น้ำโขงสูงไหลเชี่ยว เรือโดยสารข้ามฟาก 2 แผ่นดินไทย-ลาวด้านนครพนมโอดแบกภาระเพิ่มเท่าตัว เจ้าท่าเข้มความปลอดภัย ห้ามบรรทุกเกินต้องมีอุปกรณ์ชูชีพทุกลำ

วันที่ 16 กันยายน 2567 ที่ จ.นครพนม ซึ่งเป็นจังหวัดที่รองรับมวลน้ำจากจังหวัดบึงกาฬ ย่อมเกิดผลกระทบจากระดับน้ำโขงสูง มีแนวโน้มจ่อล้นตลิ่ง ล่าสุดช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ตรวจวัดอยู่ที่ระดับประมาณ 11.70 เมตร เพิ่มจากตอนเช้า 5 เซนติเมตร โดยห่างจากจุดเฝ้าระวังเตือนภัยแค่ 30 เซนติเมตรคือที่ 12 เมตร ทั้งนี้ ปัญหาน้ำโขงเอ่อท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำ รวมถึงลำน้ำสาขาไม่สามารถไหลระบายลงโขงได้ อาจเสี่ยงเกิดน้ำโขงหนุนไหลท่วมซ้ำ หากมีฝนตกหนักต่อเนื่อง ซึ่งอุตุนิยมวิทยานครพนม ก็ยังไม่ฟันธงว่าฤดูฝนจะหมดในเดือนนี้ เพราะเป็นปีที่ฤดูน้ำหลากยืดยาวออกไป ขณะเดียวกันก็มีพายุก่อตัวขึ้นอีกลูกในทะเลจีนใต้ ถึงกระนั้นน้ำโขงยังไม่เอ่อไหลเข้าท่วมตัวเมือง ย่านเศรษฐกิจสำคัญทั้ง 12 อำเภอ

นอกจากนี้ยังพบว่าการที่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้น ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อบ้านเรือน เรือกสวนไร่นา รวมทั้งสัตว์เลี้ยง การหาปลารวมถึงการเดินเรือโดยสารข้ามฟากไทย-ลาว ก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกัน บริเวณพื้นที่จุดผ่อนปรนตลาดนัดไทยลาว อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ที่มีการขนส่งทางเรือโดยสารข้ามฟาก ทั้งผู้โดยสารรวมถึงขนส่งสินค้า เครื่องอุปโภค บริโภค ที่มีการติดต่อค้าขาย เปิดตลาดกระตุ้นเศรษฐกิจการค้าชายแดน ในทุกสัปดาห์ของวันจันทร์กับวันพฤหัสบดี

จากการสอบถามผู้ประกอบการเรือโดยสารข้ามฟากไทย-ลาว พบว่า ช่วงนี้น้ำโขงมีปริมาณสูง และไหลเชี่ยวกรากมาก ยังมีเศษไม้กิ่งไม้จำนวนมากไหลมากับมวลน้ำ จึงเป็นอุปสรรคในการเดินเรือ จำต้องแบกภาระค่าใช้จ่าย สิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้นเท่าตัว แต่ไม่สามารถเก็บค่าบริการเพิ่มได้ เนื่องจากไม่มีข้อตกลงในสัญญา ระหว่างหน่วยงานผู้อนุญาตกับผู้ประกอบการเดินเรือ และอาจกระทบการค้าชายแดน การเดินเรือในช่วงน้ำหลาก ต้องใช้ระยะเวลามากขึ้น เพราะต้องฝ่ากระแสน้ำเชี่ยว โดยทางด้านสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขานครพนม ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบความปลอดภัย กำชับผู้ประกอบการเดินเรือโดยสาร เรือท่องเที่ยว รวมถึงเรือประมงหาปลา เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และต้องมีอุปกรณ์ชูชีพทุกลำ และห้ามบรรทุกน้ำหนักเกิน พร้อมจัดเจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยทางน้ำ ในห้วงเวลาการเดินเรือระหว่างไทยลาว - 003