‘ทวี’ย้ำคดีตากใบ
อำนาจของตำรวจ
ตามจับตัวผู้ต้องหา
ก่อนหมดอายุความ
“ทวี”เกาะติด“คดีตากใบ”ระบุเป็นอำนาจตำรวจ จับกุมตัวตามหมายศาล ก่อนคดีหมดอายุความ ชี้ 6 ผู้ต้องหาบริสุทธิ์ หากศาลยังไม่ชี้ขาด
เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 17 กันยายน 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องในคดีสลายการชุมนุม อ.ตากใบ จ.นราธิวาส จำนวน 6 คน ซึ่งมีอดีตแม่ทัพภาคที่4และปัจจุบันเป็น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) นอกจากนี้ ยังมีอดีตตำรวจและอดีตผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งคดีกำลังคดีกำลังจะหมดอายุความปลายเดือนต.ค.นี้ ว่า ในรัฐธรรมนูญปี 2560 มีข้อแตกต่างจากรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา โดยระบุว่า อำนาจของศาล หากจะจับกุมใครเพื่อไปดำเนินคดี ไม่ต้องขออนุญาตรัฐสภา ซึ่งกรณีที่ประชาชนฟ้องเอง ไม่ว่าจะ สส.หรือ สว.ศาลมีอำนาจออกหมายจับดำเนินคดีได้โดยไม่ต้องขออนุญาตสภา แต่มีเขียนไว้อยู่ช่วงหนึ่งในเรื่องของการประสานงาน ว่าต้องไม่เป็นการขัดขวางการประชุมสภา
“ดังนั้นคดีตากใบ ถ้าศาลออกหมายจับมา ซึ่งปกติศาลต้องส่งไปให้ตำรวจจับกุม ส่วนปัจจุบันที่ยังเป็นสมัยประชุมนั้น ก็ไม่เกี่ยวกัน ตำรวจมีอำนาจเต็ม ดังนั้นอาจมีการเข้าใจคลาดเคลื่อน เพราะรัฐธรรมนูญ 2560 ระบุชัดว่าไม่จำเป็นต้องขออนุญาตสภา แต่ศาลจะมีการประสานงานว่าตรงกับสมัยประชุมหรือไม่ เพราะมีเงื่อนไขว่าต้องไม่ขัดขวางการวาระประชุม หากพูดทำนองนี้ก็คือการให้ประกัน” พ.ต.อ.ทวี กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากตำรวจไม่จับกุมก่อนที่คดีจะหมดอายุความ จะสิ้นสภาพไปอัตโนมัติใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ศาลต้องทำ ซึ่งปัจจุบันได้ออกหมายจับมาแล้ว
เมื่อถามว่า วันไหนที่ไม่มีประชุมสภา สามารถจับกุมได้เลยใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ถ้ามีหมายจับก็ต้องจับกุม เพียงแต่ว่าต้องมีการประสานงานไม่ให้ขัดขวางการประชุม เช่น ไปปรากฏตัวต่อศาลก็จะให้ประกันตัว เพราะรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด ทุกองค์กรต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ กฎหมายและการปฏิบัติจะขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญได้ให้อำนาจศาลเด็ดขาดสามารถดำเนินคดีได้
เมื่อถามว่า กลุ่มที่ถูกจับกลุ่มต้องไปต่อสู้ในชั้นศาลใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า หากศาลยังไม่ตัดสินถือว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ เมื่อถามย้ำว่า ในระหว่างการต่อสู้คดี แล้วคดีหมดอายุ ถือว่าคดีจบไปเลยหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เมื่อคดีไปถึงศาล การนับอายุความก็เลิกแล้วเท่ากับเป็นการนับหนึ่งใหม่
เมื่อถามว่า คดีนี้มีอดีตแม่ทัพภาคที่4และเป็นสส.พรรคเพื่อไทย มีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่จะแสดงความรับผิดชอบในการไปสู้คดี พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ในขณะเกิดเหตุเขาไม่ได้เป็น สส.แต่ตอนนี้หากมีหมายศาลให้จับกุม ไม่ว่าเป็นใครตำรวจก็ต้องจับกุม ซึ่งรัฐต้องปฏิบัติตามและบังคับใช้ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และในฐานะ รมว.ยุติธรรม ก็ต้องติดตาม
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กรณีที่ศาลนราธิวาส มีหนังสือด่วนที่สุดถึงประธานสภาฯ เพื่อขอให้พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีตแม่ทัพภาคที่4 ในฐานะจำเลยที่ 1 ในคดีตากใบ สละสิทธิความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ 125 หลังจากที่ศาลมีหนังสือขออนุญาตจับกุมไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้สภาฯยังไม่ได้รับหนังสือขอตัวจากศาล แต่หากมีหนังสือขอมาแล้วจะให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ มาตรา 125 วรรคสองหรือวรรคสามหรือไม่ ซึ่งต้องรีบพิจารณาโดยเร็ว รัฐธรรมนูญ มาตรา 125 นั้น ยังมีวรรคสี่ ที่กำหนดให้ศาลพิจารราคดีในระหว่างสมัยประชุมได้ แต่ต้องไม่เป็นการขัดขวางหรือต้องไม่เกิดความเสียหายต่อการที่สมาชิกจะมาประชุม ดังนั้นศาลจึงดำเนินคดีสมมาชิกในสมัยประชุมหรือนอกสมัยประชุมก็ได้ เพื่อให้เห็นว่าอำนาจนิติบัญญัติและตุลาการแยกปฏิบัติได้ ดังนั้นการปฏิบัติแล้วแต่ศาลจะปฏิบัติอย่างไร
“มีตัวอย่างคดีการล้มประชุมอาเซียนที่พัทยา พบว่านายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลย ศาลได้ดำเนินคดีระหว่างสมัยประชุม แต่ไม่ได้ดำเนินคดีหรือจับกุม และนายอดิศรส่งทนายไปแทน ดังนั้นอยู่ที่ดุลยพินิจของศาล ซึ่งศาลหากศาลขอตัวกับสภาฯ ในสมัยประชุม ต้องบรรจุวาระพิจารณา ทั้งนี้ตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญ 2560 ศาลยังไม่เคยขอตัวมา” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว
เมื่อถามว่า กรณีดังกล่าาวต้องฟังนโยบายจากพรรคเพื่อไทยหรือรัฐบาลหรือไม่ ประธานสภาฯ กล่าวว่า ไม่มีนโยบายจากไหน สภาต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และเรื่องนี้อยู่ในรัฐธรรมนูญและข้อบังคับสภา ระบุว่าหากศาลส่งมาต้องบรรจุในวาระและพิจารณา ซึ่งข้อบังคับเป็นของเก่า แต่รัฐธรมนูญ วรรคท้ายบอกว่าศาลทำได้ รวมถึงการจับกุมด้วย เมื่อถามถึงการลาประชุมของ พล.อ.พิศาล ที่พบว่ามีจำนวนบ่อยครั้ง ประธานสภาฯ กล่าวว่า หนังสือจะส่งแค่สำนักงาน แต่ยังไม่มาถึงตน หากมีเหตุผลสามารถลาไปได้ เป็นสิทธิของ สส. ส่วนจำนวนกี่ครั้งนั้นต้องเป็นไปตามเงื่อนไข ลาอย่างไร ลาป่วย ลากิจ ลาภารกิจได้กี่วัน
ด้าน ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในกรณีที่จะดำเนินคดีในสมัยประชุมศาลต้องขออนุญาตสภาฯ เพราะเป็นไปตามหลักความคุ้มกันของสส. และเมื่อมีหนังสือเป็นหมายเรียกสำนักประชุมจะกราบเรียนประธานสภาฯ เพื่อบรรจุวาระขออนุญาตดำเนินคดีกับ สส. ส่วนการอนุญาตหือไม่เป็นดุลยพินิจของสภา ทั้งนี้ที่ผ่านมามีกรณี ที่สส.แสดงความบริสุทธิ์ไม่ประสงค์ใช้ความคุ้มกัน แต่ปกติสภาจะไม่อนุญาต เพราะมองในภาพรวมของสถาบันนิติบัญญัติ ที่ต้องมีหลักประกันในการปฎิบัติหน้าที่ เรียนกว่าหลักความคุ้มกัน จะไม่อนุญาต แม้จะสละสิทธิ
“รัฐธรรมนูญมาตรา125ระบุว่า ในระหว่างสมัยประชุม ต้องขออนุญาตและบรรจุวาระ ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่ประชุมจะเลื่อนวาระมาพิจารณาหรือไม่ ส่วนกรณีที่ปิดสมัยประชุมไปแล้ว ไม่ต้องขออนุญาตเพราะหลักการคุ้มกันกำหนดให้ทำในระหว่างสมัยประชุม หากทำหนังสือมาช่วงสมัยประชุมแต่ปิดสมัยประชุมไปแล้วนั้นจะบรรจุว่าไม่มีความจำเป็นต้องบรรจุ เพราะปิดสัยประชุม จากนั้นจะแจ้งศาลให้ทำหมายเรียกไปยังตัวบุคคลโดยตรง” ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ กล่าว เมื่อถามถึงสิทธิการลาประชุม เลขาธิการสภาฯ กล่าวว่า สส.ขาดประชุมหรือลา ต้องมีหนังสือแบบฟอร์มระบุเหตุผล การอนุญาตนั้น ประธานสภาฯจะเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจว่ามีเหตุผลสมควรจะอนุญาต ปกติใช้หลักความยืดหยุ่น หากวันประชุมแต่ไม่ได้มา มาแจ้งภายหลังได้ โดยปกติแล้วสำนักงานจะมีรายละเอียดการลาของ สส.แจ้งให้ประธานสภาฯ ทราบตามกรอบเวลา ส่วนพล.อ.พิศาล ทำหนังสือลามากครั้งหรือไม่ เรื่องอยู่ที่สำนักงานบริหารงานากลาง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี