อุตุฯประกาศเตือนระวังน้ำท่วมฉับพลัน
ฝนถล่มหนัก50จว.
อันดามัน-อ่าวไทยคลื่นลมจัด
แม่สายยังหนักจมโคลน11วัน
ปภ.พร้อมเยียวยาผู้ประสบภัย
กทม.เตรียมปั๊มยักษ์ระบายน้ำ
กรมอุตุฯ ประกาศเตือนฝนถล่ม 50 จังหวัด แม้พายุ “ซูลิก” จะอ่อนกำลังแต่ยังไม่ปลอดภัย ด้าน ปภ. จัดประชุมร่วม 57 จังหวัด 24 กันยายนนี้เตรียมความพร้อมจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ส่วนที่ชุมชนชายแดนแม่สาย เจ้าหน้าที่ยังเร่งฟื้นฟูบ้านเรือน ร้านค้า รวมทั้งตลาดสายลมจอย หลังจมน้ำจมโคลนมา 11 วัน ฝ่าย กทม.จัดเตรียมปั๊มยักษ์ระบายน้ำท่วมขังเขย่ากรุง
เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2567 กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเรื่องฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย และคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน ฉบับที่ 1 (207/2567) (มีผลกระทบถึง 23 ก.ย.2567) โดยระบุว่า ช่วงนี้ ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ส่วนภาคใต้มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย
เตือนท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก
ทั้งนี้ เนื่องจากร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่อ่อนกำลังลงจากพายุดีเปรสชัน “ซูลิก” เคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยตอนบน ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย
ทั่วไทยยังมีฝนตกหนัก
จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ในช่วงวันที่ 22 กันยายน 2567 ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัยกำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล, ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด, ภาคใต้: จังหวัดระนอง และพังงา
ส่วนในช่วงวันที่ 23 กันยายน 2567 ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัยกำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรีพระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล, ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด, ภาคใต้: จังหวัดระนอง
“อันดามัน-อ่าวไทย”คลื่นลมแรง
ส่วนในช่วงวันที่ 21-22 ก.ย. 67 คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย
จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ปภ.ประชุมร่วม 57จว.24 ก.ย.นี้
ด้านนายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นหน่วยรับงบประมาณและดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยนั้น เพื่อให้การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นไปอย่างถูกต้อง ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยได้รับเงินช่วยเหลือโดยเร็ว กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจึงได้เตรียมจัดประชุมกับ 57 จังหวัดที่ได้รับการจัดสรรเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 เพื่อชี้แจงขั้นตอนและแนวทางการปฏิบัติงานให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยมีกำหนดจัดประชุมชี้แจงในวันที่ 24 กันยายน 2567 เวลา 13.30 น.
จัดเงินช่วยเหลือให้57จังหวัด
สำหรับ 57 จังหวัดที่ได้รับการจัดสรรเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในครั้งนี้ เป็นจังหวัดที่มีสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูฝนตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นมาและได้รับผลกระทบ มีการประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย และ/หรือประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ได้แก่ กระบี่ กาญจนบุรี กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชัยภูมิ ชลบุรี เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตราด ตาก นนทบุรี นครนายก นครปฐม นครพนม นครสวรรค์ นครราชสีมา นครศรีธรรมราช น่าน บึงกาฬ ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา พังงา พะเยา พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ ภูเก็ต มหาสารคาม มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยะลา ระยอง ราชบุรี ร้อยเอ็ด ลำปาง ลำพูน เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สตูล สระแก้ว สระบุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี หนองคาย หนองบัวลำภู อ่างทอง อุทัยธานี อุดรธานี อุตรดิตถ์ และอุบลราชธานี
ผู้ประสบภัยยื่นคำร้องได้2ช่องทาง
โดยในเบี้องต้น ผู้ประสบภัยสามารถยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือได้ 2 ช่องทาง ทั้งแบบ onsite และ online โดย 1. การยื่นคำร้องฯ ด้วยตนเอง ณ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ประสบภัย และ 2. การยื่นคำร้องฯ ด้วยตนเองผ่านทาง website ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดทำ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการยื่นคำร้องและติดตามสถานะการขอรับเงินช่วยเหลือฯ ช่วยลดขั้นตอนเอกสารและระยะเวลาในการเดินทางมาติดต่อ และเพื่อให้ประชาชนเข้าใช้งานได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วที่สุด
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 ผ่านทางเฟสบุ๊ก กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM และ X @DDPMNews ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะทำการอัปเดตข้อมูลเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยได้รับความช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด
เร่งฟื้นฟูชุมชนชายแดนแม่สาย
ส่วนที่ชุมชนชานแดนแม่สายนั้น ได้เข้าสู่วันที่ 11 แล้ว ที่ถูกน้ำท่วมหนักและจมโคลน แม้เจ้าหน้าที่จะระดมกำลังคนและเครื่องจักเข้าฟื้นฟู แต่ต้องบอกว่าเป็นงานหนักจริงๆ สภาพล่าสุดของตลาดสายลมจอยที่หลายคนรู้จักกันดี ตอนนี้ยังเต็มด้วยความเสียหายของร้านค้าเกือบ 2 ร้อยแห่ง เต็มไปด้วยดินโคลน บางจุดโคลนยังสูงท่วมหัว ซึ่งเจ้าของร้านหลายรายนอกจากร้านพังเสียหายทรัพย์สินถูกน้ำพัดหายไป บางส่วนจมอยู่ใต้โคลน แทบหมดตัวแล้ว แต่ยังต้องจ้างแรงงานมาขุดโคลนออกจากร้านเพื่อฟื้นฟูให้เร็วที่สุด อย่างร้านนี้ ขายเครื่องใช้ไฟฟ้า จ้างแรงงานมาช่วยขุดคนละ 5 ร้อยบาท วันละสิบกว่าคน มา 5 วันแล้ว คาดต้องใช้เวลานานนับเดือนและยังไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาฟื้นฟูร้าน
ระดมคน-เครื่องจักรเข้ากู้โคลน
เจ้าหน้าที่ระดมคนและเครื่องจักร ซึ่งมีทั้งของทหาร หน่วยงานต่างๆ รวมทั้งจิตอาสาที่เป็นเป็นชุดนักรบกู้โคลน เข้าตักโคลนในตลาดสายลมจอย มา 2 วันแล้ว แต่การฟื้นฟูเป็นไปอย่างช้าๆ เพราะซากความเสียหายและโคลนจำนวนมากที่ทับถมมาหลายวันและใต้โคลนยังเต็มไปด้วยสินค้าและทรัพย์สินมากมาย กระแสน้ำจากลำน้ำสายได้พัดพาทรายเข้ามาบริเวณหลังตลาดสายลมจอยจนกลายเป็นหาดทรายกว้าง ทำให้เห็นถึงความรุนแรงของน้ำท่วมครั้งนี้ เช่นเดียวกับอีกหลายชุมชน ทั้งเกาะทราย ไม้ลุงขนและชุมชนเกาะสวรรค์ที่ยังเต็มด้วยเศษความเสียหายและโคลนจำนวนมหาศาล รวมทั้งที่หมู่บ้านถ้ำผาจม ในตำบลเวียงพางคำ ซึ่งอยู่ติดลำน้ำสายทำให้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก บ้านหลายหลังถูกกระแสน้ำพัดจนพัง หลายหลังยังถูกโคลนท่วมสูง ชาวบ้านยังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก
น้ำโขงลด-นครพนมบิ๊กคลีนนิ่ง
ที่ จ.นครพนม ระดับน้ำโขงเริ่มลดลงต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ระดับประมาณ 11.30 เมตร ลดระดับลงวันละประมาณ 20-30 เซนติเมตร ส่วนระดับเฝ้าระวังเตือนภัยอยู่ที่ระดับ 12 เมตร แต่ไม่มีโอกาสเอ่อล้นท่วมตลิ่งตัวเมือง เนื่องจากมีระดับสูงรองรับได้ถึงระดับ 15 เมตร อีกทั้งปริมาณฝนเบาบางลดลง เพียงมีท้องฟ้ามืดครึ้ม เชื่อว่าปริมาณฝนลดลง เริ่มเข้าสู่ปลายฝนต้นหนาว แต่ยังคงเฝ้าระวังหากมีฝนตกหนักจะต้องเสริมการระบายน้ำลงน้ำโขงป้องกันน้ำท่วมขังรอระบาย ที่สำคัญเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อลำน้ำสาขา สามารถระบายลงน้ำโขงได้เร็วขึ้น ลดความเสียหายพื้นที่การเกษตรนาข้าว ในพื้นที่ลำน้ำอูน รวมถึงลำน้ำสงคราม โดยมีพื้นที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมกว่า 55,000 ไร่ เชื่อว่ามีแนวโน้มดีขึ้นหากระดับน้ำโขงลดลงต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันเทศบาลเมืองนครพนม ได้ระดมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบ ทำความสะอาดดินโคลนที่ไหลมากับน้ำโขง บริเวณร้านค้าชั้นใต้ดิน บริเวณลานพญานาคองค์พญาศรีสัตตนาคราช หลังระดับน้ำโขงเพิ่มสูงท่วมและลดระดับลง ถือเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญ รวมถึงเส้นทางเดินรองรับประชาชนนักท่องเที่ยวติดลำน้ำโขงที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วม เพื่อเร่งทำความสะอาดคืนพื้นที่เข้าสู่ภาวะปกติ รองรับประชาชนนักท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวกลับมาเหมือนเดิม
น้ำโขงไหลอำนาจเจริญล้นตลิ่งท่วม
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขงด้าน อ.ชานุมาน จ.อำนาจเจริญ มีระดับน้ำสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและไหลท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำโขง ส่งผลให้แปลงพักพืชผลทางการเกษตรเสียหายจำนวนหนึ่ง จึงมีการเทดินทำคันกั้นน้ำและวางกระสอบทรายอีกชั้นหนึ่งตลอดแนว เพื่อไม่ให้ไหลท่วมบ้านเรือนราษฎรที่อยู่ใกล้ ซึ่งทางอำเภอชานุมานได้มีการประชาสัมพันธ์ผ่านเสียงตามสาย หอกระจายข่าวชุมชนริมโขงให้เฝ้าระวังหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินสามารถอพยพขึ้นที่สูงได้ทันที
ปภ.จังหวัดอำนาจเจริญ รายงานสถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่อาจเกิดอุทกภัยพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ ณ ริมตลิ่งแม่น้ำโขง บ้านบุ่งเขียวน้อย หมู่ที่ 7 ต.โคกก่ง อ.ชานุมาน จ.อำนาจเจริญ ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มขึ้น 20 เซนติเมตรทำให้น้ำในแม่น้ำโขงล้นตลิ่ง ไหลท่วมพืชผลทางการเกษตร จำนวนหนึ่ง ซึ่งยังไม่กระทบกับบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ เพราะน้ำยังไหลมาไม่ถึง
พังงาฝนตกต่อเนื่องเกิดดินสไลด์
ส่วนในพื้นที่ จ.พังงา มีฝนตกหนักต่อเนื่องมาหลายวัน ทำให้เกิดดินสไลด์ลงลำคลองถนนใหม่ ม.3 ต.ถ้ำน้ำผุด อ.เมืองพังงา เป็นทางยาวกว่า 60 เมตร ลึกเข้ามาจนเกือบถึงบ้านเรือนประชาชน ซึ่งได้เกิดสถานการณ์ดินสไลด์ลงเรื่อยๆ ทำให้ชาวบ้านได้ความเดือดร้อน กลัวว่าบ้านจะทรุดลงไปในลำคลอง จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือป้องกัน
ดอนเมืองรับมือน้ำท่วม
ด้านสภาพถนนในพื้นที่เขตดอนเมือง มีน้ำท่วมขังสูงหลายจุด โดยเฉพาะถนนช่างอากาศอุทิศ เกือบทั้งเส้นตั้งแต่สำนักงานเขตดอนเมือง ไปจนถึงหมู่บ้านศินิสุข ระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร ระดับน้ำขังสูง 10-20 เซนติเมตร ตั้วแต่แยกศิริสุข เข้ามาจนถึงสนามกีฬากลางหมู่บ้าน ชาวบ้านที่อยู่บริเวณริมถนนบางหลัง นำกระสอบทรายมาวางปิดกั้นบริเวณหน้าบ้าน เพื่อป้องกันคลื่นที่มาจากรถวิ่งลุยน้ำ ซึ่งเป็นผลมาจากฝนที่ตกเมื่อเย็นวันที่20 ก.ย. จนถึงขณะนี้ น้ำยังไม่ลง ชาวบ้านหวั่นหากฝนตกลงมาซ้ำ น้ำอาจเข้าบ้านจนทำให้ทรัพย์สินเสียหายได้ ขณะที่กรุงเทพมหานคร และสำนักงานเขตดอนเมือง นำปั๊มน้ำขนาดใหญ่มาติดตั้งตามจุดต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 10 เครื่อง เพื่อเร่งระบายน้ำที่ยังค้างอยู่บนถนนให้กลับคืนสู่สภาพเดิมโดยเร็ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี