อุตุฯเตือนรับมือฝนหนัก20-23ก.ย.
พายุถล่มทั่วไทย
หนองคายฝนตกซ้ำท่วมอีก
เชียงรายปชช.เริ่มบิ๊กคลีนนิ่ง
ตรังคลื่นซัดบ้านพัง15หลัง
กทม.พร้อมรับฝน-น้ำเหนือ
กรมอุตุฯเตือนพายุ“ซูลิก”ส่งผลให้ทั่วไทยฝนตกหนัก ช่วง 20-23 กันยายนนี้ ปภ.รายงานยังมีน้ำท่วม6 จังหวัด ดับแล้ว 14 ศพ หนองคายฝนถล่มเติมน้ำ ท่วมพื้นที่ซ้ำ แม่ฮ่องสอน น้ำป่าซัดโรงเรียนเสียหายยับ ส่วน กทม.พร้อมรับมือฝน-น้ำเหนือ เฝ้าระวังพื้นที่ริมเจ้าพระยา ขณะที่ตรัง คลื่นซัดบ้านพัง 15 หลัง ชาวบ้านหนีตาย โอดไร้ภาครัฐช่วยทำพนังกันคลื่น ‘ภูมิธรรม’ปรับเกณฑ์ใช้งบ 3 พันล้าน ช่วยน้ำท่วม
เมื่อวันที่ 19กันยายน กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเรื่อง พายุ “ซูลิก” ฉบับที่ 9 ระบุว่าพายุดีเปรสชันบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน ได้ทวีกำลังขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “ซูลิก” แล้ว โดยมีศูนย์กลางอยู่ห่างจากทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองกวางตรี ประเทศเวียดนามประมาณ 90 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลางคืนในวันเดียวกันนี้ จากนั้นจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ
พายุ‘ซูลิก’ส่งผลทั่วไทยฝนหนัก
ลักษณะเช่นนี้ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแรงในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกทม.และปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่ม ส่งผลกระทบช่วงวันที่ 20-23กันยายน2567
อันดามัน-อ่าวไทยคลื่นลมแรง
สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 4 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันและเวลาดังกล่าว
ปภ.เผยยังมีน้ำท่วมใน6จังหวัด
ด้านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่าระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม–19 กันยายน 2567 เกิดสถานการณ์น้ำท่วมใน 30 จังหวัด รวม 153 อำเภอ 704 ตำบล 3,747 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 147,744 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิตรวม 45 ราย และได้รับบาดเจ็บรวม 24 คน ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 6 จังหวัด รวมพื้นที่ได้รับผลกระทบ 31 อำเภอ 165 ตำบล 910 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 33,667 ครัวเรือน
สทนช.เตือนนครพนมรับมือน้ำ
ขณะที่ ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมหน่วยบริหารจัดการน้ำ ครั้งที่ 9/2567ที่ศาลากลางจังหวัดหนองคาย โดยพิจารณาการบริหารจัดการอ่างเก็บน้ำและแม่น้ำต่างๆ ในพื้นที่ลุ่มน้ำชี น้ำมูล น้ำโขงเหนือและน้ำโขงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงการเตรียมความพร้อมรับมือพายุ โดย ดร.สุรสีห์ กล่าวว่า น้ำโขงที่ จ.หนองคาย ลดลง แต่ช่วงวันที่ 23 กันยายนนี้ ที่ จ.นครพนม ระดับน้ำจะเพิ่มขึ้น รวมทั้ง จ.อุบลราชธานี ในช่วงวันที่ 23-24 กันยายน อยู่ในเกณฑ์แจ้งเตือนรับมือระดับน้ำเพิ่มสูง ขณะเดียวกัน ยังต้องติดตามแนวโน้มพายุดีเปรสชัน ‘ซุลิก’ ที่เข้าประเทศเวียดนาม และจะสลายตัวเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ หรือไม่ อย่างไร
หนองคายน้ำลดเร่งระบายออก
ทั้งนี้ ในพื้นที่ จ.นครพนม น้ำโขงจาก จ.หนองคาย รวมถึงฝนที่จะตกลงมาจะเพิ่มระดับน้ำในแม่น้ำโขง ที่ผ่านเข้ามายัง จ.นครพนม สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.หนองคาย ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา น้ำโขงเริ่มเพิ่มปริมาณสูงจนล้นตลิ่ง และในวันที่ 15 กันยายน ระดับน้ำสูงสุดอยู่ที่ 13.82 เมตร จึงล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ รวมถึงมีการระบายน้ำของเขื่อนห้วยหลวง จ.อุดรธานี ส่งผลให้มีพื้นที่ประสบอุทกภัย 9 อำเภอ 51 ตำบล 39,396 หมู่บ้าน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 33,550 ไร่ ขณะนี้ระดับน้ำลดลงแล้ว ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสูบน้ำและทางเทศบาลเมืองหนองคายได้เปิดประตูระบายน้ำ เพื่อระบายน้ำลงสู่แม่น้ำโขง
ฝนถล่มหนองคายน้ำท่วมซ้ำอีก
ที่ จ.หนองคาย ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์น้ำท่วม ว่าระดับน้ำโขง วัดที่ส่วนอุทกวิทยาหนองคาย อยู่ที่ 11.73 เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง 47 เซนติเมตร ปริมาณน้ำฝน 78.1 มิลลิเมตร โดยน้ำโขงมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้การระบายน้ำทำได้ดีขึ้นแต่อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าคืนที่ผ่านมาได้เกิดฝนตกหนักนานหลายชั่วโมง ทำให้ถนนประจักษ์ศิลปาคมย่านเศรษฐกิจใจกลางเมืองหนองคาย ที่น้ำโขงล้นท่อระบายน้ำ บางช่วงที่น้ำได้ลดลงไปหมดแล้ว กลับมีน้ำท่วมอีกครั้ง ประชาชนที่ทำความสะอาดบ้านเรือน และล้างถนน ต้องเผชิญปัญหาน้ำท่วม โดยระดับน้ำสูงประมาณ 40 เซนติเมตร ทำให้พื้นที่ใจกลางเมืองหนองคาย มีน้ำรอการระบายลงสู่แม่น้ำโขง คาดว่าหากไม่มีฝนตก สถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ
แม่ฮ่องสอนน้ำป่าซัดรร.พังยับ
ส่วนที่ จ.แม่ฮ่องสอน ภายหลังเกิดฝนตกหนักตั้งแต่กลางดึกวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายพื้นที่ได้รับผลกระทบมีน้ำท่วมขัง โดยนายณัฐพงค์ เหล่ากาวี ผอ.โรงเรียนบ้านจอสิเดอเหนือ รายงานผลกระทบที่เกิดขึ้นให้กับเขตพื้นที่การศึกษา (สพป.) แม่ฮ่องสอน เขต 2 อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ว่าจากฝนที่ตก ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าโรงเรียนได้รับความเสียหายอย่างหนัก มีต้นไม้ใหญ่ที่ถูกน้ำซัดมาฟาดใส่สายไฟฟ้าควบคุมท่อประปา ทำให้ไม่มีกระแสไฟฟ้าและน้ำประปาใช้งาน อาหารสดที่แช่ไว้เพื่อประกอบอาหารให้เด็กนักเรียนเน่าเสีย จึงมีความต้องการอาหารแห้ง ไว้สำหรับเลี้ยงเด็กนักเรียน 78 คน
กทม.พร้อมรับมือฝนกระหน่ำ
อีกด้านหนึ่ง นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกกรุงเทพมหานคร แจ้งว่าได้เตรียมการเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมจากน้ำฝน น้ำหลากและน้ำทะเลหนุนสูง ซึ่งมีศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วมเฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด มีการประชุมหารือเพื่อประสานข้อมูลร่วมกับกรมอุทกศาสตร์กองทัพเรือ กรมชลประทาน กรมอุตุนิยมวิทยา กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเป็นการบูรณาการความร่วมมือในการบรรเทาปัญหาอุทกภัยพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง และดำเนินการตามแผนปฏิบัติการรองรับสถานการณ์ป้องกันและแก้ปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ กทม.เพื่อลดผลกระทบและลดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชนให้น้อยที่สุด
เตรียมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติได้ทันที
นายเอกวรัญญู กล่าวว่า การเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วม กรุงเทพมหานครได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตามจุดเสี่ยงน้ำท่วม รวมทั้งจัดเตรียมความพร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ เพื่อให้สามารถป้องกันและแก้ปัญหาน้ำท่วมได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชนหากเกิดเหตุกรณีฉุกเฉินสามารถจัดส่งเจ้าหน้าที่ดำเนินการได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง
ตรังคลื่นทะเลซัดบ้านพัง15หลัง
ที่ จ.ตรัง นายณัฐวัฒน์ ทะเลลึก ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง พาผู้สื่อข่าว ลงพื้นที่บ้านมดตะนอย หลังจากถูกคลื่นทะเลสูง 4 เมตร พัดถล่มบ้านเรือนชาวบ้านที่อยู่ริมทะเล โดยส่วนใหญ่มีเอกสารสิทธิ สค.1 และ นส.3 เสียหายทั้งหมด 15 หลัง โดยเสียหายทั้งหลัง รวม 8 หลัง และเสียหายบางส่วนอีก 7 หลัง ซึ่งพบว่าบ้านพักเหลือเพียงซากปรักหักพัง ทรัพย์สินและข้าวของต่างๆ กระจัดกระจายทั่วบริเวณ เนื่องจากชาวบ้านขนย้ายไม่ทัน และบางครอบครัวต้องหนีออกจากบ้านเพื่อเอาชีวิตรอด
ชาวบ้านชี้รุนแรงสุดในรอบ10ปี
ขณะเดียวกันตลอดชายหาด มีต้นไม้ เช่น ต้นสน ต้นมะพร้าวขนาดใหญ่ล้มลงมาหลายต้น อย่างไรก็ตาม ทาง อบต.เกาะลิบง และฝ่ายปกครองในพื้นที่ ได้เข้าช่วยเหลือในเบื้องต้น โดยนำรถแบ๊กโฮมาปรับพื้นที่นำต้นไม้ที่ล้มขวางเส้นทางออก และทำแนวป้องกันคลื่นชั่วคราวทั้งนี้ สำหรับพื้นที่ดังกล่าวได้ประสบเหตุคลื่นลมแรงมาแล้ว แต่ครั้งนี้รุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งชาวบ้านระบุว่ารุนแรงมากที่สุดในรอบ 10 ปี ก่อนหน้านี้เคยร้องเรียนให้ภาครัฐ เพื่อเข้ามาดูแลแก้ปัญหา แต่กลับยังไม่มีการดำเนินการใดๆ
โอดไร้หน่วยงานรัฐมาเหลียวแล
นายอนุพงษ์หนึ่งในชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บอกว่าจะเข้ามาทำพนังป้องกันคลื่น แต่ต้องรออนุมัติงบประมาณ ผ่านไปกว่า 4 ปี ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า ซึ่งชาวบ้านรอไม่ได้ นี่ขนาดปีเดียวบ้านหายไปขนาดนี้ หลังจากนี้จะเหลืออะไร น้ำทะเลซัดจนเกือบจะถึงถนนในหมู่บ้านแล้ว ก่อนหน้านี้ในอดีตเคยมีผืนดินยื่นออกไปกว่า 100 เมตร แต่ปัจจุบันคลื่นซัดจมเป็นผืนน้ำไปหมด ห้วงเวลาเกือบ 10 ปี น้ำทะเลกัดเซาะพื้นที่เข้ามาเยอะมาก บ้านเรือนถูกน้ำซัดไปแล้วมากกว่า 20 หลัง
‘ภูมิธรรม’ปรับเกณฑ์ช่วยเหลือ
วันเดียวกัน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช. ) กล่าวถึงการพิจารณาปรับเกณฑ์เรื่องการเยียวยาน้ำท่วม ว่ารัฐบาลได้อนุมัติงบ 3,000 ล้านบาท ไปใช้ได้ทันทีไม่ต้องผ่านกระบวนการขั้นตอนให้มาก แต่ย้ำให้ดูอย่างรอบคอบ แจกจ่ายได้ตามมติและกฎเกณฑ์เดิม และมอบหมายปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการกฤษฎีกา ผอ.สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และหลายส่วนที่เกี่ยวข้อง ไปคิดภายใน 1 สัปดาห์ หากมีมติชัดเจนจะเป็นส่วนที่จ่ายเพิ่มเติมจากสิ่งที่ได้ปกติ และจะได้ใช้มาตรฐานนี้ในอนาคตข้างหน้า เพราะมาตรฐานเดิมที่วางไว้มีข้อจำกัดหลายอย่าง การเยียวยาเรื่องการเงิน ทำได้เท่าไหร่เราทำก่อน หากทำได้หมดก็พร้อมทำ และย้ำว่าเร่งให้เร็วที่สุดภายใน 1 สัปดาห์ แต่ต้องขอดูรายละเอียด
ยันพร้อมช่วยกำลังพลประสบภัย
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ในส่วนกำลังพลของกองทัพ ที่ลงพื้นที่ไปช่วยน้ำท่วม บางนายก็เป็นผู้ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน เรื่องนี้ทาง ผบ.ทบ.ได้ไปตรวจเยี่ยมแล้วคิดว่าผู้บังคับบัญชาส่วนต่างๆเข้าใจและเห็นใจกำลังพลที่บ้านตัวเองน้ำท่วมแต่ยังทำอะไรไม่ได้ต้องไปดูแลประชาชนก่อน ถือเป็นน้ำใจอันสูงส่งของกำลังพลที่ทำหน้าที่ก่อนจะคิดถึงตนเอง ต้องขอบคุณและให้กำลังใจ ส่วนในรายละเอียดของกำลังพลที่ได้รับผลกระทบนั้น เราจะพิจารณาดูแลหาทางออก โดยตนได้หารือกับรมช.กลาโหม ว่าจะช่วยกำลังพลส่วนนี้อย่างไร ซึ่งจะต้องหารือกัน แต่มีแนวทางบ้างแล้ว ก็ต้องมาหารือรายละเอียดและข้อกฎหมายต่อไป
‘บิ๊กป้อม’แจกถุงยังชีพหนองคาย
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่ จ.หนองคายเพื่อให้กำลังใจประชาชนที่ประสบอุทกภัยน้ำโขงล้นตลิ่งฝนตกหนักจนน้ำท่วมพื้นที่พร้อมกับมอบถุงยังชีพ ช่วยเหลือ ซึ่ง พล.อ.ประวิตร มีหน้าตาสดใส แต่งตัวด้วยชุดสีน้ำเงิน กางเกงวอล์ม เข้าเยี่ยมชาวบ้านในชุมชนหนองบัว เทศบาลเมืองหนองคาย โดยมีประชาชนมาคอยรอต้อนรับ และต่างส่งเสียงบอก “ลุงป้อมสู้ๆ” รวมถึง “เรารักลุงป้อม” ดังขึ้นเป็นระยะๆ จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้เดินทางไปยังชุมชนสระแก้ว ถนนริมโขงและจุดสุดท้ายที่บริเวณชุมชนธาตุใต้ พล.อ.ประวิตร กล่าวกับประชาชนที่มารอต้อนรับ ว่า กันนี้มาในนามพรรคพลังประชารัฐ ด้วยความห่วงใยและรักใคร่ชาว จ.หนองคาย ซึ่งมี ส.ส.กระแสร์ เป็นตัวแทนของคนหนองคาย เป็นคนดี อยากฝาก ส.ส.กระแสร์ ไว้กับพี่น้องประชาชนทุกคน มีอะไรที่อยากให้พรรคฯ ช่วยเหลือขอให้บอก ส.ส.ในสังกัดได้ ตนมีความห่วงใยพี่น้องทุกคนที่ได้รับอุทกภัยในครั้งนี้จึงอยากมาช่วยเหลือ มาให้กำลังใจทุกท่านทุกคนเพื่อให้มีกำลังใจ ทำชีวิตให้ดีขึ้นต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี