เลขาธิการกพฐ. เผยผลการสอบสวนข้อเท็จจริงเบื้องต้น พบว่าผลสอบของครูเบญ คะแนนไม่ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 60 ตามที่ระเบียบกำหนดไว้ ทั้งภาค ก. และ ภาค ข.จริง และไม่ติด 1 ใน 10
กรณี น.ส.เบญญาภา เย็นอุดม โพสต์ร้องขอความเป็นธรรม เรื่องการสอบครู หลังสอบติดพนักงานราชการทั่วไปอันดับที่ 1 เอกวิทยาศาสตร์ สพม.สระแก้ว แต่ผ่านไป 3 วัน ปรากฏว่าชื่อหายไป เมื่อสอบถามไปยังหน่วยงานจัดสอบคือ สพม.สระแก้ว กลับได้รับแค่คำขอโทษ โดยไม่ได้รับคำอธิบายใดๆทั้งสิ้น ต่อมาว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) สั่งตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ขณะที่นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว สั่งการให้ สพม.สระแก้ว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เยียวยาแก้ปัญหานี้โดยด่วน และน.ส.เบญญาภา เย็นอุดม ขณะที่สพฐ.ออกคำสั่งให้ นายประยงค์ สารภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) สระแก้ว มาปฏิบัติราชการที่สำนักบริหารการมัธยมศึกษา สพฐ. และสพฐ.ได้มีการนัดแถลงข้อสรุปผลการสอบสวนในเวลา 10.00 น. ของวันที่ 20 กันยายน นี้ แต่ได้แจ้งเลื่อนการแถลงข่าวออกไปนั้น
วันที่ 20 ก.ย.2567 นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ปฏิบัติหน้าที่โฆษกศธ. เผยความคืบหน้าในเรื่องนี้ว่า สพฐ.ขอเลื่อนการแถลงข่าวผลการสืบข้อเท็จจริงออกไปก่อน เนื่องจาก พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการศธ.และว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.)ประสงค์ให้ ครูเบญ ได้ร่วมแถลงข่าวด้วย แต่เนื่องจากวันที่ 20 กันยายน ครูเบญ ต้องเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ดังนั้น สพฐ.จึงขอเลื่อนการแถลงข่าวในวันนี้ออกไปก่อน ขณะเดียวกัน สพฐ. ก็ได้ส่งเอกสาร ทั้งข้อสอบ กระดาษคำตอบ ทั้งของครูเบญ และของผู้ที่มีชื่อมาแทน ๆไปให้กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อตรวจยืนยันว่า เอกสารเหล่านี้เป็นเอกสารจริงหรือไม่ อย่างไร เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการศธ. และนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศธ. ที่อยากทำให้กระบวนการตรวจสอบมีความโปร่งใส เป็นธรรมกับทุกฝ่ายมากที่สุด จะได้ไม่มีความคลางแคลงใจ
“สพฐ.ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง มีการตรวจข้อสอบ กระดาษคำตอบ รวมถึงสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องกว่า 30 ปากพบว่า มีในเรื่องความประมาทเลินเล่อ ส่วนจะมีการทุจริตหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน และ เพื่อความถูกต้อง ไม่ให้เกิดความคลางแคลงใจ จึงส่งให้กองพิสูจน์หลักฐาน สตช. ตรวจสอบอีกรอบ เพื่อความชัดเจน ส่วนจะแถลงข้อสรุปเรื่องนี้ เมื่อไรนั้น คงต้องรอผลการพิสูจน์หลักฐาน จากทางสตช. หรือจนกว่า ครูเบญจะมีความ” นายสิริพงศ์ กล่าว
นายสิริพงศ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ หากผลสอบสรุปว่า ครูเบญ สอบได้คะแนนเป็นลำดับที่ 1 จริงตามประกาศครั้งแรก ก็จะบรรจุเป็นพนักงานราชการให้ตามสิทธิ แต่หากพบว่า เป็นความผิดพลาดจากความประมาทเลินเล่อ เช่น กรณีอ้างว่า มีการประกาศชื่อผิด โดยสลับชื่อครูเบญ กับผู้ที่ได้คะแนนลำดับที่ 1 ก็จะต้องมีการเยียวยา เช่น คืนตำแหน่งครูอัตราจ้างเพื่อให้มีงานทำ แต่คงไม่สามารถบรรจุเป็นพนักงานราชการให้ได้ ไม่เช่นนั้น ก็จะไม่เป็นธรรมกับผู้เข้าสอบคนอื่น รวมถึงจะกลายเป็นบรรทัดฐาน หากมีใครมาร้องเรียน ก็จะต้องบรรจุให้หมด อย่างไรก็ตาม ในส่วนผู้ที่ทำให้เกิดความผิดพลาดในครั้งนี้ จะต้องถูกลงโทษทางวินัยอย่างแน่นอน ไม่ว่าผลสรุปจะออกมาเป็นความประมาทเลินเล่อ หรือการทุจริต ก็จะต้องมีผู้รับผิดชอบ โดยเฉพาะผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งถือเป็นผู้กำกับดูแลเรื่องนี้โดยตรง
ด้าน ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการกพฐ. กล่าวว่า สพฐ. สอบข้อเท็จจริงเสร็จเรียบร้อยตามกำหนดแล้ว โดยผลการสอบสวนข้อเท็จจริงเบื้องต้น พบว่าผลสอบของครูเบญ คะแนนไม่ผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 60 ตามที่ระเบียบกำหนดไว้ ทั้งภาค ก. และ ภาค ข.จริง และไม่ติด 1 ใน 10 ซึ่งให้ครูเบญยืนยันแล้ว ส่วนคนที่ได้ที่ 1 พบว่าคะแนนสูงสุดจริง ซึ่งบุคคลดังกล่าวมีผลการเรียนที่ได้เกียรตินิยม และสภาพแวดล้อมหลายอย่าง ยืนยันน่าจะสอบได้จริง
อย่างไรก็ตาม การสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว ที่ดำเนินการโดย สพฐ. อาจทำให้สังคมยังมีความเคลือบแคลงสงสัยในหลายประเด็น ดังนั้น สพฐ.จึงทำหนังสือ ถึงกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งขาติ (สตช.) ซึ่งมีความเชี่ยวชาญมีเครื่องมือ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยให้ช่วยตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ผลออกมาเป็นที่น่าเชื่อถือ ข้อสอบเป็นการฝนด้วยดินสอบสองบี ตรวจกระดาษคำตอบด้วยระบบคอมพิวเตอร์
“ทั้งนี้ รมช.ศธ.ในฐานะกำกับดูแล สพฐ.ให้มีการตั้งคณะกรรมการกลาง ขึ้นมาตรวจสอบขบวนการสอบเรื่องนี้ทั้งหมด โดยมี ตำรวจ อัยการ ฝ่ายการศึกษา เป็นคณะกรรมการ เพื่อไม่ให้สังคมเคลือบแคลงสงสัย เพราะขณะนี้สื่อและสังคมเคลือบแคลงสงสัยบานปลายไปมาก จึงต้องรีบทำเพื่อให้เห็นว่าสพฐ.และ ศธ.เอาจริงเอาจังในเรื่องนี้และไม่ปกป้อง จะพิสูจน์ให้ชัดเจนถ้าใครทำผิด มีความบกพร่อง หรือประมาทก็ต้อลงโทษขั้นเด็จขาด ส่วนเรื่องการเยียวยาต้องเหมาะสม เป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่เพื่อไม่ให้สังคมเกิดความเคลือบแคลงสงสัยต้องรอผลสอบจากคณะกรรมการกลาง และกองพิสูจน์หลักฐาน สตช. ด้วย ซึ่งวันนี้ สพฐ.ได้ส่งเรื่องไปแล้ว“ ว่าที่ร้อยตรีธนุ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี