ลุงแว่นปฏิเสธข่มขืน ตรวจ DNA ชี้บริสุทธิ์ ภรรยาห่วงกลัวฆ่าตัวตาย พร้อมชี้ป้าระเบียบ-ลูกสาวสร้างความเดือดร้อนชาวบ้าน
วันที่ 20 กันยายน 2567 จากกรณีเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาที่สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจ “สายไหมต้องรอด” ได้นำหญิงสาวพิการทางสมอง พร้อมแม่เข้าพบกับ พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผู้กำกับการ สภ.รัตนาธิเบศร์ เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีข่มขืนที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหตุเกิดภายในซอย ติวานนท์ 25 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2563 เมื่อหญิงสาวผู้เสียหายถูกกลุ่มวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างแถวบ้านรุมโทรมและกระทำชำเราหลายครั้ง โดยในครั้งแรกมีการเก็บวัตถุพยานและตรวจพบ DNA ของผู้ก่อเหตุมากกว่า 3 คน อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าวกลับเงียบหายไปเนื่องจากเจ้าของคดีย้ายที่ทำงานไป
ตั้งแต่เหตุการณ์แรก ผู้เสียหายยังคงถูกกระทำอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดวันที่ 24 ในเดือนพฤษภาคม 2567 เธอถูกฉุดไปก่อเหตุซ้ำอีก โดยครั้งนี้มีร่องรอยการถูกกัดที่อวัยวะเพศและหัวนม ทำให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บทั้งทางร่างกายและจิตใจ ครอบครัวของผู้เสียหายกังวลว่าคดีจะไม่คืบหน้า จึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ข้าราชการในศาลากลางจังหวัดนนทบุรี หลังจากได้รับการร้องเรียน เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวได้ติดต่อขอความช่วยเหลือจากเพจ “สายไหมต้องรอด” เพื่อให้เข้ามาดูแลและติดตามคดีนี้ โดยเฉพาะในเรื่องของความเป็นธรรมและการปกป้องสิทธิ์ของผู้เสียหาย
ล่าสุด ผ฿่สื่อข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุบริเวณปากซอยติวานนท์ 25 แยก 23 ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นบ้านของนายแว่น อายุ 63 ปี ผู้ถูกกล่าวหา อาศัยอยู่กับภรรยา ป้าน้อง อายุ 55 ปี ได้ปฏิเสธว่าเป็นผู้ก่อเหตุ โดยให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกอย่าง แสดงความบริสุทธิ์ใจตรวจ DNA เปิดเผยพฤติกรรมของป้าระเบียบผู้ร้องเรียน และลูกสาว ได้สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงโดยมีการโวยวาย ทำลายอาละวาดปาข้าวของบริเวณริมถนน
ลุงแว่น กล่าวว่า ตนถูกกล่าวหาซึ่งไม่ได้เป็นคนทำ ไม่เคยไปข่มขืนใคร ไม่มีเรื่องจะเล่า มาบอกว่าปี 63 ลุงไปรุมโทรมเขาลุงไม่รู้เรื่อง ขับวินตามปกติ ตอนเช้าวิ่งวินเสร็จต้องรีบไปขายของ ไปกับภรรยา กลับถึงบ้านตอนเย็น ต้องไปรับเด็กนักเรียนขาประจำ ถึงจะจบงาน ลุงต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด ที่มีคนพูดว่าลุงไปฉุดผู้หญิงมาข่มขืนเมื่อเดือนสิงหาคมตนไม่รู้เรื่องพึ่งได้ยินข่าว ตนไม่เคยคุยกับครอบครัวเขา ไม่เคยคุยกับคนที่พิการโดนข่มขืน
เห็นแต่สติไม่ดีอาละวาดขว้างปาของอยู่แถวนี้ ลุงมองว่าเป็นเด็กพิการทางสมอง ตอนนี้ลุงโดนกล่าวหาว่าไปข่มขืน รู้สึกเสียใจถูกกล่าวหาแบบนี้ ซึ่งมันไม่เป็นความจริง บางครั้งคิดท้อแท้ในชีวิต ลุงทำแต่ความดีช่วยเหลือคนอื่น
เมื่อวันที่ 22 ตำรวจ เข้ามาหาที่บ้าน ตนเลยเข้าไปหาตำรวจ แสดงความบริสุทธิ์ใจ พิสูจน์หลักฐานมาตรวจร่างกายลุง ให้ความร่วมมือทุกอย่าง ลุงไม่อยากจะฝากอะไรถึงเขาเพราะไม่ค่อยได้พูดคุยกันแล้วแต่เวรแต่กรรม แต่อยากขอความยุติธรรมให้กับลุง ส่วนวันที่ 21 ส.ค.67 เขากล่าวอ้างว่าลุงฉุดไปข่มขืน ลุงอธิบายได้ลุงวิ่งวิน ไปรับลูกค้าประจำ ซึ่งเป็นผู้โดยสารตั้งแต่เช้ามืด แล้ววิ่งหาผู้โดยสาร กลับจากขับวินก็ไปขายของกับภรรยาตามปกติ
ด้าน ภรรยา กล่าวว่า ตนไม่เคยพูดอะไร ความจริงคือความจริง ป้าเขาชอบสร้างสถานการณ์ แสดงอาการเก่ง ถ้าลูกไม่ทำตามก็จะตี ตนเห็นเมื่อหลายปีก่อนตีหัวจนแตก เวลาลูกปาข้าวของมาตัวเองอยู่ในบ้านยังไม่จัดการชาวบ้านต้องมาจัดการกัน เดือดร้อนไปหมด คนแถวนี้รู้กันทั่ว
เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมายังมาซื้อไข่ ซื้อของอยู่ พูดคุยดี คุยด้วยเราก็คุย แต่เรื่องความโกรธแค้นตนไม่มี ตนมีอะไรก็แบ่งให้กิน กล้วย ผลไม้ เคยเห็นลูกเขาออกมาปาข้าวของเพราะหิวตนก็หาของไปให้กิน ตนไม่เคยไปวุ่นวาย คนเช่าข้างบ้านแกออกไปก็มาหาเรื่องตน เพราะคนเช่าเก่าเขาขี้เกียจรำคาญ สร้างเรื่องได้ทุกวัน ตนก็ตัดปัญหาไปอยู่บ้านกับลูกที่บวชเพิ่งสึก ตัดปัญหาได้ยินอะไรก็รู้สึกไม่ดี ตนไม่โกรธแค้นแต่ถ้ามาทำให้ตนเสียหาย มาทำให้เราเสีย คนก็มาประนามครอบครัวตน ปัญหาค่าใช้จ่ายในบ้านก็มีแต่ยังต้องมาต่อสู้กับเรื่องพวกนี้
ตนพูดความจริง ความจริงอยู่ในตัวเรา เรารู้เอง ทั้งนี้ตนยังถูกป้าระเบียบร้องเรียนประมาณ 4-5 ครั้ง 1.ร้องเรียนเทศกิจเพื่อนที่เรื่องตนขายของ 2.กล่าวหาว่าตนมีเรื่องอิทธิพลเส้นใหญ่ 3.ร้องเรียนท่อน้ำบ้านตนไหลไปบ้านเขาบ้าง 4.ร้องว่าข่มขืน ตอนนี้ตนเป็นห่วงเรื่องสุขภาพจิตของสามีตนกลัวจะฆ่าตัวตาย เพราะต้องมานั่งเครียดเรื่องนี้เคยคิดจะหนีบวชแต่ติดภาะที่ต้องทำงานดูแลครอบครัว
ป้าน้อย อายุ 84 ปี อาศัยอยู่ในซอยป้าระเบียบผู้ร้องเรียน อายุ 84 ปี เปิดเผยว่า ตนไม่ทราบเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเรื่องคดีข่มขืน ตนอยู่แต่บ้าน ไม่ได้รู้จักส่วนตัวกับป้าระเบียบ และคุณลุงคู่กรณี เพียงแต่ได้ยินว่าคุณป้าระเบียบกับลูกสาว ทะเลาะกันบ่อยมีปากเสียงเป็นประจำ บางครั้งอารมณ์ไม่ดีลูกสาวจะโวยวายอาละวาด ปาขวดเละเทะ แต่ตนไม่อยากไปมีเรื่องราวด้วย และไม่รู้เรื่องอะไรเยอะเพราะไม่ชอบสุงสิงกับใครอยู่แต่ในบ้านตัวเอง
นายสัง (นามสมมติ) วินจยย. อายุ 48 ปี เพื่อนร่วมงานลุงแว่น กล่าวว่า ตนไม่เห็นลุงมีเรื่องอะไร ทำงานร่วมกันก็ปกติ ไม่เคยได้ยินเรื่องไปทำอนาจารใคร ส่วนคนที่ไปร้องเรียนเป็นคนสติไม่เต็ม วันๆออกมาเตะข้าวของ กรี๊ดกราดหน้าบ้าน ทำลายข้าวของในซอยบ้าน หลังๆมีเรื่องกับ 1-2 คนแถวนี้ แต่ตนไม่ไปใส่ใจ ต่างคนต่างทำมาหากิน
ตนคิดว่าล้านเปอร์เซ็นต์เลยที่ไม่เชื่อกับเรื่องที่กล่าวหาลุงมา ตนเคยเห็นคุณลุงไปรับเด็กคนนี้แค่เที่ยวเดียวเอง ตั้งแต่ตนมาขับรถ มีรับไปปากซอย ตนก็ไม่ค่อยอยากรับเดี๋ยวของขึ้นตอนขับรถ สติเขาไม่ดี คล้ายๆขาดยาแล้วสติเสียทำลายข้าวของ รู้สึกเรื่องนี้ไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไหร่ คนดีจะมาเป็นเชลยไม่ได้ คนไม่ผิดจะให้มันผิดก็ไม่ได้ บ้านเมืองมีกฎหมาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี