น้ำโขงหนุน-นาข้าวจมน้ำ7หมื่นไร่
จ่อท่วมนครพนม
6อำเภอหนองคายยังหนัก
อุตุฯเตือนรับฝนถล่ม17ก.ย.
กต.หารือประเทศลุ่มน้ำโขง
ร่วมมือแก้วิกฤตในระยะยาว
อุตุฯ เผยทั่วไทยมีฝนหนัก 17 กันยายนนี้ ด้าน สทนช.เตือนรับมือน้ำโขงเพิ่มสูง ขณะที่ รมว.ต่างประเทศ ถกประเทศลุ่มน้ำโขง แก้วิกฤตน้ำท่วม เล็งทำ MLC ร่วมบริหารจัดการน้ำระยะยาว ส่วนหนองคาย น้ำท่วม 6 อำเภอ ด้าน จ.นครพนม นาข้าวจมกว่า 7 หมื่นไร่ ส่วนพังงา พายุหมุนพัดถล่มบ้านพัง
เมื่อวันที่ 16 กันยายน กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย และคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน ฉบับที่ 9 (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 16-17 กันยายน 2567) ว่าประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย
อุตุฯชี้ภาคเหนือ-อีสานฝนหนัก
จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ดังนี้ วันที่ 16 กันยายน 2567 ภาคเหนือ จ.พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.เลย หนองบัวลำภู ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง จ.นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง ลพบุรี สระบุรี สมุทรสาคร นครปฐม และพระนครศรีอยุธยา รวมทั้ง กทม.และปริมณฑล ภาคตะวันออก จ.นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
ทั่วไทยยังมีผลกระทบถึง17ก.ย.
ส่วนในช่วงวันที่ 17 กันยายน 2567 ภาคเหนือ จ.เชียงราย พะเยา ลำปาง น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.เลย ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม รวมทั้ง กทม.และปริมณฑล ภาคตะวันออก จ.นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
อันดามัน-อ่าวไทยมีคลื่นลมแรง
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 20 กันยายน 2567
สทนช.เผยภาพรวมสถานการณ์น้ำ
ด้านสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ 1.ปริมาณฝนสะสม 24 ชั่วโมง สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ จ.น่าน (80 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.อุบลราชธานี (118) มม.) ภาคกลาง จ.สุพรรณบุรี (3 มม.) ภาคตะวันออก จ.ตราด (154 มม.) ภาคตะวันตก จ.กาญจนบุรี (53 มม.) และภาคใต้ จ.ระนอง (138 มม.)
ออกประกาศเตือนระดับน้ำโขง
2.สทนช.ประกาศ ฉบับที่ 14/2567 ลงวันที่ 11 กันยายน 2567 เรื่อง แจ้งเตือนระดับน้ำในแม่น้ำโขงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ในช่วงวันที่ 12-18 กันยายน 2567 ดังนี้ จ.เชียงราย บริเวณสถานีเชียงแสน อ.เชียงแสน ระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ประมาณ 0.50-0.70 เมตร ยังคงต่ำกว่าตลิ่ง 3.40 เมตร จ.เลย บริเวณสถานีเชียงคาน อ.เชียงคาน ระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ประมาณ 3.00-3.60 เมตร และคาดว่าระดับน้ำจะมีแนวโน้มสูงกว่าตลิ่ง 0.50-1.50 เมตร ช่วงวันที่ 13-16 กันยายน 2567 จ.หนองคาย บริเวณสถานีหนองคาย อ.เมือง และ จ.บึงกาฬ อ.เมือง ระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ประมาณ 3.50-3.90 เมตร และคาดว่าระดับน้ำจะมีแนวโน้มสูงกว่าตลิ่ง 1.50-2.50 เมตร ช่วงวันที่ 13-16 กันยายน 2567 จ.นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ประมาณ 2.00-2.60 เมตร ยังคงต่ำกว่าตลิ่ง 0.50-1.30 เมตร
ทั้งนี้ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดริมแม่น้ำโขง เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งและท่วมขังบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำโขงและริมลำน้ำบางสาขา
ระดมหน่วยงานบริหารจัดการน้ำ
3.สถานการณ์น้ำ สทนช.ระดมหน่วยงานเปิดศูนย์บริหารจัดการน้ำพื้นที่ภาคกลาง จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ปัญหาอุทกภัยอย่างเป็นเอกภาพในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ป่าสัก สะแกกรัง และท่าจีน พร้อมทั้งเฝ้าติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของมวลน้ำที่ไหลลงมาสู่ภาคกลาง เพื่อประเมินสถานการณ์แก้ไขปัญหาให้ทันท่วงที รวมถึงการแจ้งเตือนประชาชนหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อลดปัญหาการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน
ชี้ภาคกลางอ่างฯรองรับน้ำได้อีก
4.ปัจจุบันสถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำภาคกลาง ในภาพรวมของอ่างเก็บน้ำยังคงมีพื้นที่รองรับน้ำได้อีก และมีการเตรียมความพร้อมพื้นที่ทุ่งลุ่มต่ำ 11 ทุ่งเพื่อเตรียมไว้เป็นพื้นที่หน่วงน้ำ ขณะนี้กรมชลประทาน ได้สร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชนในพื้นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ประธานศูนย์บริหารจัดการน้ำ (ชั่วคราว) ภาคกลาง ได้กำชับให้หน่วยงานต่างๆ เตรียมความพร้อมของเครื่องจักรเครื่องมือที่จะช่วยระบายน้ำในกรณีที่เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ภาคกลางเพื่อลดผลกระทบให้ได้มากที่สุด และ 5.สถานการณ์อุทกภัย วันที่ 15 กันยายน 2567 ในพื้นที่ 13 จังหวัด ได้แก่ จ.แม่ฮ่องสอน จ.เชียงราย จ.น่าน จ.ตาก จ.สุโขทัย จ.พิษณุโลก จ.เพชรบูรณ์ จ.เลย จ.หนองคาย จ.อ่างทอง จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ปราจีนบุรี และ จ.สตูล
‘มาริษ’รุดหารือประเทศลุ่มน้ำโขง
วันเดียวกัน นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ (กต.) กล่าวถึงสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น และส่งผลกระทบต่อทั้งประเทศไทย เมียนมา ลาว และเวียดนาม ว่าได้หารือกับสถานทูตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อเร่งประสานงานกับฝ่ายเมียนมา เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมที่ไทย และเมียนมา ต่างประสบภัยอยู่ในขณะนี้ รวมถึงหารือถึงความร่วมมือในการขยายพื้นที่รับน้ำ เพื่อบรรเทาปัญหาอุทกภัยบริเวณตอนเหนือของประเทศไทย ตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมในประเทศเมียนมา ก็หนักอยู่มาก เนื่องจากพายุและน้ำหลากจากที่สูงไหลลงสู่แม่น้ำสาละวิน
ย้ำเป็นวิกฤตของหลายประเทศ
