แม่น้ำโขงล้นฝั่งทะลักท่วมกลางดึก
'หนองคาย' วิกฤต
จมบาดาลอัมพาตทั้งเมือง
‘อิ๊งค์’ส่ง‘หนู’บินด่วนไปดูแล
เชียงรายน้ำลด/เตรียมบิ๊กคลีนนิ่ง
คาดศก.เสียหายกว่าพันล้าน
หนองคายหนีไม่พ้น แม่น้ำโขงล้นฝั่ง ระทึกท่วมเมืองกว่า 2 เมตร นายกฯอิ๊งค์ ส่งมท.1 บินด่วนไปบัญชาการช่วยเหลืออพยพคนเน้นความปลอดภัยในชีวิต ขณะที่
“เชียงคาน-ปากชม” จังหวัดเลย น้ำโขงทะลักจมพื้นที่การเกษตร ด้านเชียงรายน้ำเริ่มลดกองทัพเข้ากู้เมืองจัดบิ๊กคลีนนิ่ง คาดเศรษฐกิจเสียหายพันล้าน อุตุฯเตือนเหนือ อีสาน ฝนยังตกหนักถึง 17 กันยายน
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 14 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมที่จ.หนองคาย ระดับน้ำโขงยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง วัดที่ส่วนอุทกวิทยาหนองคายช่วงเช้าได้ 13.67 เมตร เพิ่มขึ้น 57 เซนติเมตร สูงกว่าตลิ่ง 1.47 เมตร ประกอบกับปริมาณน้ำฝนที่ตกหนักวัดได้ 156.5 เมตร แนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 16 กันยายน ทำให้ตัวเมืองหนองคายเกิดน้ำท่วมฉับพลัน
ทั้งนี้ หลายพื้นที่ของจ.หนองคาย ฝนตกหนักตั้งแต่ช่วงกลางดึกที่ผ่านมาจนถึงเช้าวันนี้ก็ยังไม่หยุด ท้องฟ้าปกคลุมด้วยกลุ่มเมฆฝน ทำให้น้ำโขงทะลักเข้าตัวเมืองหนองคาย ตั้งแต่ถนนริมโขง ดันเข้ามาถึงถนนมีชัย และถนนประจักษ์ศิลปาคม ใจกลางย่านเศรษฐกิจของจังหวัด ระดับน้ำสูงประมาณ 1 เมตร บ้านเรือนและร้านค้ารำกระสอบทรายมากั้น และยกของขึ้นที่สูง นำรถยนต์ไปจอดไว้ริมถนนพนังชลประทานหนองคาย-โพนพิสัย รถที่นำออกมาไม่ทันก็ถูกน้ำท่วมมิดล้อรถยนต์ เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำเรือท้องแบนออกให้ความช่วยเหลือ จากระดับน้ำโขงที่เพิ่มขึ้นสูงต่อเนื่อง ทำให้เอ่อล้นเขื่อนป้องกันตลิ่งและหนุนเข้าตามรอยต่อของเขื่อนป้องกันตลิ่งแม่น้ำโขง รวมกับน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างหนักตั้งแต่เที่ยงคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในตัวเมืองหนองคาย บ้านเรือนประชาชน ถนนสายหลัก และถนนสายรอง ซอยต่างๆตั้งแต่ 01.00-02.00 น. และน้ำเริ่มท่วมสูงเวลาประมาณ 03.00 น. จนขยายวงกว้างท่วมทั้งเมือง
เร่งกั้นกระสอบทราย-ย้ายของหนีน้ำ
ขณะที่ทหารจากกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 13 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรีนำกระสอบทรายมากั้นน้ำตามอาคารบ้านเรือนของประชาชนที่บ้านเวียงคุก ต.เวียงคุก อ.เมืองหนองคาย เนื่องจากกระแสน้ำโขงมาเร็วและแรง เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง บางจุดถูกน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร พร้อมทั้งช่วยชาวบ้านขนข้าวของไปไว้ที่ปลอดภัยตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ส่วนปศุสัตว์จังหวัดหนองคายขนย้ายวัวที่ติดอยู่บนเกาะดอนต่ำ กลางแม่น้ำโขง 102 ตัว กลับมาไว้บนฝั่งได้ทั้งหมด รวมถึงช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่นำไก่ออกจากฟาร์มที่กำลังจะถูกน้ำท่วม นอกจากนี้ อำเภอท่าบ่อเร่งช่วยเหลืออพยพผู้ป่วยติดเตียงออกจากพื้นที่น้ำท่วมแล้ว
ประกาศตัดไฟน้ำท่วมมิเตอร์
นอกจากนี้ น้ำที่ท่วมถนนและบ้านเรือนประชาชนในเขตเทศบาลเมืองหนองคายแล้ว ยังเอ่อล้นถนนเข้าท่วมโรงเรียนฮั่วเคียวกงฮัก หรือโรงเรียนจีน ริมถนนประจักษ์ศิลปาคมต้องขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง ขณะที่ยังมีฝนตกเป็นระยะ อีกจุดหนึ่งที่น้ำท่วมสูงคือถนนหน้าตลาดชัยพรที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ น้ำท่วมสูง 60-80 ซม. ขณะที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดหนองคายประกาศว่า ในเขตเทศบาลเมืองหนองคาย น้ำเริ่มท่วมตู้มิเตอร์ เคเบิลใต้ดินที่ตั้งริมฟุตปาธ การไฟฟ้าจึงตัดการจ่ายกระแสไฟฟ้าบางส่วน เพื่อความปลอดภัย ก่อนที่เวลาต่อมา จะประกาศงดจ่ายไฟในพื้นที่น้ำท่วมเขตเทศบาลเมือง
“เชียงคาน-ปากชม”จมบาดาล
ด้านนายกฤษณ์ แก้วทองหลาง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเลย รายงานสถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขงประจำวันศุกร์ที่ 14 กันยายนวัดเมื่อเวลา 07.00 น.ว่า แม่น้ำโขงจากอำเภอเชียงคาน และอำเภอปากชม วัดที่สถานีเชียงคาน สูง 16.32 เมตร เพิ่มขึ้นต่อเนื่องสูงกว่าระดับตลิ่ง 32 เซนติเมตร (ซม.) จนพื้นที่ของอำเภอเชียงคาน ตำบลบุฮม ตำบลเชียงคาน ตำบลปากตม ต.บุฮม น้ำเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ท่วมรีสอร์ตที่พัก 2 แห่ง พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง
สำหรับบริเวณประตูศรีสองรัก อ.เชียงคาน ระดับน้ำไม่สามารถไหลลงแม่น้ำโขงได้ เนื่องจากแม่น้ำโขงระดับสูงขึ้น ดันน้ำเข้ามาที่ประตูศรีสองรักน้ำย้อนกลับทางเดิม ลงแม่น้ำ ลำห้วย เอ่อท่วมพื้นที่การเกษตรของชาวบ้าน ส่วนที่สกายวอล์กเชียงคาน ต.ปากตม พบว่าแม่น้ำเหืองที่ไหลผ่านมาจากอำเภอท่าลี่ มาบรรจบกับแม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำ 2 สี พบว่าระดับแม่น้ำโขงเอ่อท่วมบ้านเรือนประชาชน ร้านอาหาร พื้นที่การเกษตร ที่ตั้งอยู่ริมน้ำเสียหายจมมิดหลังคาบ้านและร้านค้าแล้ว ด้านอำเภอปากชม ด่านตรวจคนเข้าเมือง และด่านศุลกากร บ้านโคกไผ่ หมู่ 6 อ.ปากชม จ.เลย ระดับน้ำแม่น้ำโขงเพิ่มขึ้น 0.06 เมตร พื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบจากแม่น้ำโขงเอ่อท่วม มี ต.ปากชม ต.ห้วยพิชัย ต.หาดคัมภีร์
นายกฯเกาะติดน้ำท่วมหนองคาย
วันเดียวกัน นส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวและ X ระบุว่า “ชาวหนองคาย ในจุดน้ำท่วม (ตัวเมืองหนองคาย ตั้งแต่ถนนริมโขง ดันเข้ามาถึงถนนมีชัย และถนนประจักษ์ศิลปาคม) รวมถึงจุดเสี่ยงภัย ขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ เมื่อวานดิฉันสั่งการให้ทุกหน่วยงานเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเรื่องการประเมินสถานการณ์ การแจ้งเตือนประชาชน และการให้ความช่วยเหลือ และวันนี้ยังติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เพื่อสั่งการได้ต่อเนื่องและทันท่วงที การบรรเทาภัยที่เข้าไปช่วยเหลือเมื่อคืนนี้คือ การจัดรถครัวสนามเพิ่มเติม จัดรถผลิตน้ำดื่มมาแจกจ่ายให้คนในพื้นที่ , เรือท้องแบน สำหรับขนย้ายสิ่งของและประชาชน และวันนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทยรวมถึงหน่วยงานความมั่นคง ลงพื้นที่จ.หนองคาย ติดตามสถานการณ์น้ำและสั่งการในการดูแลช่วยเหลือประชาชนใกล้ชิด
มท.1ขับเครื่องบินลุยตรวจน้ำท่วม
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ได้ขับเครื่องบินส่วนตัวนำคณะลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำและเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัยจ.หนองคาย โดยให้สัมภาษณ์ว่า ที่ได้รับรายงานเบื้องต้นสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดหนองคาย มีปริมาณน้ำสูง 1.40 เมตร ท่วมใน 5 อำเภอ เกิดจากปริมาณน้ำโขงสูงขึ้นจากการไหลมาจากจังหวัดเชียงราย หากมีฝนมาเติม จะทำให้มีน้ำท่วมสูงขึ้นอีกประมาณ 20-30 เซนติเมตร น้ำเอ่อล้นเข้าท่วมตัวเมือง การลงพื้นที่จ.หนองคาย วันนี้จะดูถึงแนวทางการป้องกันและเยียวยาประชาชนในพื้นที่ว่าจะทำได้อย่างไรบ้าง และถึงแม้ว่าจีนและลาวจะปล่อยน้ำจากเขื่อนลงแม่น้ำโขง แต่ความสามารถระบายน้ำยังระบายได้ดี ไม่เหมือนแม่น้ำสายเล็ก ที่มักมีสิ่งกีดขวาง ติดเกาะติดแก่ง ติดถนน ติดสะพาน
จีนไม่ปล่อยน้ำ-ไร้พายุรับมือไหว
“ดังนั้น หากไม่มีการระบายน้ำจากจีนและลาว หรือพายุเข้ามาเติมปริมาณน้ำ ก็จะบริหารจัดการน้ำได้ ไม่เกินความสามารถ”นายอนุทินกล่าว และว่า ส่วนการเตรียมแผนรับมือการอพยพประชาชนนั้น ถ้าเกิดสถานการณ์เช่นเดียวกับที่จ.เชียงราย เรื่องทรัพยากรเครื่องมือ เครื่องจักร อุปกรณ์และอาหาร ไม่มีปัญหา เนื่องจากเตรียมพร้อมไว้แล้ว อยู่ในแผนเผชิญเหตุของผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เตรียมแผนอพยพ ประชาชน และประชาสัมพันธ์ให้มากที่สุด ที่ผ่านมาประชาสัมพันธ์ แต่ไม่ได้ติดตาม ตรวจสอบแต่ละบ้าน เป็นเรื่องยากที่จะให้ประชาชนออกจากบ้านเรือน เนื่องจากมีทรัพย์สินอยู่ในบ้าน ถ้าไม่ถึงอยู่ในจุดที่ประชาชนอยู่ไม่ได้จริงๆจึงจะออกมา ตรงนี้ต้องจัดหาสถานอพยพที่อยู่ใกล้บ้านหรือสามารถมาดูแลบ้านได้ ที่สำคัญผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และอาสาสมัคร ต้องจัดเวรยามดูแลทรัพย์สินเพื่อให้ประชาชนมั่นใจ
ย้ำชีวิตประชาชนต้องมาก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจ.เชียงรายจะทำให้ง่ายต่อการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจมากขึ้นหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า อย่าไปบอกว่าง่าย ไม่มีอะไรง่าย แต่จะทำให้เจ้าหน้าที่รัฐมีเหตุผลในการทำความเข้าใจกับประชาชน สิ่งที่สำคัญที่สุดของต้องรักษาชีวิตของประชาชนก่อน ขณะเดียวกันก็ต้องเข้าใจประชาชน ไม่ต้องการรักษาทรัพย์สิน เจ้าหน้าที่รัฐต้องทำให้เกิดความปลอดภัยในทรัพย์สินของประชาชนที่ได้มากที่สุด เจ้าหน้าที่บ้านเมืองต้องเข้มงวดกวดขัน ยืนยันว่า ทุกจังหวัดเตรียมพร้อมรับมือเป็นอย่างดี รวมถึงการระดมความช่วยเหลือก็มีความพร้อมเช่นกัน แต่สิ่งที่กังวลปัจจุบันคือปริมาณน้ำ
ยันงบพร้อมทั้งเยียวยา-ภู้ภัย
ถามถึงการเยียวยาประชาชนหลังสถานการณ์น้ำเข้าสู่ปกติ เมื่อเทียบกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันถือว่าน้อยมาก เป็นไปได้หรือไม่ที่จะแก้ไขระเบียบให้เหมาะสม นายอนุทินกล่าวว่า คำว่าเยียวยาบอกอยู่ในตัวอยู่แล้ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ไม่ใช่การชดใช้ เชื่อว่าจากการที่นายกฯลงพื้นที่จ.เชียงรายเมื่อวันที่ 13 กันยายน ก็ได้เร่งอนุมัติงบประมาณช่วยเหลือทันที ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย จังหวัดละ 100 ล้านบาท และยังสั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลังไปดูแนวทางการเยียวยาบ้านเรือนประชาชนที่เสียหาย หารือกับสำนักงบประมาณ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนให้น้อยที่สุด
“ยืนยันว่ากระทรวงมหาดไทยให้ความมั่นใจกับประชาชน เพราะเมื่อมีการประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ ผู้ว่าราชการจังหวัด จะมีงบฯทดรองจ่าย เพื่อใช้ในการดูแลช่วยเหลือประชาชน และหากงบฯดังกล่าวหมด สามารถขอเพิ่มได้ ซึ่งจะเร็ว เพราะถือว่าเป็นความจำเป็นเร่งด่วน” นายอนุทิน กล่าว
มท.1สั่ง10จว.พร้อมรับท่วมฉับพลัน
นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) กระทรวงมหาดไทยกล่าวเพิ่มเติมว่า รมว.มหาดไทยสั่งการเร่งด่วนให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ซักซ้อมเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำหลาก น้ำท่วมขัง และน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดริมแม่น้ำโขง และจังหวัดที่มีปริมาณน้ำสูง 7 จังหวัดคือ เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี และจังหวัดที่รับมือน้ำท่วมมาก่อนหน้านี้ 3 จังหวัดได้แก่ จ.แพร่ น่าน และพะเยา เนื่องจากอิทธิพลจากร่องมรสุม ทำให้ประเทศไทยมีปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ช่วงวันที่ 14 - 18 กันยายนส่งผลให้ระดับน้ำในพื้นที่แม่น้ำโขงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ ที่ก่อให้เกิดผลกระทบกับความเป็นอยู่ของประชาชนจำนวนมาก และพายุโซนร้อนกำลังแรง ‘เบบินคา (BEBINCA)’ จะเลื่อนลงมาผ่านภาคเหนือตอนบน และตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ระหว่างวันที่ 14 - 17 กันยายน
มท.จับมืออว.ตั้งวอร์รูมอุทกภัย
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล โฆษกกระทรวงมหาดไทยเผยว่า กระทรวงมหาดไทยและ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดตั้งวอร์รูม (War Room) สื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ซึ่งมีความเสี่ยงต่ออุทกภัย ทั้งการคาดการณ์ การแจ้งเตือน เพื่อให้ทั้งผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ และประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดเจน เตรียมรับมือและเผชิญเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เมืองขอนแก่นจมฝนถล่มข้ามคืน
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จ.ขอนแก่น หลังจากเมื่อคืนวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมาถึงเช้าวันนี้ (14 กันยายน) ทั่วทั้งจังหวัดมีพายุฝนฟ้าคะนองอย่างหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ติดต่อกับเขตเทศบาลตำบลบ้านเป็ด น้ำท่วมขังถนนหลายสาย โดยเฉพาะบ้านกอก ตั้งแต่หน้ามหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไปจนถึงถนนศรีจันทร์ริมบึงหนองโคตร ซึ่งเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก ระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 30-50 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านได้ คาดว่าหากไม่มีฝนตกตกลงมาซ้ำช่วงนี้น้ำจะระบายลงได้จนเข้าสู่สถานการณ์ปกติภายในวันนี้ โดยนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น สนธิกำลังร่วมหลายหน่วยงานเร่งบริหารจัดการน้ำที่ท่วมขังทุกจุด เพื่อให้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ รองรับฝนที่คาดว่าจะตกมาอีกในระยะนี้
ส่วนเพจท่าอากาศยานนานาชาติขอนแก่นแจ้งเตือนหลังหลายสายการบินพาณิชย์แจ้งถึงผู้โดยสารที่จะทำการโดยสารที่ท่าอากาศยานนานาชาติขอนแก่น ให้เผื่อเวลาเดินทางอย่างน้อย 2 ชม. เนื่องจาก ถ.มะลิวัลย์ ขาเข้าและขาออก เส้นทางสายหลักจากตัวเมืองไปยังท่าอากาศยานฯมีน้ำท่วมขัง และมีสภาพการจราจรที่ติดขัดมาตั้งแต่ช่วงเช้าทีผ่านมา
แม่สายน้ำเริ่มลด-คาดเสียหายพันล.
ด้านสถานการณ์น้ำท่วมจ.เชียงรายเริ่มคลี่คลายแต่ยังต้องเฝ้าระวัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงเช้า ที่ชายแดนแม่สายมีฝนตกหนัก แต่ไม่ส่งผลทำให้น้ำเพิ่มมากนัก น้ำที่ท่วมชุมชนชายแดนแม่สายลดลงต่อเนื่อง ถนนที่จะเข้าไปยังชุมชนเกาะทราย ชุมชนไม้ลุงขนและชุมชนเกาะสวรรค์ ซึ่งเคยถูกน้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตรตอนนี้เดินเข้าออกได้แล้ว แต่ต้องใช้ความระมัดระวังสูง เนื่องจากโคลนเต็มพื้นที่ บางจุดน้ำไหลเชี่ยวชาวบ้านหลายพันคนที่ถูกน้ำท่วมสูงหลายวันยังเดือดร้อนหนัก บ้านบางหลังมีโคลนท่วมสูงเกือบ 2 เมตร ขณะนี้น้ำในลำน้ำสายที่กั้นชายแดนไทย-เมียนมา ลดลงเกือบ 1 เมตรจนเริ่มเห็นพนังกั้นน้ำแล้ว ทำให้น้ำที่ท่วมทั้งฝั่งไทยและเมียนมาลดลง ชาวเมียนมาฝั่งท่าขี้เหล็ก ซึ่งน้ำท่วมหนักเหมือนกัน เดินข้ามด่านชายแดนเข้ามาซื้ออาหารในฝั่งไทยได้แล้ว โดยการข้ามชายแดนตอนนี้ เจ้าหน้าที่อนุญาตให้เฉพาะการเดินข้ามสะพานเข้ามาเท่านั้น ยังไม่ให้รถทุกชนิดผ่าน ส่วนภาคเอกชนอย่างโรงแรมแม่โขงเดลต้า ใช้ห้องประชุมโรงแรมจัดเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราว ให้คนที่บ้านถูกน้ำท่วมเข้าพักฟรี มีอาหาร 3 มื้อและน้ำดื่มไว้บริการ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน
น.ส.ผกามาศ เวียร่า เจ้าของโรงแรมในฐานะประธานหอการค้าชายแดนแม่สายประเมินว่า น้ำท่วมชายแดนแม่สาย ท่าขี้เหล็กครั้งนี้ ความเสียหายจากการสูญเสียโอกาสทางการค้าอาจสูงถึง 1 พันล้านบาท
ทบ.ระดมทหารบิ๊กคลีนนิ่งแม่สาย
พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า บริเวณตลาดชายแดนด่านตรวจคนเข้าเมืองแม่สาย ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วม ส่งผลให้บ้านเรือน ร้านค้า และอาคารได้รับความเสียหาย และหลังจากน้ำลด ทิ้งโคลนดินตะกอนจำนวนมากบนถนนสายหลักและท่อระบายน้ำ ทำให้ประชาชนยังไม่สามารถสัญจรได้ตามปกติ กองทัพบก โดยกองพลพัฒนาที่ 3 และกรมการทหารช่าง ได้จัดส่งกำลังพลและยุทโธปกรณ์ รถเกรด รถตักบรรทุก รถบรรทุกขนาด 10 ตัน และรถฉีดล้างน้ำ เพื่อทำความสะอาดและจัดการขยะดินโคลน โดยการสนับสนุนจากมณฑลทหารบกที่ 37 กองทัพภาคที่ 3 พร้อมกำลังทหารจิตอาสาและประชาชน ร่วมกันทำบิ๊กคลีนนิ่ง โดยจะปฏิบัติต่อเนื่องในวันที่ 14-16 ก.ย.นี้ เพื่อเร่งฟื้นฟูพื้นที่ให้ประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว
ไทยยังมีฝนเพิ่มขึ้นตกหนักถึง17กย.
ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย และคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน ฉบับที่ 6 (187/2567) มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 14-17 กันยายน 2567โดยระบุว่า ช่วงวันที่ 14-17 กันยายน ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนระวังอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ทั้งนี้ เนื่องจากร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงกทม.และปริมณฑล เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้นเป็นกำลังค่อนข้างแรง คลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 20 กันยายน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี