นายชูชาติ รักจิตร อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 43,634 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) 57% ของความจุอ่างฯ รวมกัน สามารถรับน้ำได้อีก 32,703 ล้าน ลบ.ม.เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 11,138ล้าน ลบ.ม.(45% ของความจุอ่างฯรวมกัน) สามารถรับน้ำได้อีก 13,733 ล้าน ลบ.ม.

ในส่วนของแม่น้ำเจ้าพระยา ที่สถานี C.2 อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำไหลผ่านอยู่ในอัตรา 1,206 บ.ม.ต่อวินาที ทางกรมชลประทาน ได้รับน้ำจากพื้นที่ตอนบนเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมควบคุมการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท รองรับปริมาณน้ำที่จะเพิ่มขึ้นจากฝนที่ตกในระยะนี้ ซึ่งจะทำระดับน้ำท้ายเขื่อนเพิ่มขึ้น โดยมีพื้นที่เฝ้าระวังระดับน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ต.หัวเวียง อ.เสนา , ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย)ด้านพื้นที่ลุ่มน้ำป่าสัก ที่มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง มีการทยอยปรับการระบายน้ำเพื่อควบคุมระดับน้ำในอ่างฯ ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมอีกประมาณ 20-30 เซนติเมตร โดยระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นยังอยู่ในลำน้ำ ไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ริมตลิ่ง