นายมาริษ กล่าวยืนยันว่า สถานทูตไทยกำลังเร่งประสานงาน เพื่อให้หน่วยงานด้านน้ำของทั้ง 2 ประเทศ หารือในรายละเอียดด้านเทคนิค ว่ามีพื้นที่ใดที่จะสามารถขยายให้เป็นพื้นที่รองรับน้ำได้อีก เพื่อร่วมกันแก้ปัญหา พร้อมระบุว่า สถานการณ์น้ำเป็นวิกฤตของทุกประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง ตนทราบด้วยว่า สถานการณ์อุทกภัยเมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ร้ายแรงที่สุดในรอบ 30 ปี แม้ว่าจะขุดลอกท่อและเก็บกวาดขยะออกไปก่อนฤดูฝนแล้ว แต่ด้วยสถานการณ์ที่ฝนตกหนัก ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันตามบริเวณแม่น้ำสาย ซ้ำยังมีสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำแม่น้ำสาย จากทั้งฝ่ายไทย และฝ่ายเมียนมา ในหลายพื้นที่ ทำให้ความกว้างของแม่น้ำสายแคบลง และเกิดการตื้นเขินซ้ำเติมปัญหาการระบายน้ำมากยิ่งขึ้น ดังนั้นในระยะยาว ได้เตรียมเสนอความร่วมมือด้านการบริหารจัดการน้ำผ่านกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง MLC ต่อไป
รมว.ต่างประเทศเสียใจมีผู้สูญเสีย
ทั้งนี้ นายมาริษ ได้แสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยทั้งในประเทศไทย เมียนมา ลาว และเวียดนาม พร้อมกับเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ในการเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย และขอให้สถานการณ์คลี่คลายกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
หนองคายน้ำท่วมแล้ว6อำเภอ
ที่ จ.หนองคาย สถานการณ์น้ำโขงล้นตลิ่งยังขยายวงกว้าง โดยน้ำท่วมแล้ว 6 อำเภอ ริมแม่น้ำโขง ตั้งแต่ตอนเหนือของแม่น้ำโขง ได้แก่ อ.สังคม อ.ศรีเชียงใหม่ อ.ท่าบ่อ อ.เมือง อ.โพนพิสัย และ อ.รัตนวาปี ระดับน้ำโขงวัดที่ส่วนอุทกวิทยาหนองคาย อยู่ที่ 13.58 เมตร สูงกว่าตลิ่ง 1.38 เมตร ปริมาณน้ำฝน 31.1 มม. ขณะที่คืนที่ผ่านมา มีฝนตกหนักกระจายในหลายพื้นที่
ผู้ว่าฯหนองคายรุดสำรวจพื้นที่
นายสมภพ สมิตะสิริ ผวจ.หนองคาย นายสุชาติ ทอนมณี นายอำเภอเมืองหนองคาย พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ออกสำรวจพื้นที่บริเวณพระธาตุหล้าหนอง ชุมชนวัดธาตุ เขตเทศบาลเมืองหนองคาย ซึ่งเป็นจุดที่ต่ำที่สุดริมแม่น้ำโขง อีกทั้งเคยเกิดเหตุถนนทรุดตัวเป็นช่องขนาดใหญ่กลางถนน เนื่องจากน้ำโขงกัดเซาะ เมื่อเกิดน้ำท่วมรอบนี้ เจ้าหน้าที่ได้กั้นกระสอบทรายเป็นแนวกำแพง แต่ถูกน้ำซัดทำให้กำแพงกระสอบทรายพังหลายครั้ง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้เร่งซ่อมแซมให้มั่นคงขึ้น
สำหรับบริเวณพระธาตุหล้าหนอง น้ำเริ่มลดลง ระบายน้ำได้ดีขึ้น แต่น้ำโขงยังไหลเอ่อตามท่อระบายน้ำกระจายไปยังชุมชนต่างๆ เช่น ซอยผึ้งน้อย ด้านหลังโรงแรมแกรนด์ ซอยชุมชนดอนมน บางจุด ส่วนที่ถนนประจักษ์ศิลปาคม ระดับน้ำท่วมยังทรงตัวอยู่ที่ 60-80 เซนติเมตร
เทศบาลเมืองหนองคายน้ำเริ่มลด
นายสมภพ กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมโดยเฉพาะเขตเทศบาลเมืองหนองคาย มีแนวโน้มดีขึ้น จากจุดพื้นที่ต่ำบริเวณพระธาตุหล้าหนอง น้ำลดลงมาก การเสริมกำลังในส่วนของกระสอบทรายเป็นคันกั้นน้ำที่พังลงมา ได้ซ่อมแซมแล้ว อุทกวิทยาหนองคาย รายงานให้ทราบว่าปริมาณฝนน้อยลง ภาพรวมน้ำจะลดลง ตนจึงกำชับให้หน่วยงานต่างๆ ให้เฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพื้นที่ซึ่งยังน่าเป็นห่วง คือ อ.ศรีเชียงใหม่ ส่วนที่ อ.โพนพิสัย และ อ.รัตนวาปี ยังมีพื้นที่ประสบอุทกภัยเพิ่มเติม
ตั้งโรงครัวพระราชทานช่วยเหลือ
ผวจ.หนองคาย กล่าวต่อว่า สำหรับการช่วยเหลือ ทันทีที่เกิดเหตุอุทกภัย ได้จัดตั้งครัวสนามสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ พระราชทานถุงยังชีพ 2,000 ถุง มีถุงยังชีพจากสภากาชาดไทย หน่วยงานต่างๆ มาช่วย โรงครัวพระราชทานก็เข้ามา แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าช่วยเหลือและบินสำรวจพื้นที่ พบว่าทั้งสองฟากถนน มีปริมาณน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรและที่อยู่อาศัย คาดการณ์ว่าหาก จ.หนองคาย ไม่มีฝนตกหนัก น้ำโขงก็ลดลง และจะเข้าดูแลพื้นที่เปราะบางหลายๆ ส่วน
เร่งฟื้นฟูพื้นที่จัดบิ๊กคลีนนิ่งเดย์
“วันนี้น้ำเริ่มลดลงเรื่อยๆ ถ้าน้ำลดลงต่อเนื่อง ไม่น่าจะเกิน 10-14 วัน จะเร่งฟื้นฟูพื้นที่ จะมีการบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ เพื่อคืนรอยยิ้มให้ชาวหนองคาย ไปตรวจเยี่ยมทุกพื้นที่ชาวบ้านยังยิ้มได้ เราประสบปัญหาอุทกภัย ก็มีน้ำใจคนหนองคาย มาช่วยเหลือซึ่งกันและกัน รวมทั้งยังส่งไปช่วยเหลือชาวเชียงราย ที่ประสบอุทกภัยหนักกว่ามาก ขอขอบคุณอาสาสมัครกู้ภัยทุกหน่วยงาน ที่เสียสละมาช่วยเหลือ” นายสมภพ กล่าว
นครพนมยังมีน้ำท่วมหลายจุด
ที่ จ.นครพนม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำโขง เอ่อล้นตลิ่ง ส่งผลกระทบในหลายพื้นที่ โดยระดับน้ำจ่อถึงจุดวิกฤต อยู่ที่ 11.65 เมตร จึงมีการปักธงแดง เตือนภัยในเขตเทศบาลเมืองนครพนม และขอให้ประชาชนทั้ง 25 ชุมชน เตรียมความพร้อมรับมือน้ำ ส่วนพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อ.บ้านแพง อ.ท่าอุเทน อ.เมือง และ อ.ธาตุพนม ยังสามารถรองรับน้ำ เนื่องจากไม่มีฝนตกเพิ่มปริมาณน้ำ ทำให้น้ำส่วนใหญ่เป็นน้ำจากภาคเหนือ และส่งผลกระทบเพียงพื้นที่ลุ่มต่ำที่อยู่ใกล้ลำน้ำโขง
กระทบนาข้าวแล้วกว่า7หมื่นไร่
สำหรับภาพรวมในพื้นที่ จ.นคพรนม ได้รับผลกระทบหนักสุด คือพื้นที่ติดลำน้ำสาขา สายหลัก เช่น ลำน้ำอูน ลำน้ำสงคราม ที่ไหลมารวมกันที่ อ.ศรีสงคราม ก่อนจะไหลลงน้ำโขง บริเวณ ต.ไชยบุรี อ.ท่าอุเทน ทำให้น้ำไหลระบายได้ช้า เกิดการเอ่อล้นเข้าสู่พื้นที่การเกษตรโดยเฉพาะนาข้าว ซึ่งได้รับผลกระทบแล้วกว่า 70,000 ไร่ และพื้นที่เลี้ยงสัตว์ โดยนายสามารถ อ่อนสองชั้น ปศุสัตว์จังหวัดนครพนม ร่วมกับนายพินิจ ศรีเจริญ ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์นครพนม ได้ส่งมอบหญ้าอาหารสัตว์พระราชทาน เพื่อเตรียมพร้อมก่อนเกิดอุทกภัย ตามจุดเสี่ยงที่จะเกิดจากมวลน้ำเพิ่มสูงใน 4 อำเภอ ได้แก่ อ.บ้านแพง อ.ท่าอุเทน อ.เมือง และ อ.ธาตุพนม รวมทั้งเตรียมช่วยเหลือชดเชยเยียวยา กรณีมีสัตว์เลี้ยงล้มตายจากอุทกภัยต่อไป
พ่อเมืองนครพนมเร่งช่วยเหลือ
ด้านนายวันชัย จันทร์พร ผวจ.นครพนม สั่งการให้ทั้ง 4 อำเภอที่อยู่ติดแม่น้ำโขง คือ อ.บ้านแพง อ.ท่าอุเทน อ.เมือง และ อ.ธาตุพนม รวมทั้ง อ.ศรีสงคราม ซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำสงคราม ที่เป็นลำน้ำสาขา เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะเป็นพื้นที่รับผลกระทบมากกว่าอำเภออื่นๆ พร้อมประกาศแจ้งเตือนประชาชนเป็นระยะๆ โดยกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามสถานการณ์ระดับน้ำแม่น้ำโขงที่เพิ่มขึ้นอย่างใกล้ชิด เตรียมเครื่องจักรกล เครื่องมือ อุปกรณ์ กำลังพลให้พร้อมช่วยเหลือทันทีตลอด 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ จ.นครพนม มีพื้นที่ได้รับผลกระทบแล้ว 6 อำเภอ 25 ตำบล 157 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 11,638 คน รวม 4,500 ครัวเรือน ข้าวนาปีล่มกว่า 70,000 ไร่ ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ อ.ศรีสงคราม และ อ.นาทม ซึ่งอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย
พายุหมุนพัดถล่มในพื้นที่พังงา
อีกด้านหนึ่ง ที่ จ.พังงา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสิริธร บัวแก้ว รองนายกเทศมนตรี ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ได้รายงานเหตุว่าเกิดพายุหมุนพัดถล่มบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่หมู่ 4 ซอยบนเขาทุ่งขมิ้น ต.คึกคัก ทำให้หลังคาบ้านปลิวว่อนกระจายไปทั่ว เสาไฟฟ้าโค่นล้ม และต้นไม้หักโค่น แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่บ้านเรือนได้รับความเสียจำนวนมาก
จนท.รุดเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน
ภายหลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่เทศบาล ต.คึกคัก ได้เร่งเข้าให้การช่วยเหลือเก็บข้าวของและสิ่งของเครื่องใช้ภายในบ้านพัก ตรวจสอบความเสียหายและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุวาตภัย เกิดลมกระโชกแรง โดยการช่วยเหลือเบื้องต้น ทางเทศบาล ต.คึกคัก กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จิตอาสา การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และทางอำเภอตะกั่วป่า ได้ช่วยรื้อถอนสิ่งกีดขวางต่งๆ เพื่อเคลียร์พื้นที่แล้ว พร้อมสนับสนุนเจ้าหน้าที่และวัสดุในการซ่อมแซมต่อไป
ฝนยังตกต่อเนื่องเติมปริมาณน้ำ
ขณะเดียวกัน ในพื้นที่ จ.พังงา ยังคงมีฝนตกหนักต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ทางศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันตก ได้ออกประกาศฉบับที่ 5 (40/2567) เรื่อง ฝนตกหนักและคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามัน ช่วงวันที่ 16-19 กันยายน 2567 มรสุมตะวันตกเฉียงไต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมบริเวณทะเลอันดามันและภาคใต้ฝังตะวันตก ทำให้บริเวณภาคใต้ฝังตะวันตก มีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ บริเวณ จ.ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักถึงหนักมาก จนอาจจะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก
สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเล มีคลื่นสูง 2-3 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณ ที่มีฝนฟ้าคะนองสำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี