ชาวบ้าน-คนชรา อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์  ต่างหวาดผวา หลังลูกชายผู้ช่วย ผญบ. ตระเวนงัดบ้านขโมยของทั้งกลางวันกลางคืน ชุดชั้นในก็ไม่เว้น ผช.ผญบ.อีกคนที่ตกเป็นเหยื่อโร่แจ้ง ตร.ดำเนินคดี แต่แม่แอบพาลูกหนี วอน จนท.เร่งจับกุมดำเนินคดี ชี้ถ้าแม่ไม่ได้รู้เห็นก็ควรพาลูกเข้ามอบตัว

14 ก.ย.67 ชาวบ้าน และผู้สูงอายุในตำบลโนนดินแดง อ.โนนดินแดง  จ.บุรีรัมย์ ต่างหวาดผวา หลังลูกชายผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่ง ในตำบลโนนดินแดง ตระเวนงัดบ้านเรือนประชาชน  เข้าไปขโมยทรัพย์สินมีค่าทั้งกลางวันกลางคืน แม้แต่ชุดชั้นในที่ตากไว้ก็ไม่เว้น  สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในพื้นที่

ล่าสุด ก่อเหตุงัดบ้าน น.ส.สมพร ยศศิริ  อายุ 41 ปี ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเหมือนกัน เข้าไปขโมยเอาทรัพย์สินมีค่าตอนกลางดึกของคืนวันที่ 25 ก.ย.67  ขณะที่ตนและลูกสาว อายุ 17 ปี นอนอยู่ในบ้าน โดยได้ขโมยเอาโทรศัพท์มือถือของลูกสาวที่เพิ่งซึ่งมาใหม่ราคาเกือบ 10,000 บาทหายไป รวมถึงกระเป๋าเอกสาร และเครื่องหมายประดับชุดราชการที่เก็บไว้ในลิ้นชักตู้เสื้อผ้าซึ่งเป็นของตนเองก็หายไปด้วย โดยมีร่องรอยการงัดแงะทั้งที่ประตูหลังบ้าน และหน้าต่าง จึงได้เข้าแจ้งความที่ สภ.โนนดินแดง

หลังแจ้งความตำรวจก็เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ และตรวจสอบตามร้านโทรศัพท์ ก็พบหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดว่าเป็นคนที่ขโมยมือถือไปล้างเครื่อง คือ นายเอ  (นามสมมติ) อายุประมาณ 38 ปี เป็นลูกชายของผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ซึ่งเคยมีประวัติถูกจับกุมคดียาเสพติดเมื่อ 3 ปีก่อน จากภาพกล้องวงจรปิดผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นแม่ก็อยู่ในร้าน ขณะที่ลูกชายเอามือถือไปล้างข้อมูลและติดฟิมล์หน้าจอใหม่

จากนั้น พนักงานสอบสวนก็ประสานไปยังผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ที่เป็นแม่ของผู้ต้องสงสัย พอเห็นภาพจากกล้องวงจรปิดก็จำนนต่อหลักฐาน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นแม่ก็รับปากว่าจะพาลูกชายไปพบตำรวจเอง และพร้อมจะชดใช้ให้คืนให้ แต่พอถึงวันที่นัดว่าจะพาลูกชายไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ กลับมีชาวบ้านเห็นว่าผู้เป็นแม่แอบพาลูกชายหนีออกนอกพื้นที่ไปแล้ว  จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี เพราะมีประวัติเสพยาเสพติด และลักขโมยของ โดยเฉพาะบ้านของตนเองอาศัยอยู่แต่ผู้หญิงก็กลัวว่าคราวหน้าจะไม่ลักขโมยแค่ทรัพย์สินมีค่า อาจจะก่อเหตุทำอันตรายด้วย

จากนั้น ทีมข่าวได้เดินทางไปยังบ้านผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ที่เป็นแม่ของผู้ต้องสงสัยก่อเหตุลักทรัพย์ พบว่าบ้านปิดล็อกเอาไว้ ไม่มีใครอยู่บ้าน ส่วนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน และติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาสอบสวน และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.