหม่ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.เชียงใหม่ รายงานความคืบหน้าเหตุน้ำป่าหลาก ดินสไลด์ ในพื้นที่ อ.แม่อาย ว่าเกิดเหตุ 2 จุด มีผู้ประสบภัย 7 ราย เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 1 ราย และสูญหายอีก 4 ราย ส่วนกรณีที่พบศพเด็กทารกลอยมากับน้ำป่า อยู่ระหว่างตรวจสอบอัตลักษณ์และนำศพส่งไปชันสูตร เบื้องต้นทางฝ่ายปกครอง อ.แม่อาย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งค้นหาผู้ประสบภัยเพิ่มเติมแล้ว ท่ามกลางฝนที่ยังคงตกต่อเนื่อง กระแสไฟฟ้าขัดข้องและเป็นพื้นที่ซึ่งไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ทำให้ยากต่อการติดต่อสื่อสาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพระจากวัดผาสุกการาม (วัดไม้ลุงขน) ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ในวัดมีพระ 4 รูป สามเณร 8 รูป และญาติโยมที่มาทำบุญแล้วกลับออกไปไม่ได้ รวม 38 ชีวิต ยังคงไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือ ไม่มีภัตตาหาร ต้องประทังชีพ้ดวยของที่มีผู้มาทำบุญ จึงอยากขอให้เจ้าหน้าที่เร่งเข้าช่วยเหลือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ท.ธีรพงศ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร ผู้แทนกองบัญชาการกองทัพไทย ได้รับมอบน้ำดื่มซีพีและข้าวตราฉัตร จากนายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหารบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ภายใต้โครงการ ซีพี-ซีพีเอฟ ส่งอาหารจากใจสู้ภัยน้ำท่วม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบอุทกภัย ใน จ.เชียงราย โดยกำลังพลกองทัพไทย จะจัดส่งไปมอบให้พี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนโดยเร็วที่สุด
ที่ จ.แม่ฮ่องสอน นายทนงศักดิ์ นิรากรณ์ ผอ.ส่วนอุทกวิทยาที่ 3 แม่ฮ่องสอน ปฏิบัติราชการแทน ผอ.สำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 1 แม่ฮ่องสอน รายงานสถานการณ์น้ำในแม่น้ำปาย ว่าได้แจ้งข้อมูลเตือนภัยวิกฤต (สีแดง) ที่บ้านปางหมู ต.ปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ระดับน้ำสูง 6 เมตร (ระดับวิกฤต 5 เมตร) โดยสถานการณ์แม่น้ำปาย ที่บ้านปางหมู หมู่ 1 ต.ปางหมู น้ำปายและน้ำแม่สะงา เข้าท่วมพื้นที่การเกษตร ส่วนบ้านนาป่าแปก ต.หมอกจำแป่ เกิดเหตุดินถล่มทับเส้นทาง จนรถไม่สามารถสัญจรผ่านไปได้
นายสังคม คัดเชียงแสน นายอำเภอเมือง จ.แม่ฮ่องสอน ระบุว่า นับตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีฝนตกหนักต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร ถนนถูกตัดขาด ทั้งนี้ ได้แจ้งเตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำ ขนย้ายสิ่งของ สัตว์เลี้ยง และทรัพย์สินต่างๆ ขึ้นที่สูง ส่วนพื้นที่ใดที่เคยเกิดเหตุดินสไลด์ ให้พร้อมรับมือเหตุดังกล่าวที่อาจจะเกิดขึ้นได้เนื่องจากมีฝนตกหนักต่อเนื่อง
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำเขื่อนเจ้าพระยา ว่าได้มีการปรับลดการระบายน้ำลงท้ายเขื่อน เพื่อลดผลกระทบพื้นที่ลุ่มต่ำท้ายเขื่อน โดยปรับอัตราการระบายน้ำลงจากเดิม 1,498 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที ลงไปอยู่ที่ 1,449 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้พื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ ริมคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล บ้านบางหลวงโดด ต.บางบาล ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำเริ่มลดลง 10-20 เซนติเมตร แต่กรมชลประทาน ยังมีแผนจะปรับเพิ่มการระบายน้ำแบบขั้นบันได ไปที่เกณฑ์ 1,700 ลบ.ม./วินาที ในระยะ 4-5 วันข้างหน้า เพื่อบริหารจัดการมวลน้ำที่จะลงมาเพิ่มจากภาคเหนือ ประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ จึงควรเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำ
ด้านนายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม-11 กันยายน 2567 ในพื้นที่ 27 จังหวัด ว่าปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ใน 7 จังหวัด รวม 17 อำเภอ 97 ตำบล 450 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 14,328 ครัวเรือน ประกอบด้วย จ.เชียงราย เชียงใหม่ ตาก สุโขทัย พิษณุโลก อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา โดย ปภ.ได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยและแก้ปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน
ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศว่า ประเทศไทย ยังมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่งในบริเวณภาคเหนือ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
ขณะเดียวกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ภาคเหนือ ว่าแม้ขณะนี้ยังไม่สามารถสั่งการได้เนื่องจากยังไม่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา แต่ได้ติดตามข้อมูลตลอดเวลา และให้ทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมในเรื่องของการจัดการ ส่วนจุดไหนที่เป็นห่วงมากที่สุด ยอมรับว่าที่แม่สาย จ.เชียงราย สถานการณ์หนัก รวมถึงเวียงพางคำ เป็น 2 พื้นที่ซึ่งน้ำท่วมหนักมาก สำหรับกรณีที่มีผู้ติดอยู่ในพื้นที่น้ำท่วม ยังไม่สามารถช่วยเหลือออกมาได้นั้น ก็ต้องใช้เรือท้องแบน ขอให้รออีกนิด เพราะทุกฝ่ายได้เตรียมการแล้ว เท่าที่ได้รับรายงานมีประชาชนได้รับผลกระทบประมาณ 9,000 ครัวเรือน
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวว่ารัฐบาลมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัย ได้ส่งกำลังใจและอยากให้ทุกคนปลอดภัย ขณะนี้เนื่องจากรัฐบาลยังไม่สามารถสั่งการอะไรได้ ต้องรอจนกว่าจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งนายกฯ ก็จะมีอำนาจสั่งการได้ เบื้องต้นได้มีการมอบหมายให้ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ เตรียมเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมในวันที่ 12 กันยายนนี้ เวลา 14.00 น.ที่รัฐสภา ส่วนนายกฯ จะมีกำหนดการลงพื้นที่ จ.เชียงราย หรือไม่ ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ปัญหาน้ำท่วมจะเป็นปัญหาแรกที่เราจะทำทันที
ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ได้กำชับไปยังผู้บริหารในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้สนับสนุนการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมหนักใน จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่ ทั้งนี้ ได้ให้ผู้ว่าราชการทั้ง 2 จังหวัด ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมดำเนินการตามแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ลดผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนให้ได้มากที่สุด และต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสียจากภัยพิบัติในครั้งนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี